บทที่ 180 เงินสี่ล้าน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 180 เงินสี่ล้าน

“คุณมู่……”

เกาเสียงรับบัตรธนาคารโดยไม่รู้ตัว และมองไปที่มู่เซิ่งด้วยความสงสัย สงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า ผลสุดท้ายถังเสี่ยวเยว่ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า: “เกาเสียง เงินแค่นี้สำหรับคุณมู่ ไม่ถือว่าเยอะมากหรอก คุณก็ไปรูดบัตรเถอะ”

พูดเป็นเล่นน่า

แม้แต่บริษัทมูลค่าทางตลาดกว่าพันล้านของเธอ มู่เซิ่งก็ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เสื้อผ้าหลายร้อยชุดนี้ ไม่ได้ถือว่ามากมายเลย

ได้ยินถังเสี่ยวเยว่พูด เกาเสียงจึงพยักหน้า ในสายตาของเขา คนอย่างประธานถังจะต้องไม่ได้ล้อเล่นเขาอยู่แน่ๆ

จากนั้น เขามาที่เคาน์เตอร์ เช็กบิลด้วยตัวเอง และคำนวณราคา

เนื่องจากของภายในร้านล้วนแล้วบันทึกอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้นเมื่อคำนวณตัวเลขออกมา สะดวกและรวดเร็วมาก ไม่นานก็คำนวณจำนวนเงินทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับคุณมู่ คำนวณจากเสื้อผ้าภายในร้าน จำนวนเสื้อผ้าที่คุณซื้อทั้งหมดคือ 357 ตัว ยอดรวมราคาห้าล้านสี่แสนหยวน ผมให้ส่วนลดอีก 25% และราคาที่ต้องจ่ายคือสี่ล้านห้าหมื่นหยวนครับ”

ราคานี้สำหรับเกาเสียงแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว ราคาเสื้อผ้าที่มู่เซิ่งซื้อในครั้งนี้ เกือบจะเท่ารายได้ทั้งปีของเขาเลย

มู่เซิ่งพยักหน้า แล้วพูดเบาๆ:

“รูดเลยครับ!”

เกาเสียงโล่งอก

แค่เกรงว่าราคามันสูงเกินไป จนทำให้มู่เซิ่งปฏิเสธ

แต่เมื่อเห็นท่าทีของมู่เซิ่งแล้ว ราวกับว่าไม่สนใจเงินจำนวนนี้เลยด้วยซ้ำ

จ้าวเหมยเหมยยืนอยู่ข้างๆ เอามือกุมหน้าที่เจ็บจากการถูกตบ มองไปที่ดวงตาของมู่เซิ่งที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ออกไป คุณก็แค่เสแสร้งแกล้งทำ! วันนี้ถ้าคุณรูดบัตรได้ ฉันจะกินเสื้อผ้าที่เหลืออยู่เลย!”

เธอคิดว่า สถานะของมู่เซิ่ง ไม่มีใครที่รู้จักได้ดีไปกว่าเธอแล้ว สามปีก่อนถูกเจียงเจิ้งจื๋อรับกลับมา แต่งเข้าสู่ตระกูลเจียง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเจียงใจดี คงจะอยู่อย่างหิวโซแล้ว แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าแมงดาที่แต่งเข้ามาในตระกูลก็เท่านั้นแหละ

จะมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไง

แต่ทว่า วินาทีต่อมา

ขณะที่ใบเสร็จออกมาจากเครื่องรูดบัตร จ้าวเหมยเหมย อึ้งไปเลยทั้งตัว

นี่มัน……

นี่มันเป็นไปไม่ได้!

มู่เซิ่งจะมีเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง รูดบัตรครั้งเดียว 4 ล้านเลยเหรอ?

ไม่เพียงแค่จ้าวเหมยเหมย แม้แต่เฉินเสวียลี่ก็ตกใจมาก นี่……รูดได้จริงๆเหรอ?

นี่มันเงินจำนวนสี่ล้านเลยนะ เขาไม่กินไม่ดื่มทั้งปี ก็ทำงานได้ไม่มากขนาดนั้นเลย

รปภ.หลายคนมองหน้ากัน ไม่นานเหงื่อเย็นก็ไหลหยดลงที่หลัง ภายในใจเขาชื่นชมยินดี โชคดีที่ไม่ได้ลงมือกับมู่เซิ่ง มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่พวกเขาแบบรับไม่ไหว

ในกลุ่มผู้คน คนที่สงบที่สุดก็คือเจียงหว่าน

เมื่อก่อนตอนที่ไปสปาหรงเหม่ย ถังเสี่ยวเยว่เป็นคนมอบบัตรวีไอพีให้เธอ เธอก็เดาได้แล้วว่ามู่เซิ่งต้องมีความสัมพันธ์กับสปาหรงเหม่ย แต่วิสัยทัศน์ของเจียงหว่านแคบ และก็ไม่กล้าจินตนาการเลย ว่ามู่เซิ่งคือเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของสปาหรงเหม่ย แค่รู้สึกว่าถังเสี่ยวเยว่และมู่เซิ่งน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันถึงจะถูก

ใบเสร็จขนาดเล็กในร้าน กุชชี่ มีรายละเอียดยิบย่อยมาก เสื้อผ้าแต่ละชิ้นก็ปรากฎขึ้นมาช้าๆ ใช้เวลาห้านาทีในการพิมพ์ จนหมึกในเครื่องพิมพ์ใบเสร็จเกือบจะหมดเกลี้ยง จึงจะสามารถพิมพ์ออกมาทั้งหมดจนเสร็จสิ้น

“คุณ คุณมู่”

เกาเสียงพูดอย่างเคารพ ในเวลานี้ เขาถือว่ามู่เซิ่งเป็นคนระดับเดียวกับถังเสี่ยวเยว่อย่างสมบูรณ์

รูดสี่ล้านได้อย่างสบายๆ สำหรับสิ่งนี้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะสูงส่งเสมือนพ่อ

“คุณมู่ เสื้อผ้า 300 ตัวนี้ ให้เราบริการจัดส่งให้ท่านโดยเฉพาะ หรือว่าท่านรับกลับเองดีครับ”

“เอากลับไปแล้วกัน ส่งไปที่ย่านคฤหาสน์ซีไห่ในเมืองเจียงหนาน” มู่เซิ่งพยักหน้ากล่าว

ประโยคนี้ ทำให้ครอบครัวของจ้าวเหมยเหมยต้องตกตะลึงอีกครั้ง

ย่านคฤหาสน์ซีไห่เหรอ?

นี่คือสถานที่ที่ผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลของเจียงหนานอาศัยอยู่ มู่เซิ่งและครอบครัวของพวกเขามีสิทธิ์อะไรไปอาศัยอยู่ที่นี่ได้?

จ้าวเหมยเหมยรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ ไม่สบอารมณ์เลยสักนิ

แต่ว่า ตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้ว เหตุการณ์ในวันนี้ ขืนอยู่ต่อ คนที่มีแต่อับอายก็มีแต่พวกเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าเตรียมจะไปจากที่นี่ ไม่คิดว่าในเวลานี้กลับกลายเป็นถูกเกาเสียงมาหยุดเอาไว้

เกาเสียงบอกว่า: “คุณผู้หญิงครับ คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

“ยังมีอะไรอีก?” จ้าวเหมยเหมยพูด

“เสื้อผ้าเหล่านี้มีรอยขีดข่วนเนื่องจากการฉีกขาดของคุณ ดังนั้นคุณต้องซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้ แน่นอนว่า ในส่วนหลังจากที่คุณซื้อไปแล้ว ก็เหมือนกับที่คุณพูดว่าจะกินมันแบบนั้น พวกเราจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายอีก” เกาเสียงพูดเบาๆ

จ้าวเหมยเหมยชี้ไปที่ชุดที่ถูกปลดกระดุมออกแล้วพูดว่า: “เสื้อผ้าเหล่านี้ฉันไม่ได้ทำ มีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้ฉันซื้อด้วย?”

“คุณทำมันพังไม่ใช่เหรอครับ? กระดุมสูทชุดนั้น ทำไมมันอยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านขวาของคุณล่ะ?” มู่เซิ่งชำเลืองมองเบาๆแล้วพูด

“ฉัน——“ จ้าวเหมยเหมยสะอึกทันที

ไอ้เศษสวะคนนี้ เขารู้ได้ไงว่ากระดุมที่ถูกดึงออกมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านขวาของฉัน?

“คุณผู้หญิงครับ กรุณาแสดงสิ่งของในกระเป๋าเสื้อด้านขวาของคุณด้วย” เกาเสียงกล่าว

“ฉันไม่ให้ดู นี่คือความเป็นส่วนตัวของฉัน!” จ้าวเหมยเหมยเริ่มบิดพลิ้ว

แต่ทว่า เกาเสียงจะปล่อยจ้าวเหมยเหมยไปได้ยังไง รีบเรียกรปภ.สองคน จับมือทั้งสองข้างของจ้าวเหมยเหมยไว้ แล้วหยิบกระดุมที่ถูกดึงออก จากกระเป๋าเสื้อของเธอ

จับผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง คนที่เดินผ่านไปมามองไปที่จ้าวเหมยเหมยทันที ที่แท้กลายเป็นว่าพวกเขา ใส่ร้ายคนดีตั้งแต่แรกนี่เอง

ถูกผู้คนมองเช่นนี้แล้ว จ้าวเหมยเหมยหน้าแดงแป๊ด อดไม่ได้ที่จะเอาหัวมุดลงดิน

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คิดเงินเถอะ”

เกาเสียงก็ขี้เกียจจะพูดจาไร้สาระแล้ว นำเสื้อผ้าที่เหลือมาตรวจนับอีกรอบ “ทั้งหมด 37 ตัว ราคา 552,000 หยวน รูดบัตรหรือเงินสดดีครับ?”

“ลูกเขย ฉันไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกนะ ช่วยฉันทีเถอะ” จ้าวเหมยเหมยไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเฉินเสวียลี่

“ผู้จัดการเกา ลดให้หน่อยได้ไหมครับ?” เฉินเสวียลี่กัดฟัน พูดด้วยความจำใจ

ถ้าหากว่าถังเสี่ยวเยว่ไม่อยู่ตรงนี้ ตอนนี้เขาคิดจะสะบัดแขนแล้วเดินจากไป

“เพราะว่าราคามันถูกเกิน จึงไม่มีส่วนลดครับ” เกาเสียงพูดอย่างถากถาง

จ้าวเหมยเหมยก้มหน้า ไม่พูดไม่จา เสื้อผ้ามูลค่ามากกว่าสี่ล้าน มู่เซิ่งจ่ายเงินโดยไม่ลังเล อีกคนหนึ่งแค่ครึ่งล้านก็ยังต่อรองอีก เมื่อเปรียบเทียบกับทั้งคู่ มันเหมือนกับการดูแคลนเธอจนไม่เหลือค่าอะไรเลย!

แต่ว่า จ้าวเหมยเหมยพูดไม่ออก เพราะว่า แม้แต่เงินห้าแสนเธอยังไม่มีเลย!

“ได้ งั้นผมจ่าย!” เฉินเสวียลี่กัดฟัน ภายในใจเจ็บปวดรวดร้าว

“ใช่ ตรงนี้ครับ”

เมื่อเห็นผู้แนะนำช้อปปิ้งม้วนเสื้อผ้าเหล่านั้น ยัดใส่ในถุงหนังงูใบใหญ่ ด้วยท่าทีที่ไม่ดี จ้าวเหมยเหมยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

ถงเสว่เหมยมองไปที่มู่เซิ่งด้วยความประหลาดใจอย่างมาก แม้ว่าเฉินเสวียลี่จะร่ำรวย แต่อย่างมากที่สุดก็สามารถซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋ามูลค่าไม่กี่หมื่นเท่านั้น การใช้จ่ายเงินจำนวนมากเช่นมู่เซิ่ง มีความแตกต่างกันมาก เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ

ครอบครัวทั้ง 3 คนของจ้าวเหมยเหมย ก็แค่ถือถุงใบใหญ่ เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้า

เธอถือกระเป๋าหนังงูใบใหญ่ เหมือนกับคนเก็บขยะยังไงอย่างงั้น ดึงดูดสายตาผู้คนที่สัญจรไปมามากมาย จ้าวเหมยเหมยโกรธมาก แต่ก็ไม่กล้าทิ้งถุงลง อย่างที่รู้กัน ในถุงใส่เสื้อผ้าใบนี้มีมูลค่ากว่าครึ่งล้านหยวน

เหตุการณ์ในตอนนี้ เธอทำได้เพียงแบกกระเป๋ากลับไปที่ ท่ามกลางสายตาเย้ยหยันของผู้คนไปตลอดทางหมู่บ้านซานขุย

“เจียงหว่าน หลังจากที่คุณมีโครงการเขตซีไห่ ตอนนี้ก็มีสิทธิและมีอำนาจ ก็ยโสโอหังไม่เห็นหัวคนอื่น แล้วจะรังแกญาติของคุณตามใจชอบยังไงก็ได้สินะ?”

เมื่อกลับถึงบ้าน จ้าวเหมยเหมยก็โยนถุงหนังงูที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า กัดฟันและพูดกับเจียงหว่าน