ตอนที่ 95 มือสังหารรับจ้าง! การพัฒนาของสัตว์อสูรทมิฬ!

ในวันต่อมา หยางเย่และเสี่ยวเหยาจับมือเดินผ่านสวนดอกไม้บนยอดเขาผู้ใช้ยันต์ ทั้งสองเดินช้า ๆ อย่างมีความสุข มันเป็นฉากที่ดูอบอุ่นอย่างมาก

ผ่านไปครู่หนึ่งเสี่ยวเหยาหยุดเดิน นางมองไปยังหยางเยู่พร้อมกล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจ”พี่ใหญ่ พี่จะไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุดจริง ๆ หรือ?”

ตอนนี้เสี่ยวเหยามีแค่พี่ชายเท่านั้น และนางไม่ต้องการแยกจากเขา แต่นางทราบว่าพี่ชายต้องฝึกฝนอย่างหนัก และแข็งแกร่งขึ้นเพื่อแก้ไขเรื่องทุกอย่าง แต่นางยังไม่สามารถยอมรับความจริงที่จะต้องจากพี่ชายไปได้ตอนนี้!

หยางเย่ลูบหัวเสี่ยวเหยาพร้อมกล่าว ” พี่ใหญ่ยังอยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้าเท่านั้นและขาดเพียงปัจจัยเดียวที่จะก้าวไปยังขั้นปราณสวรรค์ เพื่อพัฒนาความสามารถนั้นพี่ใหญ่ต้องไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุด เจ้าต้องเชื่อฟังอาจารย์ให้ดี และอย่าสร้างปัญหาเหมือนเปาเอ๋อพี่สาวเจ้า เข้าใจหรือไม่?”

เขากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเสี่ยวเหยา เขาหาได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยไม่ เขากังวลเกี่ยวกับนางมารน้อยเปาเอ๋อ นางอาจจะชักจูงเสียวเหยาไปในทางไม่ดี

“คิกคิก!” เสี่ยวเหยาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหยางเย่ “พี่ใหญ่ทราบหรือไม่ หากเปาเอ๋อทราบเรื่องนี้นางต้องไม่ปล่อยพี่ไปแน่นอน!”

เสียวเหยาเองก็ชื่นชอบเปาเอ๋อเช่นกัน

หยางเย่เผยรอยยิ้มก่อนกล่าว “จงจําไว้ว่าอย่าฝึกหนักเกินไป เจ้าต้องเล่นและเรียนรู้จากเปาเอ๋อด้วย ถ้าพี่ใหญ่เห็นว่าเจ้าผอมลงตอนกลับมา พี่ใหญ่จะไม่ให้อภัยเจ้าแน่!”

เสี่ยวเหยาพยักหน้า แต่ก็นึกในใจว่าจะฝึกให้หนักอยู่ดี เพราะนางต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นเพ อช่วยพี่ชาย

หลังจากเล่นกับเสี่ยวเหยามาหนึ่งชั่วยาม หยางเยู่ได้ออกจากยอดเขาผู้ใช้ยันต์ภายใต้สายตาที่เศร้าสร้อยของเสียวเหยา

หยางเยู่ไม่ได้เตรียมตัวมากนัก หรืออันที่จริงเขาแทบไม่ต้องเตรียมตัว เพราะเขามียันต์มากมายที่ได้สร้างไว้ มีทั้งยันต์เพิ่มความเร็ว ยันต์ฟื้นฟู… ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์ใด เขาได้เตรียมยันต์พื้นฐานไว้ทุกชนิด

หนึ่งชั่วยามผ่านไป หยางเยู่ได้ออกจากสํานักดาบราชัน และเข้าไปสู่ปาอสรพิษ ขณะที่ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุราวสิบหกปีได้เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งในเมืองขุนเขามรกต

ชายหนุ่มได้เข้าไปในห้องที่มีสตรีข้างใน สตรีผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นางคือเฟิงอี้คนที่เข้าไปสํานัก ดาบราชันเพื่อขอตัวหยางเย่

เฟิงยิ้มองไปยังชายหนุ่มที่เข้ามาในห้องพร้อมเอ่ย “มีข่าวเกี่ยวกับเขาหรือไม่?”

ชายหนุ่มโค้งคํานับเฟิงอี้ “ผู้อาวุโส หยางเย็ได้ออกจากยอดเขาผู้ใช้ยันต์แล้ว และทางที่เขามุ่งไปคือขุนเขาไม่สิ้นสุด

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟิงอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงได้ยืนขึ้น นางขมวดคิ้วพร้อมปล่อยจิตสังหารออกมา “สองเดือนผ่านไป ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเสียที!”

หลังจากที่นางทราบว่าหยางเยู่เป็นศิษย์ของหลินชานในวันนั้น พวกนางก็หาได้มีทางเลือกอื่นไม่ นอกจากวางแผนจับตัวเขาเมื่อออกมา ไม่ว่าจะเป็นตันตนหรือความแข็งแกร่งของหลินชานเขาก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ ดังนั้นหากพวกนางต้องทําภารกิจให้สําเร็จ พวกนางจึงต้องกลับไปยังราชวังเพื่อถามหาข้อแนะนําจากอาจารย์

องครักษ์ทั้งสามได้กลับไปยังราชวังเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่เฟิงอี้ เหตุผลที่นางต้องการจับตัวหยางเย่ไปยังราชวังบุปผา ไม่ใช่เพราะนางเกลียดมารดาหยางเย่ แต่เป็นเพราะหยางเย่เก็บงําความลับเกี่ยวกับสัตว์อสูรทมิฬ หากนางได้รับความสามารถนี้ สถานะในราชวังบุปผาของนางต้องสูงขึ้นแน่นอน และคงไม่ยากที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโสชั้นสูงได้!

ดังนั้นนางจึงไม่ยอมกลับไป หลังจากนั้น นางได้ติดสินบนศิษย์สํานักดาบราชันให้สืบข่าวหยางเย่ สวรรค์มักจะตอบแทนผู้ที่รอคอยเสมอ และในที่สุดหยางเยก็ออกมาจากยอดเขาผู้ใช้ยันต์

“ผู้อาวุโส สิ่งที่ท่านบอกจะให้ข้า…” ทันใดนั้นชายหนุ่มเผยรอยยิ้มพร้อมถามหารางวัล

เฟิงอี้มองไปยังชายหนุ่ม จากนั้นสะบัดมือขวา ถุงขนาดเล็กปรากฏบนมือของเขา นางเอ่ยต่อ“เจ้าไปได้แล้ว!”

ชายหนุ่มเปิดถุงออกด้วยท่าที่ดีใจ ภายในถุงนั้นมีหินพลังปราณอยู่ห้าสิบก้อน จากนั้นเขาไม่หันมองอีกพร้อมเดินจากไปอย่างรวดเร็ว นี่เราได้รับรางวัลขนาดนี้เพียงบอกเบาะแสของคนคน เดียว ธุรกิจนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริง”

“รอเดี๋ยว!” ทันใดนั้น เฟิงอี้ได้หยุดชายผู้นั้นไว้พร้อมเอ่ยถาม “มีใครในสํานักทราบหรือไม่ว่าเจ้าออกมา?”

ชายหนุ่มรีบกล่าว “ไม่ ไม่มีผู้ใดทราบว่าข้าไปที่ไหน วันนี้ข้าลาสํานักดาบราชันว่า จะกลับไปเยี่ยมที่บ้านดังนั้นสหายของข้าคงคิดว่าข้ากลับบ้าน”

เฟิงอี้พยักหน้าเล็กน้อย ไม่นาน กลีบดอกไม้ที่ถูกสร้างจากพลังปราณล้ําลึกได้แทงทะลุขอชายหนุ่ม ชายหนุ่มจับคอไว้แน่นขณะดวงตาเปิดกว้าง เขาต้องการจะกล่าวบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถกล่าได้ทันก่อนจะล้มลงกับพื้น

เฟิงอี้ไม่สนใจชายหนุ่มอีกพร้อมเดินออกจากห้องไป สําหรับศพของชายหนุ่ม จะมีคนมาทําความสะอาดเอง เพราะโรงเตี้ยมนี้เป็นของราชวังบุปผา!

หลังจากออกมา เพิ่งได้มาถึงบ้านหินด้านใต้เมืองขุนเขามรกต บ้านหินไม่มีประตูตั้งอยู่มันมีเพียงหน้าต่างขนาดใหญ่เท่านั้น เฟิงอี้เดินตรงไปที่หน้าต่าง จากนั้นนางวางแผ่นสีเงินไว้ตรงหน้าต่าง

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม กระดาษเปล่ากับพู่กันก็ถูกยื่นออกมาจากหน้าต่าง

ร้อมเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ

นาม: หยางเย่

สถานะ: อาจารย์ยันต์ ศิษย์ของหลินชาน

ขั้นพลังปราณ: ขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้า

ต้องการแบบมีชีวิตห้ามตาย

ข้าขอเลือกมือสังหารมืออาชีพ

หลังจากเขียนเสร็จ นางส่งกระดาษกลับเข้าไปในหน้าต่าง

ผ่านไปครู่หนึ่งมีเสียงดังออกมาจากภายใน “สถานะอาจารย์ยันต์ต้องมีค่าตอบแทนสิบเท่ายิ่งเป็นศิษย์ของหลินชานต้องการอีกสิบเท่า ดังนั้นราคาคือสองแสนเหรียญทอง”

เฟิงขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน นางไม่คาดคิดว่าองค์กรนี้จะเรียกร้องถึงสองแสนเหรียญทอง เพ ราะสองแสนเหรียญทองหาได้ใช่จํานวนที่น้อยไม่!

“สมาคมเจ้าระบุราคาไว้ชัดเจน มันคือหนึ่งหมื่นเหรียญทองสําหรับขั้นปราณมนุษย์ เช่นนั้นเหตุใดถึงเป็นสองแสนเหรียญทองได้? หรือพวกเจ้าเกรงกลัวสมาคมผู้ใช้ยันต์” เฟิงอี้กล่าวด้วยเสียงต่ํา

“ตัวตนของเขาคู่ควรกับมูลค่านี้ ท่านจะจ้างมือสังหารหรือไม่!?”

เฟิงอี้ลังเลอยู่ชั่วครู่ สองแสนเหรียญทองไม่ใช่จํานวนที่น้อยสําหรับนาง แต่นางเองก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับหยางเย์โดยตรง เพราะหากหลินชานทราบว่านางจัดการกับหยางเยู่ที่อยู่ขั้นปราณมนุษย์ และนางอยู่ขั้นปราณจิตวิญญาณ เช่นนั้นหลินชานจะต้องปกป้องศิษย์แน่นอนเวลานั้นแม้แต่ราชวังบุปผาก็ไม่สามารถช่วยนางได้!

หากหยางเย่ไม่ได้ไปที่ขุนเขาไม่สิ้นสุดและไปที่อื่น เช่นนั้นนางคงจัดการด้วยตนเองไปแล้วแต่หยางเย่กลับตรงไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุด มันทําให้นางไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ เพราะทันทีที่นางเข้าไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุด นางจะถูกพบตัวโดยสํานักดาบราชันทันที ถึงแม้นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดสํานักดาบราชันถึงคุมเข้มเพียงนั้น นางก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเข้าไปเผชิญกับหยางเย่ เพราะหลินชานและพลังของหลินชานนั้นไม่ใช่สิ่งที่องครักษ์บุปผาเช่นนางจะต่อกรได้ มันคือเหตุผลว่าเหตุใดนางจึงสังหารศิษย์นอกผู้นั้น และเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดนางจึงจ้างมือสังหารเพื่อจับตัวหยางเย่!

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เฟิงอี้สูดหายใจลึกก่อนจะบิดข้อมือ แผ่นทองคําลอยเข้าไปในหน้าต่างนางกล่าวอย่างเย็นชา “ทําลายวรยุทธ์เขา! ไม่ว่ายังไงแค่ให้เขายังมีลมหายใจก็พอ!”

ทันทีที่กล่าวจบนางหันหลังเดินจากไป

หลังจากผ่านเข้าไปยังปาอสรพิษแล้ว ใบหน้ายางเยู่เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อมองไปที่หมาป่าเขี้ยวสีหมอก (ตั้งแต่ตอนนี้ไปจะเปลี่ยนจากหมาป่าสีเทาเป็นเขี้ยว สีหมอกนะครับ)

หลังจากผ่านเข้าไปยังปาอสรพิษ หยางเยเรียกหมาป่าเขี้ยวสีหมอกออกมาและขอให้มันนําทาง แต่เขาไม่สามารถทําใจให้สงบได้เมื่อเห็นเจ้าเขี้ยวหมอก เพราะมันไม่ใช่สัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าอีกแต่กลายเป็นสัตว์อสูรราชันไปแล้ว!

ถูกต้อง มันคือสัตว์อสูรราชัน หยางเย่หาได้มองผิดไม่ เพราะหมาป่าเขี้ยวสีหมอก ได้กลายเป็นสัตว์อสูรราชันแล้วตอนนี้

หยางเย่ชี้ไปยังเจ้าเขี้ยวหมอกก่อนจะเอ่ยถามสหายตัวจ้อย “สหาย มัน มันเกิดอะไร?”

เขาไม่สามารถสื่อสารกับหมาป่าเขี้ยวสีหมอกได้ ดังนั้นจึงต้องถามมิงค์ม่วง

มิงค์ม่วงกะพริบตาปริบก่อนจะชี้ไปยังหมาป่าเขี้ยวสีหมอกและชี้ไปที่หน้าท้องหยางเย่

“เจ้ากําลังบอกว่าเป็นเพราะตันเถียนน้ําวนในร่างข้างั้นหรือ?”

มิงค์ม่วงพยักหน้า

“เช่นนั้นทําไมเจ้าถึงไม่พัฒนาขึ้นล่ะ?” มิงค์ม่วงกะพริบตา จากนั้นมันแสดงท่าทีอธิบายไม่ถูกพร้อมกับขยับกรงเล็บไปมา

“เจ้ากําลังบอกว่ามันยากมากที่เจ้าจะพัฒนาได้งั้นหรือ?”

มิงค์ม่วงพยักหน้าโดยเร็ว

หยางเย่ชี้ไปยังตันเถียนน้ําวนก่อนจะถามอีกครั้ง ” พวกเจ้าจะพัฒนาขึ้นหากอยู่ในนั้นงั้นสินะ”

มิงค์ม่วงพยักหน้าอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนั้น หยางเย่สุดหายใจลึก เพราะมันเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงโดยแท้จริง ตัน เถียนนวนของเขาสามารถพัฒนาบรรดาสัตว์อสูรทมิฬได้ สรุปแล้วตันเถียนนวนนี้คืออะไรกันแน่?

ปกติสัตว์อสูรทมิฬจะพัฒนาตนเองได้ยากมาก นอกจากจะโชคดีไปเจอสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์และปฐพีเข้า พวกมันจะสามารถบ่มเพาะพลังได้เพียงรอกาลเวลาเท่านั้นซึ่งโดยปกติสัตว์อสูรทมิฬจะไปหาสมุนไพรวิญญาณในขุนเขาไม่สิ้นสุดเพื่อพัฒนาตนเองมากกว่ารอกาลเวลา

แต่ตอนนี้ตันเถียนนวนสามารถทําเช่นนั้นได้ ยิ่งกว่านั้นหมาปาสีหมอกยังพัฒนาได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ “สวรรค์! เจ้าสีหมอกอยู่กับเราเพียงแค่ไม่กี่เดือน!”

หยางเยรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นกับตันเถียนนวนของเขา

ปล. เรียนผู้อ่านทุกท่าน จากวันนี้ไปจะอัพเดตการลงตอนเป็น จันทร์-ศุกร์ วันละ 2 ตอนและ เสาร์-อาทิตย์ วันละ 1 ตอนนะครับ