ตอนที่ 217 เรื่องราวโลลิทุกสิ่งทุกอย่างจากนี้ไป

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

217 เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างจากนี้ไป

 

“เนีย เราคิดว่าหยาบคายที่จะถามตอนนี้”

 

หลังจากฝึกซ้อมในตอนเช้า ซิลเลนที่เหงื่อชุ่มก็ถามกับฉัน

 

“ตามจังหวะปัจจุบันนี้ เมื่อไหร่ที่เราจะแข็งแกร่งขึ้น?”

 

โห๊ แข็งแกร่งสินะ เน๊

 

“ฉันก็อยากจะบอกว่า……ขึ้นอยู่กับเธอ แต่มีเหตุผลไหมว่าทำไมถึงได้อยากแข็งแกร่งขึ้นเร็วขนาดนั้น?”

 

“อืม ที่จริงแล้ว――จะเล่าให้ฟังทีหลัง”

 

ซิลเลนตัดบทสนทนาลง ในตอนที่เห็นมิโตะซึ่งกำลังถืออ่างน้ำผ่านมา

 

ฉันเดาว่ามันเป็นสิ่งที่เด็กไม่ควรได้ยิน…….

 

――เกี่ยวข้องกับแมลงหรือเปล่า?

 

 

 

พวกอาบน้ำด้วยกัน ล้างเหงื่อให้กัน และกินข้าวเช้าด้วยกันในตอนเช้า วันนี้ก็มีเรียนอีกครั้ง

 

เมื่อฉันเปลี่ยนชุดเสร็จ และมุ่งหน้าไปยังทางเข้า พวกเด็ก ๆ พ่อบ้านซาคุมะ และริโนกิสก็รอต้อนรับฉันอยู่แล้ว

 

“โอโจ้ นี่คือข้าวกล่องของคุณค่ะ”

 

อ้า เด็กดีเด็กดี คาลัวน่ารัก

 

“วันนี้เป็นข้าวกล่องรักรักโอโจ้ซามะค๊า”

 

งั้นเหรองั้นเหรอ …….รักรัก กับรักที่สุด อยากรู้จักว่าทางไหนดีกว่ากัน ไม่จริงน๊า แรงค์ของฉันลดลงงั้นเหรอ?

 

“ขอโทษที่ทำให้ต้องรอ เราจะไปกันเลยไหม?”

 

ซิลเลนก็มาด้วย

เพราะเรามีจุดหมายอยู่ทางเดียวกัน ปัจจุบันพวกเราจึงไปโรงเรียนด้วยกัน

 

“มีข่าวกล้องอาหารกลางวันสำหรับซิลเลนซามะด้วยนะคะ นี่คือข้าวกล่องที่แม้แต่เจ้าหญิงเองก็ต้องชอบบตั้งแต่นี้เป็นต้นไปค๊า”

 

“……..อืม ทนรอไม่ไหวแล้วล่ะ”

 

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง คงจะคิดอยู่ว่า「ตอนนี้ยังไม่ชอบยังงั้นสินะ」เธอก็รับกล่องอาหารกลางวันที่ยื่นมาให้

 

“ของฉันเป็น『ข้าวกล่องรักรักโอโจ้ซามะ』ล่ะ”

 

“อ้า งั้นเหรอ ดีจังน๊า เป็นเรื่องราวที่น่าอิจฉาเลย”

 

ฉันพยายามคุยอวด เป็นไงเห็นไหม แต่ฉันรู้สึกเหมือเธอปฏิบัติต่อฉันเหมือนเด็กเลย ฟุ๊น คิดแล้วเธอก็แก่กว่าจริง ๆ แหละ

 

“โอโจ้ซามะ อาคาชิกำลังเตรียมตัวสำหรับตัวอย่างอยู่ขอรับ จึงดูเหมือนว่าเช้านี้เธอจะไม่มา วันนี้ทั้งสองท่านสามารถไปโรงเรียนได้เลยขอรับ”

 

ฉันกำลังจะถามซาคุมะ ――ว่าตัวอย่างที่กำลังพูดถึงคืออะไร แต่ก็หยุดไว้

คงจะเกี่ยวกับรถม้าที่วิ่งโดยไม่มีม้าที่ว่า

 

“เช่นนั้น ขอให้เดินทางปลอดภัยขอรับ”

 

“”ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ/ค่ะ”

 

เมื่อเหล่าคนใช้กล่าวส่งเสร็จ พวกเราก็ออกจากคฤหาสน์

 

 

 

ซิลเลนดูเหมือนว่าจะตัดสินใจที่จะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน ในตอนที่พักอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน

ม๊า ก็อาจจะเป็นเพราะฉัน

 

“เราจะสานต่อสิ่งที่เราคุยกันเมื่อเช้านี้ได้ไหม?”

 

“ได้สิ มาคุยกันเถอะว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อไหร่เน๊ะ”

 

จะเรียกว่าโชคดีดีไหมที่ระยะทางไปยังโรงเรียนทหารจักรกลนั้น เหมาะสำหรับการพูดคุยระหว่างเดิน

 

“เมื่อวันก่อน การซ่อมแซมทหารจักรกลซึ่งเสียหายค่อนข้างเล็กน้อยเสร็จสิ้นแล้ว และจะมีการออกไปสำรวจนอกป้อมทางด้านทิศตะวันออก”

 

โห๊ว

ก็จริงที่ชาวมาเวเลียยังคงรู้สึกมีความสุข แต่……….ม๊า ความสุขนั่นไม่สามารถคงอยู่ตลอดไปได้

 

“ไปยังดินแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจซึ่งปกครองโดยแมลงใช่ไหม?”

 

“อ้า ท่านพี่…….อะ คุณไม่ชอบที่จะให้เอ่ยถึงชื่อหรือเปล่า?”

 

ท่านพี่ที่ว่า คงหมายถึงริวิเซลแน่นอน

พูดตามตรง ฉันยังคงไม่ชอบเขา แต่ตอนนี้ฉันสนใจเรื่องนี้มากกว่า ดังนั้นฉันเลยกระตุ้นให้เธอพูดต่อโดยบอกว่า「ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น」

 

“ถ้าอย่างงั้น――ตามการคาดเดาของท่านพี่ อาจจะยังมีแมลงหลงเหลืออยู่ที่นั่นก็เป็นได้”

 

อุมุ

 

“คิดว่ายังมีเหลืออยู่ล่ะ”

 

ฉันคิดว่ามีแมลงแค่บางชนิดที่เตรียมพร้อมออกขยายอาณาเขตได้ง่าย ๆ จากแหล่งที่มาดั้งเดิม

พวกนั้นเป็นเหมือนศัตรูจากต่างประเทศ――ที่แข็งแรงกว่าแมลงชนิดอื่น ๆ จึงเป็นเหตุให้แมลงชนิดอื่นถูกขับไล่ออกมา

 

ฉันคิดว่าพวกมันเรียงลำดับตามความแข็งแกร่ง ……โดยมดเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด รองลงมาคือผีเสื้อกลางคืน

 

และ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกนั่นไม่ออกมา

หากเพียงปกป้องดินแดนของตัวเอง และไม่ยุ่งกัน พวกนั่นก็จะไม่โจมตีจากอีกด้านหนึ่ง

 

ม๊า ฉันก็กำลังคิดว่าสักวันหนึ่งฉันจะไปที่นั่น

 

“ใช่ อันที่จริงก็ยังอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าจะยังมีมด และผีเสื้อกลางคืนอยู่”

 

อาร๊า

 

“เจอแล้วเหรอ?”

 

“อ้า ทว่าเพราะยังเป็นฤดูหนาวอยู่ การเคลื่อนไหวของแมลงจึงช้าลงมาก นโยบายของมาเวเลียคือ การล่าให้มากที่สุดในขณะที่สามารถทำได้

พวกเราวางแผนที่จะเข้าโจมตีในฤดูหนาวนี้ เป็นเพราะว่าครั้งนี้ได้เนียช่วยลดจำนวนแมลงลงไปมากแล้ว เราเองก็อยากที่จะทำลายพวกมันให้มากที่สุดเช่นกัน”

 

เข้าใจล่ะ

 

“ซิลอยากไปด้วยสินะ”

 

“ใช่แล้ว เรามีประสบการณ์การต่อสู้ในฐานะทหารจักรกลมาก่อน ตอนนี้เราคิดว่าแม้จะเพียงเครื่องเดียว อย่างน้อยการมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกนิดก็ยังดี

ทว่าตอนนี้เราไม่สามารถขึ้นขับได้ ถ้าอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง――”

 

ฉันคิดว่าก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมีชีวิตอยู่และแข็งแกร่งขึ้น

 

“ฉันขอบอกเธอไว้ก่อน ว่าถ้าไม่ทำอย่างถูกต้อง ชีวิตของเธออาจตกอยู่ในความเสี่ยง ดังนั้นฉันจะพูดให้ชัดเจนว่า ฤดูหนาวนี้เธอยังไม่สามารถทำมันได้ทัน”

 

เธอพึ่งเริ่มฝึกเท่านั้น

แม้ว่าเธอจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ก็ยังต้องการกาปรับแต่งเพื่อให้สามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้ เพื่อให้สามารถจัดการได้อย่างอิสระ มันยังต้องใช้เวลา

 

ทว่า ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของซิลเลนดี

 

ถึงเวลาที่จะโจมตีแล้ว นี่คือโอกาส

หากเข้าใจเรื่องนี้ดี ไม่ว่าใครก็อยากจะเข้าร่วม

 

“จะไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากฉันเหรอ?”

 

“อยากขอสิ ฉันอยากจะขอให้ช่วยจริง ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วแมลงก็เป็นปัญหาของมาเวเลีย เราคิดว่านี่เป็นปัญหาที่พวกเราต้องแก้เอง”

 

――มีความมุ่งมั่นที่ดี

 

ทว่า แค่เตรียมตัวแค่นั้นยังไม่เพียงพอ ความพร้อมของราชวงศ์ยังย่ำแย่เป็นพิเศษ อีกทั้งคนรอบช้างจะตายก่อน

 

ฉันจะเข้าไปช่วยในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

แม้ว่าฉันจะไม่ชอบประเทศนี้นัก แต่นี่คือประเทศของลูกศิษย์คนใหม่ของฉันที่ชื่อ ซิลเลน

 

“เข้าใจแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น มาฝึกให้มากขึ้นกว่านี้กันเถอะ”

 

“”จริงเหรอ!? เช่นนั้นเย็นวันนี้เองก็ฝากดูแลเราด้วยนะ!?”

 

อืม จะดูแลเอง จะทำให้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย

 

 

 

วันนี้หลังเลิกเรียน ฉันกลับบ้านพร้อมของฝากที่ไม่ต้องการ นั่นก็คือ การบ้าน

 

“จะไปฝึกกันเลยใช่ไหม?”

 

ในขณะที่ฉันรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเพียงแค่คิดถึงศัตรูที่เรียกว่า การบ้าน ซึ่งกำลังซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า ซิลเลนก็ดูมีความสุข และตื่นเต้นมาก ……..ดีจังน๊า สำหรับผู้ที่ไม่มีการบ้านเป็นศัตรู

 

……..อาเร๊ะ?

 

“อาเร๊ะ อาคาชิไม่ใช่เหรอ? แล้วก็มีรถม้าอยู่ด้วยเน๊ะ”

 

“มีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่เหมือนฉันจะรู้จักด้วยล่ะ”

 

ที่หน้าคฤหาสน์ มีอาคาชิ กับสารวัตรทหารกำลังยืนคุยกันด้วยเรื่องบางอย่าง……..อะ ตาลุงคนนั้นคือ โซเบล หัวหน้าสารวัตรทหารหน่วยที่หกไม่ใช่เหรอ

นอกจากนี้ยังมีรถม้าที่ไม่มีม้าด้วย

 

“ยินดีต้อนรับกลับค๊า”

 

อาคาชิที่ไม่ได้เจอกันในตอนเช้ากำลังรู้สึกกระสับกระส่าย เธอยังคงสวมชุดเครื่องแบบอยู่ ดูเหมือนว่าน่าจะยังไปโรงเรียนทหารจักรกลตามปกติ

 

“เนียซัง สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยน่ะ”

 

“สวัสดีค่ะ วันนี้มีธุระอะไรเหรอคะ?”

 

ฉันเกลียดสารวัตรทหาร แต่ฉันไม่ได้เกลียดตาลุงคนนี้ เขาเป็นชาวมาเวเลีย แต่ก็เป็นคนดี

 

“ธุระ…….ไม่ไม่ ฉันมาที่นี่เพื่อมอบเงินให้กับเธอน่ะ โฮร่า ก็เงินจากการกวาดล้างพวกโจรที่ขอให้ฉันไปแลกเปลี่ยนมาให้ไง”

 

…………

 

อ้า! นั่นมันก่อนที่ฉันจะโดนจับ!

 

“ฉันลืมไปหมดเลยค่ะ”

 

เพราะว่าฉันมีเงินเก็บหนึ่งพันแปดร้อยล้านที่ได้มาจากดาร์จอล ทำให้ฉันคิดว่าไม่ต้องการเงินอีกต่อไป ฉันก็เลยลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริง ๆ

 

“ลืมไปแล้ว……..ก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นล่ะนะ แต่สำหรับฉัน เงินจำนวนมากก็คือเงินจำนวนมาก จริง ๆ แล้วฉันก็อยากจะรีบมามอบให้กับเธอทันทีแหมือนกัน ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า”

 

“――กองกำลังสารวัตรทหารทั้งหมดอยู่ภายใต้การถูกสอบสวนโดยตระกูลชิโนบาซ เพราะแบบนั้นเลยทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จนถึงวันนี้ ฉ๊านต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย จะได้โปรดช่วยยกโทษให้พวกเราหน่อยได้ไหมค๊า?”

 

อาคาชิขอโทษอีกครั้ง แต่เพราะว่าฉันลืมไปหมดแล้ว ก็เลยไม่สำคัญ

 

“ว่าแต่ ทั้งหมดเท่าไหร่เหรอคะ?”

 

“ฉันขอข้ามพวกรายละเอียดปีกย่อยไปแล้วกัน แต่รวมแล้วก็ประมาณสี่สิบล้านครัมล่ะน๊า”

 

โหโห๊ สี่สิบล้านครัมสินะ

 

“จ๊า โซเบลก็เอาไปครึ่งหนึ่งได้เลยค่ะ”

 

“เฮ๊ะ!?”

 

“ค่าแรงไงค่ะ”

 

“เดี๋ยวเดี๋ยว มันมากเกินไปสำหรับแค่ค่าแรงแล้วนะ!อันที่จริงพูดตรง ๆ แล้ว ของแบบนั้นจะได้รับการปฏิบัติเหมือนการติดสินบนเน๊ะ! ดังนั้นฉันรับไว้ไม่ได้หรอก!”

 

อะ เป็นอย่างงั้นเหรอ ……..ม๊า เหนือสิ่งอื่นใด คือการอยู่ต่อหน้าผู้ที่เกี่ยวข้องกับชิโนบาซ ที่จริงก็รู้สึกต้องการรับหรือเปล่าน่ะ

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะคิดหาอะไรไปขอบคุณทีหลังนะคะ เท่านี้ก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

 

“ฮะ ฮ้า…….นั่น ถ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง ถ้าเกิดกลายเป็นสินบนไปจริง ๆ ฉันจะกลายเป็นสารวัตรทหารที่ทุจริตไปจริง ๆ เอาได้……….”

 

นั่นเป็นคำขอที่ยากเลยล่ะ ม๊า จะลองคิดอะไรบางอย่างดูแล้วกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น

 

“อาคาชิ หรือว่านี่คือรถม้าที่ว่า?”

 

“ใช่แล้วใช่แล้ว!รถม้าต้นแบบคันแรกที่วิ่งได้โดยไม่มีม้า!”

 

มันเป็นรถม้าทำจากไม้ ดูมีน้ำหนักเบาโดย และไม่มีสิ่งของอื่นใดนอกจากตัวขับเคลื่อน ดูเหมือนว่าอาคาชิจะลากมันมาจนถึงที่นี่เอง นั่นหมายความว่ามีน้ำหนักที่แม้แต่เด็กผู้หญิงก็สามารถลากบนทางเท้าปูหินได้อย่างงั้นสินะ

 

“กลไกนี้ได้รับการตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว!ที่เหลือก็แค่เปิดเครื่องแล้วใช้งาน! มนุษย์สามารถอยู่รอดได้โดยไม่ต้องบิน!”

 

โห๊ว งั้นเหรอ

 

“จ๊า ถ้าอย่างงั้นพวกเรารีบมาลองดูกันเลยเถอะ”

 

พูดตามตรงจริง ๆ แล้ว ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเรือเดี่ยวก็ดีอยู่แล้ว แต่ ม๊า ถ้าอากาชิอยากทำก็มาลองดูกัน

 

 

 

กึก แก๊ก แก๊ก

 

เมื่ออาคาชินั่งลงในที่นั่งคนขับ และคว้าพวงมาลัย รถม้าก็เริ่มสั่น

ฉันไม่รู้ว่าเป็นเสียงแบบไหน แต่ฟังดูเหมือนหัวใจที่กำลังเต้นแรง

 

“อาคาชิ นี่จะไม่เป็นไรแน่นะ?”

 

ซิลเลนที่เฝ้าดูอย่างเงียบ  ๆ ก็เปิดปากถามขึ้นเมื่อมาถึงจุดนี้

 

“ความแข็งแกร่งของรถม้าคันนี้ไม่มีปัญหาแน่นะ? ทำไมถึงไม่เตรียมรถม้าเหล็กล่ะ? ถ้าเธอจะขับเคลื่อนรถม้าไม้โดยใช้พลังของทหารจักรกล ความแข็งแกร่งของตัวรถต้องมั่นใจให้แน่นอน”

 

“ม๊ายเป็นร๊ายหรอกค๊า! ฉ๊านคำนวณมาอย่างรอบคอบแล้ว!”

 

โอ้ งั้นเหรอ หากเธอสามารถทำการคำนวณยาก ๆ โดยใช้ตัวเลขที่เรียกเป็นอย่างอื่นว่าสัตว์ประหลาดไม่ได้ ก็แปลว่าไม่เป็นไรไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

“ไม่สิ ดูยังไงก็ไม่ไหว เห็นชัด ๆ เลยว่า――”

 

“ม๊าม๊า”

 

ฉันหยุดซิลเลนที่พยายามปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับเพื่อหยุดอาคาชิไว้

 

“เธอคำนวณไว้แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

 

“……ไม่ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคำนวณว่าอะไรยังไง………”

 

ในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่นั้นเอง

 

“――ยี้ฮ้า!มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรคลานอยู่บนพื้นดิน!!”

 

อาคาชิก็คำราม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ฉันคิดว่ามันกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ล้อซ้ายก็หลุดออกมาทั้งหน้าและหลัง

ตัวรถเปลี่ยนทิศทางอย่างเห็นได้ชัด

มันชนเข้ากับกำแพงด้านนอกของคฤหาสน์อีกหลังที่เคยโดนทหารจักรกลชน และทำลายไปเมื่อวันก่อน กระหน่ำซ้ำเติม

 

กำแพงที่พึ่งซ่อมแซมเสร็จพังทลายลงอีกครั้ง และรถม้าก็พังลงเช่นกัน

 

” ――ไม่หว๊ายเลย เป็นความล้มเหลวแหล่ะค๊า แต่ฉ๊านก็ดีใจที่ทุกคนปลอดภัยเน๊ะ!”

 

อาคาชิที่หนีออกมาก่อนจะชนกำแพงยิ้มอย่างร่าเริง

 

…………

 

“นั่นสินะ ฉันก็ดีใจที่เธอปลอดภัย”

 

“ความปลอดภัยไม่มีเลยไม่ใช่หรือไง! โอ๊ย อาคาชิ! เราพยายามหยุดแล้วน๊า!? ทำไมหล่อนถึงยังไปทั้ง ๆ ที่เราสั่งหยุดแล้ว!? อะไรคือสิ่งที่หล่อนคำนวณไว้ตอนแรกห๊า!? บอกมาซ๊า!”

 

ฉันพยายามเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องโล่งใจแต่ ซิลเลนโกรธจัด

 

………ก็นั่นสิน๊า แบบนี้แย่แล้ว

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ