ตอนที่ 96 กองทัพสัตว์อสูร

ถึงแม้หมาปาสีหมอกจะกลายเป็นสัตว์อสูรราชันแล้ว แต่สิ่งที่ปฏิบัติต่อมิงค์ม่วงยังมีความเคา รพเช่นเดิม สิ่งนี้ทําให้มิงค์ม่วงและหยางเยรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

ในปาอสรพิษ หมาป่าสีหมอกวิ่งอย่างรวดเร็วดุจสายลม ทุกที่ที่มันผ่าน สัตว์อสูรทมิฬโดยรอบจะออกห่างสิ้น มันจึงทําให้หยางเยรู้สึกมีอํานาจอย่างมาก!

มันคือสัตว์อสูรราชัน! เขากําลังขี่สัตว์อสูรราชัน!

“จะมีสักกี่คนในเขตแดนใต้ที่สามารถทําแบบนี้ได้?” เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย็ได้หัวเราะออกมาก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวหมาป่าสีหมอก

ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ปรากฏในหัวหยางเย่

“เหตุใดเราถึงไม่หาสัตว์อสูรเพิ่ม?”

เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่ไม่อาจอยู่ในความสงบได้ หากเป็นผู้อื่นความคิดนี้คงเป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน แต่สําหรับหยางเยู่ไม่ใช่ เมื่อจัดการสัตว์อสูรทมิฬได้ สหายตัวจ้อยจะออกมารับมันและพวกมันก็จะอาศัยอยู่ในตันเถียนน้ําวนเหมือนก่อนหน้านี้

หมาปาสีหมอกที่ไม่เต็มใจในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดมันก็เต็มใจ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตันเถียนนวนนั้นมหัศจรรย์เพียงใด

ในไม่ช้าหยางเย่ก็ได้ตัดสินใจ

เขาตัดสินใจเพิ่มกองกําลังสัตว์อสูร

แต่หยางเย่จะไม่ปราบสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าแล้ว เพราะความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบไม่ได้กับสัตว์อสูรราชัน! ด้วยพื้นที่ภายในตันเถียนน้ําวน มันยังสามารถเก็บสัตว์อสูรราชันได้อีกสักห้าหรือหกตัว

เมื่อนึกถึงตอนสัตว์อสูรราชันทั้งหมดปรากฏตัวเพียงแค่หยางเย่สะบัดมือ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

สําหรับสัตว์อสูรจิตวิญญาณที่เหนือกว่าสัตว์อสูรราชันนั้น หยางเย่ยังไม่ต้องการเผชิญหน้า เพราะหากเขาคิดจะปราบมันด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบัน ยิ่งถ้าสหายตัวจ้อยไม่สามารถกดดันมันได้สิ่งนี้ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย

หยางเย็บอกแผนมิงค์ม่วงที่จะปราบสัตว์อสูร มิงค์ม่วงยกกรงเล็บขึ้นตอบรับทันที แน่ นอนว่ามันไม่ได้สนใจสัตว์อสูรเหล่านั้น เหตุผลเดียวที่เห็นด้วยเพราะนึกสนุกเท่านั้น

เมื่อเขาเห็นมิงค์ม่วงตอบรับ หยางเย่เองไม่สามารถอดกลั้นความอยากนี้ได้อีก เขารีบสั่งให้หมาปาสีหมอกพุ่งไปยังหุบเขาหมาป่าใต้ทันที เพราะจุดประสงค์แรกของเขาคือราชันหมาป่าใต้

ภายใต้การนําทางของหมาป่าสีหมอก หยางเย่มาถึงเขตแดนของราชันหมาป่าได้อย่างรวดเร็วจากการที่มีสหายตัวจ้อยอยู่ข้างกาย หยางเย่ไม่หลบซ่อนตัวอีก เขามุ่งตรงเข้าไปยังถ้ําราชันหมาป่าเพื่อท้าสู้

เมื่อราชันหมาป่าปรากฏตัวจากถ้ําพร้อมสมุนหมาป่าอีกสองพันตัว เปลือกตาหยางเยถึงกับกระตุก หากพวกมันพุ่งใส่เขาตอนนี้ หยางเย่คงตายในทันที ตอนนี้เขาหวังเพียงแค่แรงกดดันทางสายเลือดเซียนของสหายตัวจ้อยจะได้ผล!

เมื่อเห็นฝูงหมาป่าพุ่งออกมา มิงค์ม่วงตะโกนดังก้องขณะพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นแสงสีม่วงได้ปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วท้องฟ้า ทําให้แรงกดดันสายเลือดในตัวแผ่ลงไปยังฝูงหมาป่า

เมื่อสัมผัสถึงแรงกดดัน พวกมันถึงกับหยุดชะงักทันที นอกจากราชันหมาป่าแล้ว ฝูงห มาป่าตัวอื่นถึงกับนอนราบลงบนพื้น ดวงตาพวกมันแสดงถึงความหวาดกลัวอย่างมาก ถึงแม้ราชั้นหมาป่าใต้จะไม่หมอบลงกับพื้น มันก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่สู้ดีนัก ร่างกายของมันสั่นเทาเล็กน้อยดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวาและความเคารพ อย่างไรก็ตามราชันก็คือราชัน ดังนั้นมันจึงไม่ยอมหมอบลงกับพื้นแม้จะต้องตาย

เพราะการหมอบราบกับพื้นก็ไม่ต่างจากได้ยอมรับความอัปยศ!

สหายตัวจ้อยรู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อเห็นราชันหมาปาไม่ยอมหมอบกับพื้น มันจึงทําท่าจะ เข้าไปกดดันอีกครั้งแต่หยางเยู่ได้เข้ามาหยุดไว้พร้อมกล่าว “สหาย บอกให้มันมาสู้กับข้าหากข้าชนะบอกมันว่าต้องมาติดตามข้า หากแพ้พวกเราจะออกไปจากพื้นที่นี้เอง”

หยางเย่ยังคงจําเหตุผลที่มายังขุนเขาไม่สิ้นสุดได้ เขามาเพื่อต้องการเก่งขึ้น การปราบสัตว์อสูรราชันนั้น เป็นเพียงทางผ่านที่เขาต้องก้าวข้ามไปให้ได้เท่านั้น!

มิงค์ม่วงพยักหน้า จากนั้นมันเข้าไปเจรจากับราชันหมาปา ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง ราชันหมาป่าเผยสีหน้าโกรธเคืองอย่างมาก เพราะมิงค์ม่วงได้ขอให้มันที่เป็นถึงราชันไปเป็นสมุนของมนุษย์! มันรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยามอย่างมาก! เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงมองไปยังหยางเย่อย่างดุดันพร้อมคํารามดังก้อง และแสดงถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

สหายตัวจ้อยรู้สึกโกรธอีกครั้งเมื่อเห็นราชันหมาป่ากล้าลุกหอ ไม่นานมันปล่อย แรงกดดันกลับไปที่ราชันหมาป่าขณะเดียวกัน หมาป่าสีหมอกเองก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย มันเงยหน้าหอนขึ้นฟ้าก่อนจะจ้องมองไปที่ราชันหมาปาอย่างดุร้าย

หากเป็นในอดีต มันคงไม่กล้ากระทําท่าทีเช่นนี้ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป เพราะตอนนี้มันเองก็เป็นสัตว์อสูรราชันเช่นกัน เช่นนั้นความแข็งแกร่งระหว่างมันกับราชันหมาป่าหาได้ห่างกันไม่

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ ราชันหมาป่าได้ทําให้สหายตัวจ้อยขุ่นเคือง มันรู้สึกดีที่หยางเย็ไม่พอใจ แต่สําหรับการทําให้สหายตัวจ้อยขุ่นเคืองนั้น มันก็ไม่ต่างกับรนหาที่ตาย!

ขาทั้งสี่ของราชันหมาป่าโค้งงอเล็กน้อยดูราวกับมันกําลังทรมานอย่างมาก เมื่อได้ยินหมาป่าสีหมอกหอน มันหันไปมองทางนั้นพร้อมท่าที่ตกตะลึง เพราะตอนนี้มีราชันหมาปาอีกตัวปรากฏอยู่ตรงหน้า ยิ่งกว่านั้นมันยังยอมให้มนุษย์ขี่ด้วยความเต็มใจ!

ไม่นานราชันหมาป่าได้ทวีความโกรธเป็นสองเท่า มันรู้สึกว่าหมาป่าตัวข้างหน้านี้เป็นความอัปยศของสายพันธุ์หมาป่าใต้ ถ้าเป็นช่วงปกติมันคงเข้าไปขย้ําทั้งชายหนุ่มและหมาป่าตรงหน้าทิ้งไปแล้วแต่ก็ไม่กล้าทําเช่นนั้น เพราะตอนนี้มีสหายตัวจ้อยอยู่!

ขณะที่ราชันหมาปากําลังตกตะลึง มิงค์ม่วงได้แสดงความโกรธอีกครั้ง เพราะสิ่งมีชีวิตต่ําต้อยตัวนี้กล้ายืนต่อหน้ามัน มิงค์ม่วงทําท่าที่จะใช้กรงเล็บตบพร้อมแรงกดดันหมาศาล

ทันใดนั้นหยางเยู่ขี่หมาป่าสีหมอกมาทางราชันหมาปา จากนั้นเขาได้แสดงท่าทีบางอย่างทําให้สหายตัวจ้อยสงบ สหายตัวจ้อยมองอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่ราชันหมาป่าก่อนจะพุ่งไปอยู่ที่ไหล่ หยางเย่จากนั้นมันชี้กรงเล็บไปทางราชันหมาปาพร้อมโบกไปมาสองถึงสามครั้งราวกับว่าต้องการให้หยางเย่เข้าไปสั่งสอนบทเรียนเสียหน่อย

หยางเย่เผยรอยยิ้มก่อนจะมองไปที่ราชันหมาป่าที่มีขนาดใหญ่กว่าหมาป่าสีหมอกเล็กน้อย “เจ้าคือสัตว์อสูรราชันดังนั้นเจ้าต้องเข้าใจในสิ่งนี้ ข้าจะบอกสิ่งที่สหายต้อจ้อยบอกเจ้าไปอีกครั้งสู้กับข้าและมาเป็นสมุนหากเจ้าแพ้ หากข้าแพ้ พวกเราจะไม่เข้ามาเหยียบในหุบเขาหมาป่าใต้อีกเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

หยางเย่ทราบดีว่าหากต้องการให้สัตว์อสูรราชันมาติดตาม เขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งพอตัว มิเช่นนั้นถึงแม้มันจะยอมอยู่ในคําสั่ง แต่ก็เป็นคําสั่งจากสหายตัวจ้อย ท้ายที่สุดมันก็ยังไม่ได้ภักดีอย่างเต็มใจ หากเขาสามารถทําให้ราชันหมาป่าเอาจริงเอาจังกับเขาได้ และด้วยความช่วยเหลือจากสหายตัวจ้อย มันก็จะเป็นเหมือนครั้งก่อน ยิ่งกว่านั้นราชันหมาป่าตัวนี้ยังแข็งแกร่งมาก

เขาต้องการจะเก่งขึ้น วิธีนี้จึงราวกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ราชันหมาปามองไปที่หมาปาสีหมอกก่อนจะหันไปมองสหายตัวจ้อยด้วยความหวาดกลัวมันลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะพยักหน้าในที่สุด

แน่นอนว่ามันไม่ต้องการตกลง มันหาได้กลัวหยางเย่ไม่ แต่เพราะมนุษย์ที่ยังไม่บรรลุขั้นปราณราชันมาท้าทาย สิ่งนี้ไม่ต่างจากการโดนหยามเกียรติของราชัน แต่มันก็หาได้มีทางเลือกอื่นไม่ เพราะมันเองก็กลัวมิงค์ม่วงและหมาปาสีหมอก ถึงแม้หยางเย่จะไม่สนใจในตําแหน่งจ่าฝูง แต่หากมงค์ม่วงช่วยหมาป่าสีหมอก มันก็อาจโดนแย่งตําแหน่งในฝูงได้

ดังนั้นมันจึงตกลงเพื่อให้ทั้งสองตัวออกห่างไป

ราชันหมาป่าสีเงินเงยหน้าหอนขึ้นฟ้า ฝูงหมาปาด้านหลังลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมถอยห่า งออกไปร้อยเมตร ในขณะเดียวกัน หยางเย่ส่งสัญญาณให้สหายตัวจ้อยและหมาป่า สีหมอกถอยหลังไป

บัดนี้ชายหนุ่มและหมาป่ายืนจ้องตากัน

ดวงตาของราชันหมาป่าแสดงออกถึงการดูถูกอย่างไม่ปิดบัง มันไม่ได้ขยับตัว เพราะหากมันทําการเปิดการต่อสู้ก่อนขณะเผชิญหน้ากับมนุษย์ เช่นนั้นราชันหมาปาจะต้องดูถูกตนเองแน่นอน ดังนั้นมันจึงรอหยางเย์โจมตี!

หยางเยบิดข้อมือเก็บดาบไว้ในแหวนมิติ เขาไม่คิดที่จะใช้ดาบ ไม่ใช่เพราะเขาประเมินราชันหมาปาต่ําต้อย แต่เพราะเขาต้องการจะฝึกฝนร่างกาย!

หลังจากที่เขาสู้กับหมาป่าสีหมอกวันนั้น หยางเย่เข้าใจได้สิ่งหนึ่ง หากร่างกายของเขาบา ดเจ็บหนัก เช่นนั้นพลังปราณทองคําในร่างกายจะช่วยฟื้นฟูในทันที ถึงแม้การทําสิ่งนี้จะต้องได้รับความเจ็บปวด แต่หากไม่ทําเช่นนี้แล้วจะพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างไร?

เมื่อมันเห็นหยางเย่เก็บดาบ ราชันหมาป่าได้แสดงความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง เจ้ามนุษย์คนนี้กล้าดูถูกเรางั้นหรือ?”

มันเงยหน้าหอนอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นกระทืบเท้าหลังอย่างรุนแรงเพื่อพุ่งกระโจนใส่หยางเย่ พื้นดินที่ราชันหมาปาเงินกระทืบไปปรากฏเป็นหลุมลึกขนาดเล็ก เห็นได้ชัดว่าพลังของมันมหา ศาลมาก!

หยางเย่แสดงท่าที่เคร่งขรึมเมื่อเห็นราชันหมาปาเงินพุ่งเข้ามา เขาขยับขาไปด้านหลังพร้อมวางหมัดเป็นแนวนอน พลังปราณทองคําในร่างกายเริ่มไหลเวียน จากนั้นพลังปราณทอ งคําทั้งหมดได้มารวมอยู่ที่หมัดของหยางเย่

เมื่อราชันหมาป่าเข้ามาใกล้ตัว หยางเย่กระทืบเท้าเพื่อกระโจนออกไป ไม่นานเสียงคํารามของหยางเยู่ดังก้องขึ้นพร้อมหมัดที่กระแทกใส่หัวราชันหมาป่า!