ตอนที่ 189 ไม่ตบเธอแล้วให้ตบใคร!

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 189 ไม่ตบเธอแล้วให้ตบใคร!

หลินม่ายได้แต่นั่งรอฟางจั๋วหรานกลับมาที่ลอบบี้

เธอทั้งเหนื่อยและง่วงมากแท้ๆ แต่กลับไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เพราะพกเงินสดติดตัวมากเกินไปจึงรู้สึกประหม่า

ฟางจั๋วหรานกินมื้อเที่ยงมากมายหลายอย่างมาจากที่งานสัมงานสัมมนาแล้วจึงกลับที่พักเตรียมจะนอนกลางวัน เพื่อที่จะทำงานต่อในช่วงบ่าย

เมื่อเขาก้าวเข้ามาในเกสต์เฮ้าส์ หลินม่ายก็มองเห็นเขาในทันที เธอตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ “จั๋วหราน!”

ฟางจั๋วหรานยังนึกว่าตัวเองหูแว่วไปเสียอีก

เขามองหลินม่ายที่สีหน้าซีดเซียวอย่างตกตะลึง รีบเดินไปตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว แล้วถามอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณมากว่างโจวอีกรอบเหรอ?”

หลินม่ายพยักหน้า ดวงตาเริ่มลืมไม่ขึ้น “ฉันอยากนอน”

ฟางจั๋วหรานรีบพาเธอไปที่ห้องวีไอพีของตัวเอง ก่อนจัดแจงให้เธอเข้านอน

ความวิตกกังวลตลอดทั้งคืน ที่ใช้ไปไม่ใช่เพียงกำลังกายเท่านั้น แต่ยังใช้พลังใจด้วย

พอหลินม่ายศีรษะถึงหมอน เธอก็หลับไปทันที

หน้าตาตอนหลับของเธอดูดีมาก ผ่อนคลายราวกับเด็กทารก ดวงตาไม่ได้ครึ่งปิดครึ่งเปิดซึ่งดูน่ากลัวนิดๆ เหมือนกับบางคน

แผงขนตายาวนิ่งสนิทราวกับปีกของผีเสื้อที่บินจนอ่อนล้า

ทั่วร่างของสาวน้อยแผ่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางออกมา แม้แต่บนใบหน้าก็ยังมีคราบเหงื่อปะปนไปกับรอยคราบฝุ่นดำหลายเส้น

ฟางจั๋วหรานเห็นเช่นนั้นก็ปวดใจยิ่ง สาวน้อยคนนี้ลำบากเกินแล้วจริงๆ เพื่อที่จะหาเงินแค่ไม่กี่หยวน

เขาเข้าไปในห้องน้ำแล้วบิดผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น เช็ดตามใบหน้าและมือของสาวน้อยให้สะอาด

เมื่อนึกถึงร่างกายที่ชุ่มเหงื่อของเธอ ก็คงจะนอนได้ไม่สบายตัวแน่ ฟางจั๋วหรานลังเลอยู่นาน แล้วใช้ผ้าขนหนูอุ่นๆ เช็ดตัวให้เธอ

ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้นก็สัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหวของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ สาวน้อยครางเสียงเบาออกมาขณะหลับใหลอย่างไม่อาจควบคุม

น้ำเสียงนั้นไพเราะเสียยิ่งกว่าเสียงสวรรค์ จนฟางจั๋วหรานแทบจะอดใจไม่ไหว

หลินม่ายหลับไปจนถึงสี่โมงเย็นกว่าๆ ถึงตื่นขึ้น

ตื่นขึ้นมาเธอก็พบว่าบนท้องมีผ้าห่มขนหนูบางๆ ผืนหนึ่งห่มเอาไว้

เมื่อมองไปรอบห้องอีกครั้ง ก็เห็นบนโต๊ะกาแฟในห้องนั้นมีเค้กขนมปังกับไข่ต้มใบชา อีกทั้งน้ำอัดลมสองขวดวางอยู่

ฟางจั๋วหรานไม่อยู่ในห้อง ใช้หัวแม่เท้าเดาเอาก็รู้ว่าเขาคงออกไปทำงานแล้ว

หลินม่ายลุกขึ้นจากเตียง กินเค้กขนมปังและไข่ต้มใบชาจนอิ่มหนำแล้ว จึงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะออกมาอย่างผ่อนคลายสบายตัว

เธอเพิ่งจะซักตากเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเสร็จ ก็มีคนมาเคาะที่หน้าประตู

หลินม่ายนึกไปว่าฟางจั๋วหรานกลับมาแล้ว จึงไปเปิดประตูอย่างเบิกบานใจ

ยังไม่ทันจะดูให้ดีว่านอกประตูคือใคร เธอก็โพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้ม “จั๋วหราน ฉันอยากกินข้าวเย็นมื้อใหญ่เลย”

ทันทีที่สิ้นเสียง เธอถึงเห็นชัดว่าคนที่อยู่หน้าประตูนั้นไม่ใช่ฟางจั๋วหราน แต่กลับเป็นหวังหรงกับฟางถิง

หวังหรงและฟางถิงเองก็นึกไม่ถึง พวกหล่อนมาเที่ยวที่กว่างโจว พอได้รู้ว่าฟางจั๋วหรานพักอยู่ที่ไหนก็ตั้งใจมาหาเขาโดยเฉพาะ กลับไม่นึกว่าจะได้เห็นหลินม่ายอยู่ในห้องของเขา

รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสองยังไม่ทันหายไป ความตกตะลึงและโมโหก็พุ่งพล่านขึ้นมา ทำให้พวกหล่อนดูประหลาดเป็นพิเศษ

หวังหรงหน้าบึ้งตึง “ทำไมเธอถึงมาอยู่ในห้องลูกพี่ลูกน้องของฉันได้?”

ฟางจั๋วหรานทำงานเสร็จก็รีบกลับมาทันที และมาเห็นฉากนี้เข้าโดยบังเอิญ เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้านหลังหล่อน “ม่ายจื่อเป็นแฟนฉัน ทำไมจะอยู่ในห้องของฉันไม่ได้?”

หวังหรงหันกลับไป ถามอย่างตกตะลึง “หล่อนกลายมาเป็นแฟนของพี่ตอนไหน ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย?”

ฟางจั๋วหรานหัวเราะเยาะ “ฉันจะเลือกใครมาเป็นแฟน จำเป็นต้องรายงานเธอด้วยงั้นเหรอ?”

หวังหรงพูดไม่ออก น้ำตาคลอเบ้า

ฟางถิงจ้องหลินม่ายเขม็งอย่างไร้ความปรานี “สาวบ้านนอกอย่างเธอนี่ไร้ยางอายตามคาดจริงๆ ความสามารถในการยั่วยวนผู้ชายเป็นที่หนึ่ง! ฉวยโอกาสตอนที่ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่อยู่ ล่อลวงพี่ชายของฉันมาไว้ในกำมือ เธอนี่มัน ยัยมือที่สาม!”

พวกหล่อนโต้เถียงกันอยู่ตรงนี้ ดึงให้คนจำนวนไม่น้อยที่ยืนอยู่ห่างออกไปสองสามเมตรต้องหยุดมอง

ชั้นนี้ทั้งชั้นล้วนเป็นนักวิชาการแพทย์อาวุโสที่มาเข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการเกือบทั้งหมด

ฟางจั๋วหรานไม่อยากจะถูกเพื่อนร่วมงานนินทา จึงผลักหวังหรงและฟางถิงเข้าไปในห้องทั้งหมด ก่อนมองไปยังฟางถิงอย่างเย็นชา “ม่ายจื่อไม่ใช่มือที่สาม ขอโทษหล่อนเดี๋ยวนี้!”

ฟางถิงเถียงคอเป็นเอ็น “หล่อนจะไม่ใช่มือที่สามได้ยังไง พี่หวังหรงต่างหากที่เป็นแฟนพี่!”

ฟางจั๋วหรานหันไปถามหวังหรง “เธอเป็นแฟนของฉันเหรอ?”

น้ำตาในดวงตาของหวังหรงเป็นประกายแวววาว หล่อนพูดอย่างน่าสงสาร “พี่คะ ฉันรักพี่ขนาดนั้น ชอบพี่มาตั้งแต่เด็ก…”

ฟางจั๋วหรานสีหน้าถมึงทึง พูดอย่างชัดเจนช้าๆ “ฉันถามว่า เธอเป็นแฟนของฉันหรือเปล่า อย่ามาทำนอกเรื่อง!”

หวังหรงเพียงแค่ร้องไห้โดยไม่ได้ตอบคำถาม ทำเหมือนว่าหล่อนเป็นฉินเซียงเหลียนที่ถูกเฉินซื่อเหม่ย(1)ทอดทิ้งอย่างไรอย่างนั้น พร้อมทำท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเสียเต็มประดา

ฟางจั๋วหรานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ยอมตอบเหรอ งั้นฉันจะบอกให้ชัดเจนอีกครั้งนะ ฉันกับเธอไม่เคยเป็นแฟนกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

เขาดึงหลินม่ายมาข้างกายตัวเอง แล้วพูดกับฟางถิงอย่างทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง “คนนี้ต่างหากที่เป็นแฟนฉัน ถ้าเธอกล้าเรียกหล่อนว่ามือที่สามอีกครั้งเดียว ต่อจากนี้ก็ไม่ต้องมานับญาติกับฉัน!”

ฟางถิงเกลียดหลินม่ายเข้ากระดูกดำ เมื่อเห็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องที่หล่อนภาคภูมิใจที่สุดหลงเสน่ห์ของเธอ ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

และเมื่อเห็นพี่ชายคนนั้นปกป้องคนที่หล่อนจงเกลียดจงชังขนาดนี้อีก ก็ยิ่งโมโหจนแทบระเบิด

หล่อนพูดอย่างหยิ่งยโส “ก็ฉันอยากจะเรียกหล่อนว่ามือที่สามๆๆ แล้วจะด่าหล่อนด้วยว่านังร่านๆๆ!”

เสียงของหล่อนยังไม่ทันเงียบลง ฟางจั๋วหรานก็ตบหล่อนไปหนึ่งฝ่ามือโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย

ซึ่งฝ่ามือนี้ไม่มีการยั้งมืออะไรเลย ใบหน้าของฟางถิงบวมแดงขึ้นมาทันตาเห็น

ฟางถิงตื่นตระหนกสุดขีด น้ำตาพลันไหลพรากลงมา จ้อมมองฟางจั๋วหรานอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่ นี่พี่ตบฉันเพื่อนังบ้านนอกคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ!”

ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเย็นชา “ในสายตาของเธอ ม่ายจื่อเป็นแค่เด็กบ้านนอกธรรมดาสามัญก็จริง แต่ในสายตาของฉัน หล่อนคือแฟนสาวของฉัน เจ้าหญิงของฉัน เป็นคนที่ฉันอยากจะปกป้องหวงแหนในชีวิตนี้! เทียบกันกับหล่อนแล้ว เธอไม่มีค่าอะไรทั้งนั้นในใจฉัน ในเมื่อเธอดูถูกหล่อน ถ้าฉันไม่ตบเธอแล้วจะให้ตบใคร!”

ฟางถิงถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ ตั้งแต่เด็กจนโตเคยโดนตีที่ไหนกัน?

ตอนนี้หล่อนถูกฟางจั๋วหรานตบแล้ว หล่อนก็ไม่กล้าตบกลับ กล้าเพียงแค่พุ่งเข้าใส่หลินม่ายอย่างขี้ขลาดเท่านั้น “ฉันจะตีเธอให้ตายยัยมือที่สาม เธอมายุแยงให้ฉันกับพี่เขาตีฉันได้ยังไง!”

หลินม่ายไม่รอให้ฟางจั๋วหรานลงมือ พลันจับตัวหล่อนเอาไว้

ต่อยตีกับผู้ชาย เธออาจจะเสียเปรียบ แต่กับคุณหนูอ้อนแอ้นคนหนึ่งอย่างหล่อน เธอไม่มีทางแพ้แน่!

หลินม่ายถากถางอย่างไร้ปรานี “เธอนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ยังสาวยังแส้ แต่กลับหูหนวกตามืดบอดเสียแล้ว ฉันไปยุแยงให้พี่เธอตีเธอตอนไหนกัน? นั่นเธอหาเรื่องใส่ตัวเองต่างหาก!”

เธอแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ทุกครั้งพอเธอเจอฉัน ที่ทำอย่างกับว่าฉันเป็นศัตรูคู่แค้นอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยมีเรื่องขัดแย้งกันกับฉันบนรถไฟหรอกเหรอ! ทำเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดจงเกลียดจงชังมาถึงตอนนี้ คอยแต่จะหาเรื่องฉันตลอด! เธอยิ่งอยากจะแก้แค้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่อาจระบายความแค้นนั้นได้ แล้วจะทำไปเพื่ออะไรกัน? อย่าว่าแต่ฉันไม่ได้เป็นมือที่สามเลย ต่อให้ฉันเป็นจริงๆ ขึ้นมา แล้วมันเกี่ยวข้องกับเธอหรือไง?”

ฟางจั๋วหรานฟังออกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาดึงตัวฟางถิงออกมาจากมือของหลินม่าย แล้วเหวี่ยงหล่อนลงกับพื้น ก่อนมองไปยังหลินม่ายจริงจัง “เกินเรื่องอะไรขึ้น?”

หลินม่ายจึงเล่าเรื่องไม่น่าอภิรมย์กับฟางถิงบนรถไฟครั้งนั้นแก่ฟางจั๋วหรานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

เมื่อนั้นฟางจั๋วหรานถึงเพิ่งเข้าใจ มิน่าฟางถิงถึงได้เกลียดหลินม่ายขนาดนี้ ที่แท้ทั้งสองคนมีความบาดหมางกันเช่นนี้นี่เอง

เขาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ”

เมื่อคำพูดนั้นของเขาหลุดออกมา ฟางถิงที่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้นก็มองมาทางเขาอย่างค่อนข้างปรีดา

พี่ชายกำลังช่วยพูดให้หล่อนอยู่เหรอ?

นังสารเลวแกจบเห่แล้ว!

(1)เฉินซื่อเหม่ยและฉินเซียงเหลียน คือตัวละครคู่สามีภรรยาในละครงิ้ว จากเรื่องเปาบุ้นจิ้น

สารจากผู้แปล

อย่าให้พี่หมอฟิวส์ขาดเชียว ต่อให้เป็นผู้หญิงก็โดนตบไม่ยั้งได้เหมือนกันนะ

ไหหม่า(海馬)