216 แผนการที่จะบรรลุผลในภายหลัง
“เอ๊ะ เอ๊ะโต๊ะ…….หนูแค่พยายามคิดว่าหนูจะสามารถทำสิ่งเดียวกันกับที่เนียซามะทำเพื่อหนูอยู่เสมอได้หรือเปล่า แต่ ยังไงดี…….แล้วจู่ ๆ หนูก็เริ่มรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นแปลก ๆ……….”
อะ ไม่ต้องสงสัยเลย
ดูเหมือนว่ามิโตะจะกำลังใช้งาน「คิ」อยู่ตามที่คาดไว้
――ผลของการทำหมุนเวียน「คิ」ตามปกติให้เธอ ซึ่งส่งเสริมผลการชำระล้างตัวเองเป็นกิจวัตรก่อนเข้านอน
เมื่อถามถึงอ่างอาบน้ำที่เห็นเมื่อเช้านี้ มิโตะก็ตอบอย่างสั้น ๆ อย่างลังเล
ขณะที่มิโตะนอนบนเตียง ฉันนั่งข้างเธอแล้วจับมือเธอไว้ ก่อนหมุนวน「คิ」ของเธอ
ผู้ที่ป่วยจะมีการไหลเวียนที่ไม่ดี
นั่นใช้วิธีแก้ไขทีละน้อยได้อย่างไม่ยากลำบาก
เป็นตรรกะเบื้องหลังเดียวกันกับที่ฉันเอาชนะโรคร้ายที่เคยกัดกินร่างกายของเนีย・ลิสตันเมื่อนานมาแล้ว
ทว่าหากจะพูดไปแล้ว ครั้งนี้ฉันถือเป็นปัจจัยภายนอก ไม่ใช่บุคคลที่มีปัญหา
“น่าจะใกล้ผ่านขั้นตอนแล้วเน๊ะ”
นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังคิดถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้
มิโตะคงไม่ต้องการกิจวัตรนี้อีกต่อไป
“ตอนนี้เธอก็ทำเองได้ใช่ไหม?”
“…….คะ ค่ะ แต่………”
หืม?
“เวลาที่ได้อยู่กับเนียซามะ หนูรู้สึกเหงานิดหน่อยพอคิดว่าช่วงเวลานี้จะหายไป…….”
อะไรกัน น่ารักเกินไปแล้ว ต้องการอะไรเหรอ เงินค่าขนมไหม ฉันจะให้เงินค่าขนมเอง
“ไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะพวกเราก็ยังอยู่ด้วยกันน่ะ ซ้า ตอนนี้นอนได้แล้วล่ะ”
ฉันต่อต้านความปรารถนาที่จะให้เงินค่าขนมแก่เธออย่างสิ้นหวัง(เพราะจะถูกริโนกิสดุเอา) ฉันส่งมิโตะเข้านอนแล้วออกจากห้องไป
…………
เมื่ออายุยังไม่ถึงสิบขวบ ก็ยังเร็วเกินไปที่จะฝึก「คิ」
ทว่า หากเธอเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว ก็แสดงนั่นเป็นพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเธอ ในฐานะนักศิลปะการต่อสู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้พรสวรรค์นั้นเสียเปล่าไป
……….ยากที่จะตัดสินใจจังน๊า คงต้องลองคิดดูสักพักแล้วล่ะ
วันรุ่งขึ้น การฝึกของซิลเลนก็เริ่มต้นขึ้น
แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างเล็ก แต่ร่างกายก็มีความสมบูรณ์แบบในระดับสูงมาก เพราะเธอได้รับการฝึกฝนเหมือนนักรบ
ถ้าเป็นเวลานี้ อีกไม่นานเธอก็จะสามารถใช้「คิ」ด้วยความตั้งใจของตัวเองได้
――ทว่า ก็นั่นแหละ
“เอ๊ะ? วางแผน?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้ากับเด็ก ๆ และซิลเลน ฉันก็ถูกถามเกี่ยวกับหัวข้อที่ที่ฉันกังวลอยู่เล็กน้อยจากอาคาชิที่เข้ามาก่อนที่ฉันจะรู้ตัว
“ใช่ใช่ โฮร่า เนียจังเคยพูดแบบนั้นไว้ช่ายมั๊ย? ฉ๊านเลยสงสัยว่ามีอะไรที่สามารถถ่ายรูปในมาเวเลียได้บ้าง”
…………
อ้า เคยพูดอยู่
“เรื่องนั้น ก็เคยล่ะเน๊ะ”
จากเนื้อหาบทสนทนา ฉันจำได้แม่นว่าอาคาชิพูดตลกบ้า ๆ เกี่ยวกับการแต่งงาน ซึ่งทำให้ริกิสอารมณ์ไม่ดี
ใช่ใช่ ต้องเกิดขึ้นก่อนการโจมตีตอนกลางคืนแน่ ๆ ฉันลืมไปหมดแล้ว ……….บางทีความจริงที่ว่าเธอกลับมาถามในเวลานี้ แปลว่าอาคาชิก็คงจะลืมไปแล้วเหมือนกัน
“แล้ว? มีอะไรงั้นเหรอ?”
อีกไม่นานจะมีเที่ยวบินประจำมาเพื่อตรวจสอบฉัน
หากคุณมีแผนการที่น่าสนใจฉันอยากจะส่งข้อมูลไปที่อาร์ตัวร์
“อืม ตอนนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างหรอก แต่ฉ๊านกำลังสงสัยว่าจะสามารถใช้แหล่งพลังงานของทหารจักรกลเพื่อสิ่งอื่นได้หรือไม่ล๊า”
ในเรื่องของอาคาชิ โดยพื้นฐานแล้ว เธอสามารถขับทหารจักรกลได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีพลังเวทมนตร์มากเพียงพอที่จะใช้งานพวกมันได้เป็นเวลานาน
นั่นเป็นเหตุผลที่ดูเหมือนว่าเธอมักจะคิดอยู่เสมอเกี่ยวกับการใช้พลังของทหารจักรกล และสิ่งที่เกี่ยวข้องเพื่อวัตถุประสงค์อื่น รวมทั้งการได้มาซึ่งพลังในการต่อสู้โดยไม่ต้องใช้พลังเวทมนตร์มากเกินไป
“ตอนนั้นฉ๊านเกิดแนวคิดเรื่องรถม้าที่สามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้ม้าล๊า ม๊า โดยสรุปเลยก็ เป็นทฤษฎีการใช้แหล่งพลังงานของทหารจักรกลเพื่อหมุนล้อ”
โห๊ว รถม้าที่เคลื่อนที่โดยไม่มีม้า
“แต่ไม่ใช่ว่ามีทางเลือกอื่นอยู่แล้วหรอกเหรอ? โฮร่า เรือเดี่ยวไงล่ะ”
ประการแรก ดี เนื่องจากพื้นดินที่ไม่เรียบพอรถม้าลากได้ไม่สะดวกสบายมากนักหากขับขี่ใปยังที่ต่าง ๆ บนพื้นที่ที่ไม่ได้ปูอย่างดี
และถ้าลงลึกไปอีกก็คือ ผลกระทบที่มีต่อล้อ และการสั่นสะเทือนที่เกิดจากความไม่สม่ำเสมอ
ขับเคลื่อนล้อด้วยพลังสินะ
………อะ จริงด้วย!
“จะมาแทนที่พลังลมและน้ำได้หรือเปล่า!?”
ในชนบท ผู้คนนำพลังของลมและน้ำเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน โม่แป้งหรือเปล่าน่ะ ฉันไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ว่าไปแล้ว แล้วเรื่องพลังขับเคลื่อนล่ะ
“เอ๊っ!? …….อ้า ใช่ๆๆ ! เรื่องนั้นก็ด้วย!”
หืม? ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทว่า แม้ว่าจะเกินความคาดหมายของอาคาชิ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ผิดพลาดเช่นกัน
“ไม่ใช่แบบนั้น นี่คือยานพาหนะ! รถม้าที่วิ่งโดยไม่มีน้ำ!”
“ก็มีเรื่องเดียวอยู่แล้วจริงไหม?”
การที่ล้อไม่สม่ำเสมอนั้นแย่มาก มาถึงเอวของฉันเลย มาเวเลียใช้หินกรวดที่ปูอย่างดี ดังนั้นมันจึงค่อนข้างนั่งสบาย
“จุ๊จุ๊จุ๊ เนียจังกำลังลืมบางสิ่งที่สำคัญไป”
เธอเอานิ้วชี้มาที่ฉัน อาคาชิเป็นคนที่ค่อนข้างน่ารำคาญ แต่ก็ยากที่จะลืมเช่นกัน
“ความเร็วไงล๊า ความเร็ว!แน่นอนว่าทหารจักรกลนั้นเบากว่าเรือดี่ยวมาก และใช้พลังงานเวทมนตร์น้อยกว่า และเป็นยานพาหนะที่เร็วกว่า! คิดว่ายังไงบ้างค๊า!?”
…………
“มีเรือที่ใช้สำหรับการแข่งขันที่เรียกว่าวิงค์โร้ดอยู่ ซึ่งเป็นเรือดียวที่บินด้วยความเร็วสูงกว่าเมื่อก่อน….”
“ไม่จำเป็นต้องบินก็ได้!”
อะ ทำไมเสียงดังกันจัง
“มนุษย์ควรเคลื่อนที่บนพื้น!มนุษย์ควรคลานบนพื้นและมีชีวิตอยู่ต่อไป! พวกเขาไม่จำเป็นต้องพยายามบิน!”
อะไรเนี่ย เธอเห็นแก่ตัวมาก
…………
แต่ฉันก็สนใจนิดหน่อย เพราะเป็นเรื่องแปลกแต่แรกแล้วที่เรือเหาะ และเรือเดี่ยวสามารถบินอยู่บนท้องฟ้าแม้ว่าจะทำจากโลหะก็ตาม
หากถามฉัน ฉันก็เป็นคนประเภทที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าติดดิน ม๊า แต่แรกแล้ว ฉันก็เร็วกว่าเรือเดียวลำอื่น ๆ แหละ
“ถ้าพูดขนาดนั้นทำไมไม่ลองล่ะ?”
พูดตามตรง ฉันไม่มีความคาดหวังสูงมากนัก……แต่ฉันสามารถจินตนาการได้ว่า「รถม้าที่วิ่งโดยไม่มีม้า」 ที่อาคาชิพูดถึงนั้นสามารถทำได้ด้วยเรือเดี่ยวที่มีอยู่แล้ว
ยังไงก็ตาม เราอยู่ในโลกที่เราไม่รู้ว่าอะไรจะนำไปสู่โปรเจ็กต์ยอดนิยม
ฉันไม่มีอะไรต้องจัดลำดับความสำคัญอยู่แล้ว ดังนั้นทำไมไม่ลองดูล่ะ
คงต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่ความคิดนี้จะสัมฤทธิ์ผล
มันเบากว่าเรือเดี่ยว วงจรพลังนั้นเรียบง่าย ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของหินเวทมนตร์ก็ดี ง่ายต่อต่อการจัดการ ปรับเปลี่ยน และใช้งาน ไม่ต้องการพลังเวทมนตร์มากนัก อย่างไรก็ตาม ความเร็วนั้นก็สูงอย่างน่าประหลาด
เหนือสิ่งอื่นใดคือราคาถูกกว่าเรือเดี่ยวมาก
มันเข้าถึงง่ายกว่าวิงค์โร้ด แต่ก็มีความเฉพาะเจาะจงเช่นกัน ――กลายเป็นวัฒนธรรมที่ทัดเทียมกับวิงค์โร้ด
นี่คือจุดกำเนิดของสิ่งที่จะกลายเป็นยานพาหนะเคลื่อนที่สองล้อ「ม้าจักรกล」
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณคุณ CHA***AI KIMN X-2478 มากๆครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
ไร้สาระ?
ตอนนี้แถวบ้านเริ่มโดนหิมะดำ(ขี้เถ้า)ตกใส่หนักสุดๆแล้ว ทั้งวันคือปลิวว่อนทั่วฟ้า พื้นเต็มไปด้วยรอยขี้เถ้า หายใจทีสดจื่นนนนนนจนแสบตาแสบจมูกไปหมดแล้ว