บทที่ 96: ศิลาเหมันต์ทมิฬ
ไม่นาน น้ําชาก็มาเสิร์ฟ
หวังเฉินกั๋วและผู้บริหารโรงเรียนคุยกันแบบสบายๆขณะที่หวังเต็งนั่งอยู่ข้างๆด้วยท่าทางเบื่อหน่ายบรรยากาศคึกคักมาก
ผู้อํานวยการหยูและผู้บริหารคนอื่นๆไม่ได้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมและดุร้ายในครั้งนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดยิ้มอย่างเป็นมิตรและยกย่องชมชยหวังเต็งทุกรูปแบบราวกับว่าพวกเขาเป็นญาติกัน
พรสวรรค์ที่หาที่เปรียบมิได้ ท่าทีสง่างาม อนาคตที่สดใส.. พวกเขายกย่องเขาในทุกวิถีทาง
มันวิเศษมากที่พวกเขาสามารถคิดวลีได้มากมายแช่นนี้ บางทีพวกเขาคงจะศึกษาด้านนี้มาเป็นอย่างดี
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องมาระยะหนึ่ง ผู้อำนวยการหยูก็หันมาและพูดกับหวังเต็งว่า “ หวังเต็ง เธอตัดสินใจว่าจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไหนหรอ?”
“ เราเพิ่งคุยกันเมื่อสักครู่นี้เอง” หวังเฉินกั๋วยิ้มและกล่าว
“ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย” หวังเต็งส่ายหัว
“ เธอค่อยๆคิดเกี่ยวกับมัน ก็ได้ เธอสามรถเลือกที่ไหนก็ได้ในประเทศ”
“ ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามครูที่โรงเรียนได้เลย พวกเขาอยู่ในวงการการศึกษามาหลายปีแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีประสบการณ์ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย” ผู้อำนวยการหยูกล่าวอย่างใจดี
“ ตกลง ขอบคุณมากครับผู้อํานวยการ” หวังเต็งตอบ
“ อ้อ จริงด้วย เธอยังจํารางวัลที่ฉันพูดถึงครั้งก่อนได้ไหม” ผู้อํานวยการหยูยิ้มและถาม
หวังเต็งรู้สึกตื่นเต้นในทันที เขายิ้มและตอบว่า “ แน่นอน!”
“ เด็กน้อย” ผู้อํานวยการหยูชี้มาที่เขาและหัวเราะ จากนั้นเขาก็หยิบของสองสามชิ้นออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
“ เอาล่ะ ทั้งหมดนี่คือของเธอ”
ข้าวของถูกจัดวางเป็นแถวเดียวบนโต๊ะ
มันมีกระเป๋าสตริงสีดําขนาดเล็ก
ขวดหยกขนาดเล็ก
และสุดท้าย กล่องที่เล็กกว่าฝ่ามือเล็กน้อย
หวังเต็งตรวจสอบพวกมันทั้งสามชิ้น
ผู้อํานวยการหยูยิ้มและพูดว่า “ เปิดพวกมันดูสิ”
หวังเต็งไม่ได้ทําตัวสุภาพอีกต่อไป เขาเปิดกระเป๋าสีดําก่อน ข้างในนั้นมีคริสตัลขนาดเล็กสิบเม็ดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ และทั้งหมดก็เป็นประกายระยิบระยับ
คริสตัลเหล่านี้เป็นสีฟ้าน้ําแข็ง และดูราวกับว่าสร้างขึ้นจากการรวมผลึกน้ําแข็งตามธรรมชาติ พวกมันส่องสว่างใต้โคมไฟ
“ นี่คือหินพลังงาน!”
ผู้อํานวยการหยูกล่าวว่า “ ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นนักสู้ธาตุน้ําแข็ง ฉันเลยขอให้ใครบางคนช่วยหาหินพลังงานระดับต่ําขั้นเหลืองธาตุน้ําแข็งสิบชิ้นมาให้สําหรับเธอ เธอสามารถใช้มันเพื่อการฝึกฝนส่วนตัวและสิ่งอื่น ๆของเธอได้”
นักสู้ธาตุน้ําแข็ง
หวังเฉินกั๋วและหลี่ซิ่วเหม่ยต่างก็ชําเลืองมองกันและกันเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกเขางงงวย
หวังเต็งเป็นนักสู้ธาตุไฟไม่ใช่หรอ?
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสอบถามอะไรเพิ่มเติม พวกเขาทําได้เพียงระงับความอยากรู้ในใจเท่านั้น
“ ผู้อํานวยการ คุณช่างใจดีเสียเหลือเกิน” หวังเต็งอุทานออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
จากนั้นเขาก็เปิดขวดหยกขนาดเล็ก ยาเม็ดสีน้ําเงินเข้มสามเม็ดกลิ้งออกมาจากขวด
เมื่อเม็ดยาเล็กๆเหล่านี้ตกลงบนฝ่ามือของเขา กลิ่นหอมเย็นและสดชื่นก็โชยเข้าสู่จมูกของเขา และทําให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า
“ นี่คือเม็ดยาจิตวิญญาณเหมันต์ มันเป็นเม็ดยาวิญญาณธาตุน้ําแข็งและเป็นขั้นแรกระดับต่ํา มันสามารถช่วยเธอในการฝึกฝนได้” ผู้อํานวยการหยูอธิบายเม็ดยาจิตวิญญาณให้เขาธาตุน้ําแข็ง!
หวังเต็งรู้สึกว่าผู้อํานวยการหยูนั้นเป็นคนที่น่าสนใจ เมื่อเขารู้ว่าหวังเต็งเป็นนักสู้ธาตุน้ําแข็ง เขาก็เตรียมรางวัลธาตุน้ําแข็งทั้งหมดให้เขาในทันที
แม้ว่าพวกมันจะเป็นรางวัลของเขา แต่เขาก็เป็นหนี้บุญคุณชายคนนี้ไม่มากก็น้อย
ผู้อํานวยการหยูเปิดปากอีกครั้ง “ ถ้าเธอไม่รีบใช้มัน เธอก็สามารถเก็บมันไว้ในขวดหยกเพื่อป้องกันไม่ให้สรรพคุณของมันหายไป”
หวังเต็งพยักหน้า เขาใส่ยาสามเม็ดกลับเข้าไปในขวดหยกขนาดเล็ก
สุดท้ายคือกล่องดํา นี่คงเป็นรางวัลลึกลับที่ผู้อํานวยการหยูเคยพูดถึง เขาสงสัยว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน
เขาพอใจกับสองรางวัลแรกแล้ว ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอรางวัลที่สาม
กล่องนี้มีขนาดประมาณฝ่ามือของเขา หวังเต็งเปิดกล่องและสังเกตเห็นหินสีดําสนิทวางอยู่ตรงกลาง
ความหนาวเย็นที่เจาะทะลุกระดูกแผ่ออกมาจากหิน
“ นี่คืออะไรกัน?” หวังเต็งถามด้วยความสงสัย
“ ศิลาเหมันต์ทมิฬ!”
ผู้อํานวยการหยูพูดสามคํานี้อย่างช้าๆราวกับว่าศิลาเหมันต์ทมิฬนั้นเป็นสมบัติล้ําค่า
น่าเสียดายที่มันไม่มีใครเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน และหวังเต็งก็มองเขาด้วยความงุนงง
เขาพูดอะไรออกมาน่ะ!
ผู้อํานวยการหยูยิ้มอย่างเชื่องช้าและกล่าวว่า “ ศิลาเหมันต์ทมิฬนี้เป็นสมบัติสวรรค์ธาตุน้ําแข็ง ฉันบังเอิญไปได้รับมันมาน่ะ มันสามารถใช้หลอมอาวุธได้ และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันก็เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เธอเองก็เป็นนักสู้ธาตุน้ําแข็ง ดังนั้นสิ่งนี้จึงเหมาะสําหรับเธอเป็นอย่างมาก”
“ มันเล็กเกินไป!” หวังเต็งไม่รู้ว่าศิลาเหมันต์ทมิฬนั้นมีค่าเพียงใด ดังนั้นเขาจึงบ่นเบาๆเมื่อเห็นขนาดที่เล็กของมัน
“ แค่กๆ!”
ผู้อํานวยการหยูไออย่างเชื่องช้า “ ฉันมีศิลาเหมันต์ทมิฬก้อนเล็กๆก้อนนี้เท่านั้น จริงอยู่ที่มันเล็กไปหน่อย แต่เธอก็สามารถเสริมมันด้วยวัสดุอื่นได้ ฉันแน่ใจว่าคุณภาพของอาวุธที่หลอมออกมานั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ”
หากศิลาเหมันต์ทมิฬนี้มีขนาดใหย์พอจะสร้างอาวุธได้ มันก็จะมีมูลค่าที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว!
และถ้าเป็นอย่างนั้น ผู้อํานวยการหยูก็จะไม่ยอมยกมันให้คนอื่นเช่นกัน
หวังเต็งขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าของชิ้นนี้นั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์
ตามคํากล่าวของผู้อํานวยการหยู หินก้อนนี้ก็มีคุณค่ามาก แต่เนื่องจากมันมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นมูลค่าของมันจึงถูกลดลงไปอย่างมาก
มันไม่สามารถใช้เพื่อสร้างอาวุธที่สมบูรณ์ได้ และมันก็อาจจะไม่เหมาะที่จะใช้มันเป็นวัสดุเสริม
ท้ายที่สุดแล้ว การหลอมอาวุธนั้นก็ไม่ได้เป็นเพียงการรวมวัสดุต่างๆเข้าด้วยกันอย่างสบายๆ คุณต้องละลายวัสดุที่จะใช้เสริมกัน
มันอาจมีข้อขัดแย้งระหว่างวัสดุบางอย่าง หรือความเข้ากันได้อาจจะไม่สูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สําหรับวัสดุหายากอย่างศิลาเหมันต์ทมิฬ การค้นหาวัสดุที่เข้ากันได้สูงกับหินก้อนนี้นั้นน่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างมาก
เมื่อผู้อํานวยการหยูสังเกตเห็นว่าหวังเต็งยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นเวลานาน เขาก็รู้ว่าหวังเต็งนั้นอาจจะไม่ชอบรางวัลนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ ถ้าเธอไม่ต้องการศิลาเหมันต์ทมิฬนี้ ฉันก็สามารถเปลี่ยนแปลงให้เธอได้นะ”
หวังเต็งยิ้มอย่างสงบ “ ไม่เป็นไร ฉันชอบมัน ฉันจะเอาสิ่งนี้แหละ คุณไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนหรอก”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เก็บศิลาเหมันต์ทมิฬไป
เมื่อดูรางวัลทั้งสองแล้ว เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าผู้อํานวยการหยูนั้นทุ่มเทมากกับการจัดหารางวัลทั้งหมดนี้
สําหรับปราชญ์ชั้นยอดในการสอบศิลปะการต่อสู้แล้ว ผู้อํานวยการของโรงเรียนมัธยมตงไห้ก็ได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการเตรียมรางวัลเหล่านี้ให้เหมาะสมกับเขา
หวังเต็งรู้สึกขอบคุณมาก
ผู้อํานวยการหยยิ้มอย่างมีความสุขในทันทีเมื่อเห็นหวังเต็งรับของขวัญไป
รางวัลนี้ไม่ใช่แค่การให้กําลังใจนักเรียนดีเด่นเท่านั้น แต่มันยังเป็นการลงทุนอีกด้วย
มันคือการลงทุนในอนาคตของพวกเขา หากหวังเต็งประสบความสําเร็จเมื่อเขาโตขึ้น หวังเต็งก็จะตอบแทนโรงเรียนเก่าของเขาอย่างแน่นอน
ผู้อํานวยการหยูมีความหวังอย่างสูงสําหรับหวังเต็ง ถ้าหวังเต็งไม่ชอบศิลาเหมันต์ทมิฬ ผลของรางวัลเหล่านี้ก็จะลดลงอย่างมาก
เขารู้ว่าถ้าเขาพลาดนักเรียนที่โดดเด่นคนนี้ไป เขาก็จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
ในตอนนี้หวังเต็งเป็นนักสู้แล้ว และนั่นก็ทําให้ความสําเร็จของเขาในอนาคตนั้นเหนือจินตนาการ
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาและเขาเต็มใจที่จะตอบแทนโรงเรียนเก่าของเขา มันก็จะเป็นรางวัลที่มากมายมหาศาลอย่างแน่นอน
“ ดีที่เธอชอบมัน ฉันได้ให้รางวัลของฉันไปแล้ว ดังนั้นฉันก็จะไม่รบกวนเธอแล้ว” ผู้อํานวยการหยูลุกขึ้นและเตรียมจะจากไป
“ ผู้อํานวยการหยู ทําไมคุณไม่นั่งให้นานกว่านี้สักหน่อยล่ะ?” หวังเฉินกั๋วกระตุ้นให้พวกเขาอยู่ต่อ
“ ไม่เป็นไร มันหลายสิ่งหลายอย่างที่กําลังรอให้ฉันไปจัดการที่โรงเรียน” ผู้อํานวยการหยูกล่าวอย่างมีไหวพริบ
ด้วยเหตุนี้เอง หวังเฉินกั๋วจึงไปส่งผู้อํานวยการหยูและผู้บริหารคนอื่นๆของโรงเรียนที่มาพร้อมกันไปที่ทางเข้า เขาเฝ้าดูขณะที่พวกเขาขับรถและจากไป การแสดงออกของเขาซับซ้อนเล็กน้อย ขณะที่เขายืนอยู่ที่ประตู