บทที่ 97: เกมไม่สนุกอีกต่อไปหรือแอลกอฮอล์มันไม่ดี?

หลังจากที่เห็นผู้อํานวยการหยูและคณะผู้บริหารโรงเรียนออกไปแล้ว หวังเฉินกั๋วก็ยืนอยู่ที่ประตู อารมณ์มากมายก่อตัวขึ้นในตัวเขา

“ ทําไมคุณถึงมายืนมึนงงอยู่ตรงนี้ล่ะ”

หลี่ซิ่วเหม่ยโผล่หัวของเธอออกมาจากด้านหลังของเขาและมองไปที่เขาอย่างสงสัย

บรรยากาศถูกทําลายในทันที

“ ฉัน…” หวังเฉินกั๋วสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วยความหงุดหงิด

เขาเห็นหวังเต็งกําลังตรวจสอบรางวัลบนโต๊ะ

เขาอุทานว่า “ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเลย ดูเหมือนว่าผู้อํานวยการของลูกจะพยายามอย่างมากเลยนะในครั้งนี้”

“ ถ้าลูกชายของเราไม่เก่งกาจขนาดนี้ ผู้อํานวยการหยูก็คงจะไม่ให้รางวัลเช่นนี้กับเขาหรอก” หลี่ซิ่วเหม่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

หวังเต็งเพิกเฉยต่อคําโอ้อวดของพ่อแม่ของเขา ในฐานะลูกชายของพวกเขา เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรกีดกันความสุขเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตพวกเขาอย่างโหดร้าย

เขามองดูสิ่งของทั้งสามชิ้นที่อยู่ข้างหน้าโดยเฉพาะศิลาเหมันต์ทมิฬในกล่อง ผู้อํานวยการหยูกล่าวว่ามันมีค่ามาก แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่แน่นอนเกี่ยวกับคุณค่าของมัน

“ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหาเวลาไปค้นคว้าหรือถามผู้รู้แล้วล่ะ”

ในที่สุดหวังเต็งก็เก็บหินดําไป

หลังจากนั้นครอบครัวสามคนก็นั่งลงและทานอาหารพร้อมหน้ากัน

ในเวลาเดียวกัน ในเมืองเจียง ข่าวที่กลุ่มกําปั้นเหล็กถูกทําลายนั้นก็ไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไป

สมาชิกของกลุ่มที่ออกไปทําธุรกิจต่างก็รู้สึกโชคดีที่รอดพ้นจากการทําลายล้างครั้งนี้ ในตอนที่พวกเขากลับมาที่สํานักงานใหญ่ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าทางเข้าหลักนั้นเปิดอยู่และอาคารทุกหลังก็เงียบสนิท

จากนั้นพวกเขาก็เห็นฉากที่พวกเขาไม่สามารถลบออกจากความทรงจําได้

สยอง!

ศพทั้งหมดมีสีหน้าหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตายอย่างสงบ

ผู้รอดชีวิตที่โชคดีต่างก็หวาดกลัวจนขาดสติ

บางคนต้องการดูกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่กล้องทั้งหมดก็ได้ถูกทําลาย มันไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถบอกได้เลยวั่นเกิดอะไรขึ้น

เงินสดและสิ่งของราคาแพงทั้งหมดหายไป

กลุ่มกําปั้นเหล็กเหลือแต่ชื่อเท่านั้น

“ ตัวประกันนั้นได้รับการช่วยเหลือจากใครบางคน มันอาจจะเป็นใครบางคนจากฝั่งขอ งมัน?” จู่ๆก็มีคนพูดขึ้น

“ ไม่ว่าจะเป็นหรือไม่ก็ตาม ศิษย์นักสู้ขั้นสูงทั้งหมดในสํานักงานใหญ่ก็ได้ถูกฆ่าตายหมด นายคิดว่าเราจะสามารถฟื้นฟูกลุ่มของเราให้กล้มาดังเดิมได้หรือไม่?” อีกคนหนึ่งตัวสั่นและกล่าวด้วยความกลัว

“ นอกจากนี้ ข่าวที่กลุ่มกําปั้นเหล็กถูกทําลายก็คงจะถูกแพร่กระจายออกไปในไม่ช้า และศัตรูของเราก็จะไม่ปล่อยเราไปง่ายๆแน่นอน”

“ คนเหล่านั้นจากเมืองหลวงเซียรึเปล่า? พวกมันมีนักสู้อยู่ท่ามกลางพวกมันด้วย ถ้ามันมาเพื่อตัวประกันจริงๆ มันก็อาจจะเป็นพวกนั้นก็ได้”

“ เป็นพวกมันแล้วทําไม แกคิดจะแก้แค้นรึไง?” มีคนเยาะเย้ย

“ แยกย้ายกันไปเถอะ กลุ่มกําปั้นเหล็กล่มสลายแล้ว…” ใครบางคนพูดอย่างอ่อนแรง

ทุกคนจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้น เขาหัวเราะอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “ ฉันก็แค่เสนอแนะ แบบเป็นกันเอง อย่ามองฉันแบบนั้นสิ”

“ แยกย้ายกันไปเถอะ”

“ ได้ แยกย้ายกันไป”

“ ลาก่อนทุกคน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ได้พบพวกคุณอีกในอนาคต”

ทุกคนกระจัดกระจายกันไปในทันที พวกเขาจากไปโดยไม่แสดงอาการลังเลใดๆ มันมีเพียงคนที่คิดเสนอแนะเท่านั้นที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่ในจุดนั้นด้วยความงุนงง

“ กลุ่มกําปั้นเหล็กหายไป”

ณ ห้องสวีทที่หรูหราของโรงแรมในเมืองเจียง ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

ต่อหน้าชายวัยกลางคนนี้ ชายหนุ่มอายุยี่สิบปีที่มีผมสั้นก็กําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ําและหมุนแก้วไวน์ในมือ

ไวน์แดงในแก้วหมุนไปมาเบาๆ ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็น “ หืม?”

“ ฉันได้เดินทางไปดูเป็นการส่วนตัวแล้ว เกือบทุกคนถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวรวมทั้งศิษย์นักสู้ขั้นสูง”

“ หัวหน้ากลุ่มเองก็หายไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันก็มีรอยไหม้ที่พบในที่เกิดเหตุ” ชายวัยกลางคนกล่าวต่อ

“ นักสู้?”

“ นักสู้ธาตุไฟ?”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น เขาดื่มไวน์แดงในมือจนหมดในอีกเดียว

“ ฉันคิดว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างงั้น” ชายวัยกลางคนพยักหน้าแล้วตอบ

“ กลับไปที่เมืองหลวงเซียแล้วสั่งให้คนอื่นจัดการเรื่องนี้ซะ ฉันไม่มีอารมณ์” ชายหนุ่มเหยียดหลังและเย้ยหยัน

“ คุณ จะไม่จัดการหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม

“ ฉันบอกว่าฉันจะกลับไปที่เมืองหลวงเซีย!” ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา

“ เข้าใจแล้ว!”

หวังเต็งไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเจียง

เกี่ยวกับสถานการณ์ของหวังเฉินกั๋ว เขาก็รู้จากหัวหน้าของกลุ่มกําปั้นเหล็กว่าอีกฝ่ายนั้นมาจากเมืองหลวงเซีย

ในชีวิตก่อนหน้า คนที่กวาดล้างตระกูลหวังเองก็มาจากเมืองหลวงเซียด้วย

แม้ว่าเวลาจะไม่ถูกต้อง แต่มันก็น่าจะเป็นคนๆเดียวกัน

นี่คือยุคแห่งศิลปะการต่อสู้ และมันก็มีนักสู้อยู่ฝั่งตรงข้าม

ต่อหน้าพวกเขา ตระกูลหวังก็ยังอ่อนแอราวกับมด

แต่เขาคือตัวแปร

ตอนนี้หวังเต็งเป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้ แม้แต่ผู้ว่าราชการเจียงเองก็ยังรู้ว่าเขาเป็นใคร

ดังนั้นอีกฝ่ายก็คงจะไม่กล้าแตะต้องตระกูลหวังอย่างผลีผลาม ตระกูลหวังจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในตงไห่

ถ้าไม่เช่นนั้น หัวข้อข่าวในวันรุ่งขึ้นจะเป็น –

ปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้ถูกทําลาย?

นี่จะไม่ใช่แค่การตบหน้าตงไห่เท่านั้น แต่มันจะเป็นการท้าทายอํานาจของกฎหมายจีนด้วย ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถทําอะไรได้โดยปราศจากความกลัว

ดังนั้นตระกูลหวังจึงปลอดภัยตราบใดที่อยู่ที่นี่

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังจําเป็นต้องป้องกันการกระทําที่อีกฝ่ายอาจจะทํา ตราบใดที่มันอยู่ ในกฏการกระทําเหล่านี้ก็จะได้รับอนุญาต

ตระกูลหวังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ปู่ของหวังเฉินกั๋วและหวังเต็งนั้นล้วนเป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในโลกนักธุรกิจ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาก็จะไม่นั่งรอให้ศัตรูมาหาอย่างโง่ๆโดยไม่ต้องเตรียมการใดๆ

หวังเต็งไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบริษัท

ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทําก็คือเพิ่มความสามารถของเขาให้เร็วที่สุด ถ้าเขามีพลังมากพอ เขาก็จะสามารถฆ่าศัตรูทั้งหมดได้ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว

สิ่งเดียวที่หวังเต็งไม่เข้าใจก็คือ ตระกูลหวังนั้นไปยั่วยุผู้มีอํานาจเช่นนั้นได้อย่างไร ท้ายที่สุด แล้วอีกฝ่ายก็มีภูมิหลังที่ใหญ่โตและทรงพลัง

เขาถามคําถามเดียวกันนี้กับหวังเฉินกั่วก่อนหน้านี้ แต่พ่อของเขาก็ไม่ทราบคําตอบ เขาถูกลักพาตัวไปโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนเช่นกัน

ในขณะนี้หวังเต็งก็ได้ไปพบกับซูเจี๋ยและเพื่อนคนอื่นๆของเขาในบาร์อันเงียบสงบ มันมีเบียร์ น้ําผลไม้และของขบเคี้ยวทุกชนิดอยู่บนโต๊ะ

พวกเขาทั้งหมดพูดคุยและหัวเราะ

“ ปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้เ” ทันใดนั้นซูเจี๋ยก็ตะโกนด้วยความประหลาด

ทั้งสามคนจ้องมองหวังเต็งด้วยความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาว่าผลงานของเขานั้นไม่ได้แย่ แต่เมื่อพวเขารู้ข่าวเกี่ยวกับหวังเต็งอีกที เขาก็กลายเป็นปราชญ์ชั้นยอดไปแล้ว

พวกเขาแค่จ้องตากันชั่วครู่และไม่รู้จะพูดอะไร

หวังเต็งชินกับปฏิกิริยาแบบนี้แล้ว ทุกคนที่ได้ยินข่าวนี้เป็นครั้งแรกนั้นต่างก็มักจะตกตะลึง

เฮ้อ ไม่มีใครเชื่อ!

โชคดีที่ระบบไม่ทอดทิ้งเขา

หวังเต็งถอนหายใจ เขาเริ่มกินขนมคนเดียวและปล่อยให้ทั้งสามคนประหลาดใจต่อไป หลังจากที่พวกเขารู้สึกตัวแล้ว พวกเขาก็เริ่มบทสนทนาต่อ

ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสามคนก็ได้สติ

“ ยินดีด้วยพี่หวังเต็ง!” ซูเจี๋ยกล่าวด้วยน้ําเสียงที่ซับซ้อน

ในอดีต พวกเขาล้วนแต่เป็นลูกเศรษฐีที่ไร้ประโยชน์และอวดดีในสายตาของคนอื่น แต่ตอนนี้หวังเต็งก็ได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยการก้าวกระโดดเพียงครั้งเดียว และสิ่งนี้มันก็ ทําให้ซูเจี๋ยรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

อยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวที่รักและสอบตกไปด้วยกันมันไม่ดีหรอ?

เกมไม่สนุกอีกต่อไปหรือแอลกอฮอล์มันไม่ดี?

ทําไมเขาถึงต้องหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาของเขา? ทําไมเขาถึงกลายเป็นนักเรียนดาวเด่นที่เขาเกลียดมาตลอด?

ซูเจี๋ยเริ่มสงสัยในชีวิตของเขา ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ถูกทอดทิ้งปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา และออร่าสีเทาเข้มก็แผ่กระจายไปทั่วตัวเขา

หวังเต็ง: …

ไป่เว่ย: …

หยู่ฮ่าว: …