ตอนที่ 147

My Disciples Are All Villains

“ใครกันที่กำลังหาเรื่องพวกเรา? ” หมิงซี่หยินได้ถามออกไปอย่างสับสน “แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน? “

แม้ว่าเมืองถังซีจะอยู่ใกล้กับศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถึงแบบนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองที่ก็ยังถือว่าค่อนข้างห่างกันอยู่ดี

ผู้คนจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามักจะไม่ได้ออกจากภูเขาทองถ้าหากไม่มีเหตุผลที่มากพอ เมื่ออาจารย์ของพวกเขาต้องการข่าวสารจากโลกภายนอก เมื่อนั้นเขาก็จะสั่งให้หยวนเอ๋อไปที่เมืองถังซีเพื่อหาข่าวสารมา แต่ในตอนนี้หยวนเอ๋อไม่ได้ออกไปเลย แล้วจ้าวยู่เองก็ได้รับบาดเจ็บรวมไปถึงกำลังฟื้นฟูพลังวรยุทธของตัวเองอยู่ จ้าวยู่รู้ได้ยังไงกัน?

“มีคนบอกข้ามา”

“ใครกัน? “

“คนธรรมดาคนหนึ่ง ข้าคิดว่าเจ้านั่นคงจะถูกใครสักคนส่งมา ตอนนี้ข้าได้ส่งเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงหลายคนออกไปตรวจสอบเรื่องที่เมืองถังซีแล้ว พวกนางทั้งหมดยืนยันว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจริง”

จ้าวยู่หยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “มีทหารประจำการอยู่ที่เมืองถังซีกว่า 3,000 คน ทหารพวกนั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องกังวล นอกเหนือทหารแล้วก็ยังมีผู้ฝึกยุทธชุดแดงกว่า 30 คนวนเวียนอยู่รอบๆ เมืองถังซีอีกด้วย”

หมิงซี่หยินรู้ที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก “ถ้าหากเจ้าจะพูดถึงเรื่องผีสางข้าไม่อยากที่จะรู้หรอกนะ”

“เอ่อ…ศิษย์พี่ นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกนะ”

“พูดต่อซะสิ”

“ข้าสงสัยว่ากลุ่มผู้ฝึกยุทธชุดแดงพวกนั้นจะเป็นลูกหลานของสิบคนทรง ชุดของเจ้าพวกนั้นเหมือนกับชุดของลูกหลานของสิบคนทรงทั้ง 2 คนที่มาศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเรา” จ้าวยู่ได้พูดต่อไป

ในตอนนั้นเองใบหน้าของหมิงซี่หยินก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันที “นี่มันอะไรกัน? ทั้งๆ ที่ท่านอาจารย์ไม่ได้ทำอะไรเจ้าพวกนั้นไปเลยแท้ๆ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้”

“เจ้าพวกนั้นเป็นคนที่มาจากพระราชวัง หัวหน้าของเจ้าพวกนั้นน่ะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์คาถา การที่เจ้าพวกนั้นเดินทางมาถึงที่นี่คงจะมาเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของพวกเราแน่ ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วเจ้าพวกนี้จะวางแผนเบื้องหลังเอาไว้สินะ” จ้าวยู่ได้พูดแสดงความคิดเห็นขึ้นมา

หมิงซี่หยินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดขึ้น “อืม งั้นข้าจะจัดการเอง…”

“ขอบคุณมากศิษย์พี่สี่”

“แล้วเจ้าฟื้นฟูตัวเองไปถึงไหนกันแล้วล่ะ? ” หมิงซี่หยินได้ถามไถ่อาหารของผู้เป็นศิษย์น้อง

“ข้าฟื้นฟูตัวเองมาได้ครึ่งทางแล้ว เคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสของข้ามีความสามารถในการใช้พลังจากธรรมชาติฟื้นฟูตัวได้ดี ในตอนที่ท่านอาจารย์ได้แนะนำวิธีการฝึกยุทธให้กับข้า วิธีที่ท่านอาจารย์แนะนำมาช่วยข้าได้มากเลยทีเดียว” จ้าวยู่ตอบกลับมา

“เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ …” หมิงซี่หยินพยักหน้า

ครื๊ดดดด!

เสียงของประตูห้องลับได้ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง

ลู่โจวได้เดินออกมาจากประตูห้องหลับ หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ

“ท่านอาจารย์สวัสดีครับ”

“ท่านอาจารย์สวัสดีค่ะ”

ลู่โจวเหลือบมองพวกเขาทั้งสองคน

ค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยในตอนที่ไปเอากล่องใบนี้กลับมา ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทั้งสีวู่หยาและยู่เฉิงไห่ต่างก็มีความสามารถในการชักจูงจิตใจ แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินกลับไม่หวั่นไหวต่อคำพูดพวกนั้น นี่หมายความว่าการกระทำต่างๆ ของลู่โจวในก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ศิษย์คนนี้จงรักภักดีต่อตัวเขา

ค่าความจงรักภักดีของจ้าวยู่เองก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน แม้ว่ามันจะยังไม่ถึง 70% แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน

ลู่โจวที่ได้ออกมาได้เอ่ยปากพูดขึ้น “ข้าได้ยินพวกเจ้าคุยกันแล้ว”

หมิงซี่หยินโค้งคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์…เจ้าคนพวกนั้นมันไม่รักษาสัจจะ ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นต้องการที่จะสร้างสันติภาพกับพวกเราแค่บังหน้าเพียงเท่านั้น แท้จริงแล้วเจ้าพวกนั้นวางแผนชั่วเอาไว้ ข้าจะไปสั่งสอนเจ้าพวกนั้นเองท่านอาจารย์! “

ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นหรอกนะ…ม่อหลี่น่ะรู้ถึงความแข็งแกร่งของศาลาปีศาจลอยฟ้าดี เพราะแบบนั้นนางก็คงจะเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีแล้ว”

“ท่านหมายความว่าอะไรกัน ท่านอาจารย์? “

“สิบคนทรงน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์คาถา แม้ว่าวู่เฉิงละวู่กวนจะพยายามซ่อนเร้นพลังวรยุทธที่ตัวเองมีเอาไว้ แต่ข้าก็รู้ดีว่าเจ้าพวกนั้นคงจะต้องมีพลังร่างอวตารดอกบัวไม่ต่ำกว่า 4 กลีบแน่”

หมิงซี่หยินและจ้าวยู่ต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น

ในโลกผู้ฝึกยุทธมีผู้ฝึกยุทธระดับต่ำมากมายหลายคน การที่ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ฝึกยุทธอย่างแท้จริงได้คนคนนั้นจะต้องมีพลังวรยุทธอย่างน้อยอยู่ที่ขั้นมหาราชครูและเริ่มที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้ และเมื่อผู้ฝึกยุทธคนไหนฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ คนคนนั้นก็จะได้รับการยอมรับขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อผู้ฝึกยุทธคนไหนฝึกฝนตัวเองไปจนถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ ชื่อเสียงของคนคนนั้นก็จะเป็นที่รู้จักในโลกยุทธภพไป

ความแตกต่างระหว่างผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 1 กลีบไปจนถึง 3 กลีบไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 4 กลีบขึ้นไปไม่ใช่แบบนั้น เพียงแค่ดอกบัวเพียง 1 กลีบเท่านั้นก็ทำให้พลังวรยุทธของคนคนนั้นก้าวกระโดดพัฒนาไปไกล

วู่เฉิงและวู่กวนแม้ว่าจะดูเหมือนคนธรรมดา แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็กลับมีพลังร่างอวตารดอกบัว 4 กลีบได้!

“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังจะบอกให้พวกเราปล่อยให้เจ้าพวกนี้แหย่จมูกของเราต่อไปอย่างงั้นหรอ? ” หมิงซี่หยินได้ถามขึ้น

ลู่โจวส่ายหัวปฏิเสธไป ในตอนนี้ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีการ์ดระเบิดจุดสุดยอดจีเทียนเด๋าอยู่แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีค่าเกินกว่าที่จะใช้ไป ลู่โจวในตอนนี้จะต้องบดขยี้คนพวกนั้นด้วยมือของตัวเองให้ได้ ตัวเขาได้ครุ่นคิดไปพักหนึ่งก่อนที่สุดท้ายแล้วจะได้เอ่ยปากถามอะไรบางอย่างออกมา “รถม้าลอยฟ้าของพวกเราอยู่ที่ไหนกัน? “

หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ตอบกลับไปในทันที “รถม้าล่องเมฆาของพวกเราจอดอยู่ที่ศาลาทางทิศเหนือ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว” หมิงซี่หยินได้ครุ่นคิดก่อนที่จะพูดเสริม “ท่านอาจารย์ ท่านน่ะมีสัตว์ขี่ไม่ใช่หรอครับ? การใช้รถม้าลอยฟ้า…ข้าว่ามันดูไม่สมฐานะของท่านเลย”

“สัตว์ขี่ของข้าไม่สามารถพาคนไปได้มากพอ…เนื่องจากเจ้าพวกนี้พยายามที่จะสร้างสถานการณ์ เพราะแบบนั้นข้าจะส่งคนไปเล่นกับเจ้าพวกนั้น”

ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็รีบใช้ความคิดทันทีหลังจากที่ได้ฟังลู่โจวพูดแบบนั้น ‘ท่านอาจารย์จะพาศิษย์ทั้งหลายไปจัดการกับเจ้าพวกนั้นสินะ…นี่มันก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้วที่พวกเราจะได้ทำอะไรแบบนั้นด้วยกัน! ข้าชักที่จะอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว! ‘

หมิงซี่หยินรีบโค้งคำนับทันทีก่อนที่จะตอบกลับไป “ท่านอาจารย์ข้าจะรีบไปทำความสะอาดรถม้าลอยฟ้าเอง! “

“ไปซะ! “

หมิงซี่หยินที่พูดเสร็จก็ได้วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น

ลู่โจวได้หันไปมองจ้าวยู่ที่ยืนอยู่ ถึงแม้ว่าศิษย์คนนี้จะเข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้ามาเป็นคนแรกๆ แต่ถึงแบบนั้นพลังวรยุทธของนางกลับด้อยกว่ายี่เทียนซิน ในตอนนี้จ้าวยู่มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น นี้คงจะเป็นการฝึกฝนตัวเองอย่างผิดๆ มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ลู่โจวก็ยังไม่มีอาวุธที่จะมอบให้ เพราะแบบนั้นจ้าวยู่ในตอนนี้คงจะไม่สามารถช่วยอะไรตัวเขาได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วลู่โจวก็คิดถึงจ้าวยู่และหยวนเอ๋อ ศิษย์ทั้งสองต่างก็ต้องการอาวุธเป็นของตัวเอง

‘หยวนเอ๋อในตอนนี้มีสายสะพายแห่งนิพพานแล้ว แล้วจ้าวยู่ล่ะ ควรจะได้อาวุธชิ้นไหนกัน? กระบี่ตัดชีวาอย่างงั้นหรอ? ‘ ลู่โจวในตอนนี้กำลังจินตนาการถึงภาพกระบี่ตัดชีวาที่มีอยู่ในใจ ‘กระบี่นั่นมันทั้งใหญ่และหนักมาก คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงแน่ที่จะใช้อาวุธแบบนั้น’

ลู่โจวที่ครุ่นคิดได้พักหนึ่งได้เอ่ยปากถามขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสไปถึงไหนกันแล้ว? “

“ท่านอาจารย์ พลังวรยุทธของศิษย์เพิ่มสูงขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่ที่ศิษย์ได้รับคำชี้แนะจากท่านอาจารย์มาตัวศิษย์ก็ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักจนก้าวหน้ามาโดยตลอด ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังแน่นอน” จ้าวยู่ได้ตอบกลับมาอย่างจริงจัง

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “น่าเสียดายจริงๆ เจ้าคงจะได้แต่ฝึกฝนต่อไป ในตอนนี้ข้ายังไม่มีอาวุธที่เหมาะสมพอที่จะมอบให้กับเจ้า”

จ้าวยู่ย่อตัวคุกเข่าลงก่อนที่จะก้มหัวลง “ท่านอาจารย์ ศิษย์พอใจในสิ่งที่มีแล้ว ศิษย์ไม่กล้าพอที่จะขออะไรเพิ่มเติมจากท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่กล้าที่จะขอให้ท่านอาจารย์มอบอาวุธให้กับศิษย์ค่ะ! “

ลู่โจวสังเกตเห็นค่าความภักดีของจ้าวยู่เพิ่มขึ้น 2% ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจมาก เพียงแค่คำพูดของเขาไม่กี่คำก็สามารถส่งผลได้ถึงเพียงนี้ เมื่อเห็นแบบนี้ตัวเขาก็ได้สงสัยว่าจีเทียนเด๋าได้ใช้วิธีรุนแรงอะไรสั่งสอนศิษย์สาวกทั้งหมดกันแน่ ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ได้พูดออกมา “เจ้าน่ะไปได้แล้ว”

“ศิษย์ขอตัวก่อน ท่านอาจารย์” จ้าวยู่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้า

ลู่โจวยังคงคิดเกี่ยวกับอาวุธต่อไป ‘กล่องใบนั้นล่ะ? ‘ ลู่โจวได้กลับไปที่ห้องลับก่อนที่จะมองดูกล่องทั้งสองส่วน

“กล่องนี่สามารถทนทานการโจมตีจากอาวุธนิรนามได้ นี่จะต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ แน่นอน” ในตอนนั้นเองลู่โจวก็เริ่มคิดถึงอะไรขึ้นมาได้ ‘สีวู่หยา, ยู่ฉางตง และยู่เฉิงไห่เองต้องการที่จะเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องอยู่แล้ว แต่ถึงแบบนั้นเจ้าพวกนั้นก็ยังไม่อาจที่จะทำได้’

ลู่โจวสังเกตเห็นว่าที่ด้านข้างของกล่องทั้ง 6 มีช่องว่างอยู่ ทางด้านซ้ายมีด้วยกันทั้งหมด 3 ช่อง และทางด้านขวาทั้งหมดมีด้วยกันอีก 3 ช่อง

ลู่โจวโบกมือขึ้นมา

แคล๊ก! แคล๊ก! แคล๊ก!

ช่องว่างจากทางด้านซ้ายได้หดตัวก่อนก่อนที่จะเชื่อมต่อจนเป็นรูปทรงแปลกๆ ขึ้นมา!

ลู่โจวได้โบกมืออีกครั้ง

ช่องว่างทางขวาเองก็เชื่อมต่อกันเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วมันก็กลายเป็นรูปทรงแปลกๆ เหมือนกับกล่องทางด้านซ้าย

“นี่มันอะไรกัน? ” ลู่โจวไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นอาวุธไป มันไม่ได้มีรูปทรงที่เป็นทั้งทรงกลมและทรงสี่เหลี่ยม รูปร่างของมันแปลกประหลาดมาก

“ติ้ง! ฟื้นฟูอาวุธสำเร็จ ได้รับ: ถุงมือนักสู้”

กล่องใบนี้คืออาวุธจริงๆ!

เมื่อตรวจสอบมันลู่โจวก็พบว่าของทั้งสองชิ้นกลายเป็นถุงมือสำหรับต่อสู้ไป

ถุงมือนักสู้ทั้งสองข้างสามารถต้านทานการโจมตีจากอาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้! ดูเหมือนว่ากล่องใบนี้จะเป็นสมบัติที่ถูกทอดทิ้งตั้งแต่แรก!