ตอนที่ 165

The simple life of the emperor

หลังจากงานประมูลจบลงเทียนหลางและเฟิงหยวนก็อยู่เที่ยวที่ประเทศดาราอีกสามวันเท่านั้นก่อนจะกลับ เพราะได้มีเรื่องด่วนเข้ามาแทรกเสียก่อน ทำให้เขาและเฟิงหยวนจึงต้องเดินทางกลับบ้านกระทันหัน

เมื่อกลับมาถึงเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเดินไปถามกับแม่ของเขา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับแม่ ?”
แม่ของเทียนหลางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเล่าทุกอย่างให้เทียนหลางได้ฟัง
ดูเหมือนว่าเมื่อวันก่อนธุรกิจของตระกูลฉวีที่ขยายมาในประเทศนั้นจะได้รับผลกระทบหลายอย่าง อย่างน่าสงสัยเรื่องนี้ทางคุณยาย และคุณน้าเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด
พวกเขาได้ทำการสืบสาวเรื่องราวทั้งหมดและกลายเป็นว่าทุกอย่างนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงสองตระกูลนั่นก็คือตระกูลหาน และตระกูลเสี่ยว
ในตอนแรกตระกูลฉวียังพอตั้งรับและตอบโต้ไปได้บ้าง นี่แสดงให้เห็นว่าอำนาจของตระกูลฉวีนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสองตระกูลเลย
สงครามระหว่างสามตระกูลเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นบานปลายจากการต่อสู้ทางธุรกิจไปเป็นการปะทะกันระหว่างคนสามตระกูล
เริ่มมีการตายเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนทำให้คุณยายเริ่มเป็นห่วงทางแม่ของเขาเพราะเกรงว่าอาจจะมีการเล่นนอกเกมของอีกสองตระกูล
เมื่อการต่อสู้เริ่มยืดเยื้อก็เริ่มที่จะมีผู้เล่นใหม่เข้ามานั่นคือตระกูลหยู พวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลโบราณของเมืองหลวงนั่นยิ่งทำให้เกมกระดานเลยเถิดไปยิ่งขึ้น
และเมื่อแม่ของเขาได้รับรู้เรื่องนี้จากคุณยาย แม่ของเขาก็เริ่มที่จะเป็นกังวลเกี่ยวกับเทียนหลางและเฟิงหยวนที่อยู่ต่างประเทศ เธอจึงโทรบอกให้เขารีบกลับมาเพราะอย่างน้อยก็น่าจะคลายความกังวลได้
เทียนหลางที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามกับแม่ของเขา
“เป็นเพราะเรื่องแต่งงานหรือเปล่าครับ ?”
เมื่อได้ยินคำถามแม่ของเทียนหลางก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เรื่องนี้แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ลูกคงต้องถามคุณยาย”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะพูดว่า
“แล้วคุณยายจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไงครับ ?”
แม่ของเทียนหลางส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมกับเล่าว่า
“ในตอนนี้ตระกูลฉวีนั้นได้รับการโจมตีจากทั้งสามตระกูล นี้ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย บางทีคุณยายของลูกอาจจะยอมแพ้ในศึกครั้งนี้และถอนธุรกิจภายในประเทศทั้งหมดออก แต่นั่นก็อาจจะมีปัญหาอีกมากมายตามมาได้”
เมื่อพูดจบเธอก็ถอนหายใจอย่างเป็นกังวล แม้แม่ของเทียนหลางจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลแต่เธอเองก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องพวกนี้ การวิเคราะห์เหตุการณ์เพียงเล็กน้อยจึงยังพอสามารถทำได้อยู่บ้าง
เทียนหลางเองก็ปลอบแม่ของเขาเล็กน้อยก่อนจะคิดเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาของเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า
“ผมคิดว่าน่าจะยังมีคนคอยช่วยได้อยู่นะ”
เมื่อแม่ของเทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา ก่อนจะกลับไปกังวลอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของเทียนหลาง
“แต่ผมคงต้องเดินทางไปเมืองหลวงสักหน่อย”
แม่ของเทียนหลางพยายามจะห้ามเพราะการเดินทางไปเมืองหลวงในตอนนี้เป็นอะไรที่อันตรายอย่างมาก แต่เมื่อเธอคิดห้ามเทียนหลางก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ”
เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเห็นสายตาอันแน่วแน่ของเทียนหลางแล้วเธอก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกับว่าคำพูดนั้นมันติดอยู่ที่คอ เธอจึงทำได้เพียงถอนหายใจและปล่อยให้เทียนหลางทำอย่างที่เขาต้องการ
หลังจากนั้นเทียนหลางก็ฝากเฟิงหยวนให้ดูแลทุกคนในบ้าน ซึ่งเฟิงหยวนก็ยิ้มรับ จากนั้นเทียนหลางก็กล่าวขอโทษกับเฟิงหยวนที่ปัญหาของครอบครัวเขาทำให้ฮันนีมูนต้องล่มไป
เฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เราสองคนจะไปฮันนีมูนกันอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ปัญหาของครอบคุณก็เหมือนกับปัญหาของครอบครัวฉันเช่นกัน ฉะนั้นคุณไปแก้ปัญหานี้สะเถอะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป และไปโผล่ที่แนวรั้วของคฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองหลวง
เมื่อเทียนหลางเดินมาที่ทางเข้าเขาก็ถูกห้ามไว้โดยยามสองคน
“ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“ผมมาหาคุณหนูตงเสวีย”