ตอนที่ 160 แค่เรียกก็พร้อมมา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 160 แค่เรียกก็พร้อมมา
ฉินหมัวมัวเห็นดังนั้นจึงรีบพาสาวใช้ในห้องเดินออกไปจากห้องทั้งหมด ฮูหยินสามหลี่ซื่อรีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่งซื่อแล้วยื่นจดหมายให้นาง

“เสี่ยวซื่อทิ้งจดหมายไว้แล้วก็หนีไปแล้วเจ้าค่ะ นางบอกว่าจะตามอาเป่าไปยังหนานเจียง ข้าก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดสองสามวันมานี้นางจึงว่าง่ายนัก ไม่เพียงไม่ก่อเรื่องยังเอาแต่กำชับให้ข้าดูแลตัวเองให้ดี ที่ไหนได้นางกลับก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้นี่เอง! วันนี้นางอ้างว่าไม่สบายจึงไม่ไปส่งท่านย่า ข้ายังนึกว่านางไม่สบายจริงๆ พี่สะใภ้ใหญ่…ทำเช่นไรดีเจ้าคะ!”

“เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป!” ต่งซื่อรับจดหมายมาพลางเอ่ยถาม

“เจ้าพบว่าเสี่ยวซื่อหายไปเมื่อใด สอบถามสาวใช้ข้างกายของเสี่ยวซื่อแล้วหรือไม่”

“สาวใช้พวกนั้นกล่าวว่าหลังจากที่พวกเราไปส่งท่านแม่ เด็กนั่นก็แบกย่ามขี่ม้าหนีไปแล้วเจ้าค่ะ!” หลี่ซื่อกังวลใจเป็นอย่างมาก สามีและบุตรชายของนางเสียชีวิตไปหมดแล้ว หากบุตรสาวเป็นอันใดไปอีกคนนางจะมีชีวิตอยู่อย่างไรกัน!

ต่งซื่อกวาดสายตาอ่านจดหมายของไป๋จิ่นจื้อจนจบ จากนั้นเอ่ยขึ้น

“เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ นางไปหาอาเป่า ข้าจะสั่งให้คนไปตามจับนางกลับมาเดี๋ยวนี้! ฉินหมัวมัว…”

ฉินหมัวมัวรับคำพลางเดินแหวกม่านเข้ามาด้านใน

“ให้หลูผิงนำองครักษ์จำนวนหนึ่งขี่ม้าเร็วไปทางทิศใต้ตามจับคุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อกลับมาให้ได้!”

หลี่ซื่อตะลึง ให้หลูผิงไปตามจับด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ!

“เดี๋ยวก่อนฉินหมัวมัว!” หลี่ซื่อรีบเอ่ยเรียกฉินหมัวมัวที่หมุนกายเตรียมเดินจากไปไว้ นางก้าวเข้าไปจับมือต่งซื่อแน่น

“พี่สะใภ้ใหญ่ บัดนี้องครักษ์ที่เก่งกาจ และมีฝีมือมากที่สุดในจวนเจิ้นกั๋วกงคือหลูผิง หากท่านให้หลูผิงไปตามคนกลับมา…หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจวนเราจะทำเช่นไรเจ้าคะ!”

“นอกจากหลูผิงแล้ว มีผู้ใดสามารถจับตัวเสี่ยวซื่อกลับมาได้อีกกัน เจ้าวางใจเถิด เสี่ยวซื่อคงยังไปได้ไม่ไกลนัก” ต่งซื่อกล่าวกับฉินหมัวมัว

“ไปเถิด กำชับให้หลูผิงระวังตัวอย่าให้ถูกจับได้ล่ะ”

“ฉินหมัวมัว!” หลี่ซื่อรั้งฉินหมัวมัวไว้อีกครั้ง นางจุกแน่นในลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย

“หลูผิงไปไม่ได้! ช่างเถิด! ไม่ต้องตามแล้ว นางคงไปหาอาเป่านั่นแหล่ะ เสี่ยวซื่อพอมีวิทยายุทธ์อยู่บ้าง หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นคงไม่เป็นตัวถ่วงอาเป่าหรอก ให้นางติดตามไปเรียนรู้อยู่ข้างกายอาเป่าก็ดีเหมือนกัน”

แม้หลี่ซื่อจะอดห่วงไม่ได้ แม้เป็นกังวลมากเท่าใดแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้

นางจะไม่ได้ฉลาดเท่าต่งซื่อที่รู้ดีไปเสียทุกเรื่อง แต่นางก็เดาได้ว่าที่ไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปยังหนานเจียงในครั้งนี้ก็เพื่อปกป้องทุกคนในตระกูลไป๋

พี่สะใภ้ใหญ่ต่งซื่อก็เหลือเพียงแค่บุตรสาวที่ร่างกายอ่อนแอคนนี้เพียงคนเดียว แต่พี่สะใภ้ใหญ่ก็ต้องยอมให้ไป๋ชิงเหยียนไปเพื่อตระกูลไป๋ บุตรสาวของนางแข็งแรง และแอบหนีไปด้วยตัวเองเช่นนี้ นางยังต้องให้พี่สะใภ้ใหญ่สั่งให้องครักษ์ไปตามจับตัวบุตรสาวกลับมา หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่เมืองหลวงแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ไม่มีคนมีฝีมือคอยรับใช้จะทำเช่นไรกัน!

หลี่ซื่อตัดสินใจเด็ดขาด กล่าวอย่างหนักแน่นทั้งน้ำตา

“พี่สะใภ้ใหญ่ รบกวนท่านช่วยส่งคนไปตามหายายเด็กไม่ได้เรื่องนั่นหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ฝากบอกนางด้วยว่าให้คุ้มครองอาเป่าให้กลับมาอย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นข้าจะตีขานางให้หักไปเลย!”

ขอบตาของต่งซื่อร้อนผ่าว นางกุมมือหลี่ซื่อไว้หลวมๆ “จิ่นถงไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่แล้ว หากจิ่นจื้อจากไปอีกคน เจ้า…”

ไม่รอให้ต่งซื่อกล่าวจบ หลี่ซื่อส่ายหน้าน้อยๆ

“เสี่ยวซื่ออาศัยว่าตัวเองมีวิทยายุทธ์จึงได้เอาแต่ใจ ทำตัวเหิมเกริมมาหลายปี บัดนี้ท่านปู่และท่านพ่อของนางไม่อยู่แล้ว นางควรไปฝึกฝนประสบการณ์ ควรโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ! อีกอย่างด้วยนิสัยของเสี่ยวซื่อ ต่อให้จับตัวนางกลับมาได้ นางก็ต้องหาโอกาสหนีไปอีกอยู่ดีเจ้าค่ะ”

ครู่ใหญ่ต่งซื่อจึงพยักหน้า หันไปสั่งฉินหมัวมัวที่ยืนตาแดงก่ำอยู่หน้าประตูห้อง

“ส่งให้คนไปตามหาคุณหนูสี่แล้วพานางไปส่งให้คุณหนูใหญ่ ให้คุณหนูใหญ่ดูแลน้องสาวให้ดีๆ”

ตอนที่รถม้าของไป๋ชิงเหยียนมาถึงจุดนัดหมายทางทิศใต้ที่ห่างจากเมืองหลวงสิบลี้ ขบวนกองทัพยังมาไม่ถึง

ไป๋ชิงเหยียนที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชายเรียบร้อยยังไม่ทันลงมาจากรถม้า เซียวรั่วไห่ก็ขี่ม้าเร็วมาถึงเสียก่อน เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่ในรถม้า “คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองมาส่งคุณหนูขอรับ!”

จิ่นซิ่ว!

หญิงสาวแหวกผ้าม่านบนรถม้าออก โน้มกายลงมาจากรถม้า เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ด้านข้างของเหล่าองรักษ์ที่ติดตามนางไปยังหนานเจียงซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ไป๋จิ่นซิ่วสวมเสื้อคลุมกันลมยืนอยู่ด้านข้างรถม้า เมื่อเห็นพี่หญิงใหญ่ในร่างของบุรุษก็พลันหวนนึกถึงท่าทางองอาจสง่างามของพี่หญิงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดเกราะสีเงินขึ้นมา ดวงตาชื้นปรากฏรอยยิ้มขึ้น นางเร่งฝีเท้าก้าวไปหาไป๋ชิงเหยียนทันที

“เจ้ามาได้อย่างไรกัน” ไป๋ชิงเหยียนถามอย่างแปลกใจ

ไป๋จิ่นซิ่วกอดแขนของไป๋ชิงเหยียน เดินไปทางองครักษ์ “องค์รัชทายาททรงเป็นคนจัดการเจ้าค่ะ พระองค์ให้ข้ามาส่งพี่หญิงใหญ่ คงต้องการให้พี่หญิงใหญ่ติดค้างบุญคุณเขาเจ้าค่ะ หลังจากที่ซิ่นอ๋องและเหลียงอ๋องติดคุกไปหมดแล้ว ข้ารู้สึกว่าองค์รัชทายาทฉลาดขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ! ยกตัวอย่างเรื่องตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสูงสุดนี่ พี่หญิงใหญ่เป็นคนทูลขอแท้ๆ แต่องค์รัชทายาทกับฮ่องเต้กลับได้รับคำสรรเสริญไปเสียดื้อๆ!”

“องค์รัชทายาทได้คนมีฝีมือมาอยู่ข้างกาย ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดหรอก” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือของไป๋จิ่นซิ่วที่คล้องอยู่ที่แขนของตน

“แต่ว่า หากองค์รัชทายาทมีคนมีฝีมืออยู่ข้างกาย การเดินทางไปหนานเจียงของพี่หญิงใหญ่ในครั้งนี้คงเสี่ยงอันตรายมากเลยนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วชะงักฝีเท้าในทันที ดวงตาแดงก่ำมองไปทางไป๋ชิงเหยียน มือที่เย็นเฉียบจับมือของไป๋ชิงเหยียนแน่น แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

“พี่หญิงใหญ่ จำเป็นต้องไปให้ได้จริงๆ หรือเจ้าคะ!”

ไป๋จิ่นซิ่วกลัวว่าการเดินทางไปยังหนานเจียงในครั้งนี้ ฮ่องเต้จะไม่ปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนมีชีวิตรอดกลับมาแล้ว!

ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าไป๋จิ่นซิ่วกังวลเรื่องใด หญิงสาวกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “แม้ว่าครั้งนี้กองทัพไป๋จะพ่ายแพ้ย่อยยับ ทว่าแมลงร้อยขา ตายก็ไม่ล้ม[1] รากฐานที่แท้จริงของตระกูลไป๋ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง แต่อยู่ที่กองทัพ! แค่โบกมือเรียกก็พร้อมมารวมตัวกันในทันที นี่คือสิ่งที่ไม่ว่าตระกูลใดก็ไม่อาจทำได้! พี่ต้องไปบอกกองทัพไป๋ที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าตระกูลไป๋ยังยืนอยู่ข้างกองทัพไป๋! พวกเราจะบุกน้ำลุยไฟ เป็นตายไปด้วยกัน นั่นคือที่ที่ตระกูลไป๋ควรจัดการดูแลมากที่สุด”

ไป๋ชิงเหยียนบีบมือของไป๋จิ่นซิ่วแน่น “ในยุคที่มีแต่ความโกลาหลเช่นนี้ อำนาจทางทหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้พวกเราตั้งตัวได้”

น้ำตาของไป๋จิ่นซิ่วไหลพรากในทันที นางใช้มือปาดน้ำตาทิ้งอย่างแรง

ไม่ไกลออกไป กองทัพทหารเริ่มเคลื่อนขบวนใกล้เข้ามา ไป๋จิ่นซิ่วยังคงอาวรณ์พี่สาว เอ่ยเสียงสะอื้น

“พี่หญิงใหญ่ ดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะรอพี่หญิงใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองกองทัพที่เคลื่อนขบวนใกล้เข้ามาอย่างเอิกเกริก รถม้าไม้คันหรูขององค์รัชทายาทอยู่หน้าสุดของขบวน ด้านหลังมีรถม้าคันเล็กกว่าเล็กน้อยเคลื่อนตามมาอีกสองคัน ทหารองครักษ์เดินขนาบอยู่สองข้างทาง

ไม่นาน ขันทีรับใช้ข้างกายของฉีอ๋องก็ขี่ม้าเร็วเข้ามา เขาลงจากหลังม้า ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าว

“องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้รถม้าของคุณหนูใหญ่เคลื่อนตามหลังรถม้าขององค์รัชทายาทเพื่อความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่ขอรับ”

“ขอบใจมาก” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้น้อยๆ

“พี่หญิงใหญ่…” น้ำเสียงของไป๋จิ่นซิ่วสะอื้น

“เอาล่ะ กลับไปเถิด!”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนคลายมือออกจากน้องสาว ก้าวขึ้นไปยังรถม้าที่เซียวรั่วไห่เตรียมไว้ให้

“พี่หญิงใหญ่ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ!”

ได้ยินน้ำเสียงสะอึกสะอื้นของน้องสาว ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านสีน้ำเงินเข้มออกแล้วพยักหน้าให้ไป๋จิ่นซิ่ว

ทหารคุ้มกันส่งสารไปทางด้านหน้าและด้านหลังของขบวน ให้ขบวนทางด้านหน้าเร่งความเร็วเล็กน้อย จากนั้นให้ขบวนทางด้านหลังลดความเร็วลงเพื่อให้รถม้าของไป๋ชิงเหยียนแทรกตัวเข้าไปอยู่ทางด้านหลังรถม้าขององค์รัชทายาทได้

เซียวรั่วไห่เป็นคนเลือกรถม้าคนนี้ แม้ไม่ได้หรูหราสะดุดตาเท่ารถม้าขององค์รัชทายาท ทว่า ภายในรถกว้างขวาง ตัวรถทำด้วยไม้อัดแข็งอย่างดี ต่อให้ลูกธนูแหลมคมสักเพียงใดก็ยากที่จะแทงทะลุเข้ามาได้

———————————————

[1] แมลงร้อยขา ตายก็ไม่ล้ม หมายถึง บุคคลที่มีอำนาจแม้อิทธิพลจะเสื่อมถอยแต่ไม่ได้ล่มสลายอย่างสมบูรณ์ รากฐานยังคงมีอยู่