ตอนที่ 100.1 บุรุษควรดูแลตัวเอง... (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

“เหตุใดค่ายกลที่ศิษย์พี่ห้าตั้งเอาไว้ให้ข้าจึงไม่ทำงานเล่า”

จิ่วจิ่วนั่งบนน้ำเต้าขนาดใหญ่ขณะเอามือก่ายหน้าผากแล้วเคี้ยวโอสถวิญญาณ ซึ่งยืดหยุ่นและไม่เหนียวติดฟันของนาง พวกมันสามารถเสริมสร้างวิญญาณของนางและทำให้ปราณวิญญาณของนางมีเสถียรภาพ จากนั้นนางก็ล่องลอยไปและก่อนที่จะทันได้รู้ตัว นางก็มาถึงยอดเขาหยกน้อยแล้ว

ในขณะนี้จิ่วจิ่วพลันเวียนศีรษะเล็กน้อย…

ไม่รู้ว่าเหตุใดค่ายกลป้องกันในที่พำนักของนางจึงออกฤทธิ์ออกเดชขึ้นเช่นนี้ จู่ๆ มันก็เปิดไม่ได้

จิ่วจิ่วพยายามหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล นางจะไม่ยอมมันอีกต่อไปแล้ว!

ในฐานะผู้บำเพ็ญที่อยู่ขอบเขตเซียนเสิ่นระดับสูง นางย่อมมีวิธีทำลายค่ายกลเฉพาะตัวของนางเอง แม้นางจะไม่เข้าใจเต๋าแห่งค่ายกลนี้ก็ตาม

นางใช้พลังเซียนเพื่อปกป้องร่างกายของนางขณะที่เอาศีรษะกระแทกมันจนมันแตกทลายในทันที

หลังจากนั้น จิ่วจิ่วก็ซ่อมแซมรากฐานค่ายกลที่ฝังอยู่ใต้บ้านโดยอาศัยประสบการณ์ที่ทำงานอย่างหนักของนางบนยอดเขาหยกน้อยมาตลอดทั้งปี

ดังนั้น จึงไม่มีค่ายกลใดๆ ในบ้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลป้องกัน ค่ายกลแยกตัว ค่ายกลกันเสียง และค่ายกลรวมวิญญาณ…จะสามารถใช้ได้อีกต่อไปแล้ว!

จิ่วจิ่วอดจะเอามือก่ายหน้าผากไม่ได้ เรื่องค่ายกล การเล่นแร่แปรธาตุ และการหลอมสมบัติและอาวุธนั้นล้วนซับซ้อนเกินไปสำหรับนาง

นางต้องการหาใครสักคนมาช่วยนางจัดวางค่ายกล แต่ก็พบว่า…ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์พี่รองของนางออกไปกับอาจารย์ของพวกเขาแล้ว ในเวลานี้พวกเขาใช้ซากศพที่เหลืออยู่ในวันนั้นเพื่อตรวจสอบภูมิหลังของศัตรู

ศิษย์พี่หญิงสามของนางไปกับคู่บำเพ็ญเต๋าของนาง และศิษย์พี่แปดของนาง ก็ไปกับคู่บำเพ็ญเต๋าของเขาเช่นกัน เขากำลังยุ่งอยู่กับการจัดการงานศพของสหายบนยอดเขาอื่นๆ ที่เสียชีวิตไปในการต่อสู้

ศิษย์พี่หญิงสี่และศิษย์พี่ห้าที่สนิทกับนางที่สุดก็ออกไปพร้อมกับผู้อาวุโสของหอไป่ฝานเพื่อซื้อสมบัติบางอย่างมาเติมเต็มฐานรากของค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา

ศิษย์พี่หญิงหกและศิษย์พี่เจ็ดของนางก็กำลังเข้าปิดด่าน และรักษาซึ่งกันและกัน ว่ากันว่าพวกเขามีเคล็ดวิชาลึกลับบางอย่างที่สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ก้าวหน้าไปด้วยกันได้ในเวลาเดียวกัน…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จิ่วจิ่วก็หัวเราะเยาะขณะนั่งบนน้ำเต้าขนาดใหญ่ก่อนจะเข้าสู่ค่ายกลของยอดเขาหยกน้อย และลอยละล่องลงมา

ในวันนี้ นางมาที่นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อมาหาสุรา แต่มีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องทำแทน

นางมาขอความช่วยเหลือจากหลี่ฉางโซ่วให้ช่วยจัดการค่ายกลรอบที่พำนักของนาง!

จิ่วจิ่วสรุปประสบการณ์ที่ล้มเหลวในการซ่อมแซมค่ายกลของตัวเอง นางรู้สึกว่าอาจเป็นเพราะขาดหลี่ฉางโซ่วที่คอยพูดจู้จี้อยู่ข้างๆ นาง…หลังจากเข้าสู่ค่ายกลแยกตัวด้านนอกยอดเขาหยกน้อยแล้ว จิ่วจิ่วก็อดจะยิ้มอย่างรื่นรมย์ออกมาไม่ได้

นางเห็นหลิงเอ๋อร์กำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังหลอมโอสถอยู่ในหอโอสถ ส่วนศิษย์พี่ฉีหยวนได้หายตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว

ดูราวกับว่า ยอดเขาหยกน้อยจะไม่เคยประสบกับภัยพิบัติอย่างกะทันหันมาก่อนหน้านี้ เวลานี้มันยังคงเงียบสงบเฉกเช่นก่อนและมีบรรยากาศที่น่าสนใจ

จิ่วจิ่วไม่ได้รบกวนหลิงเอ๋อร์ที่กำลังฝึกฝนอยู่ แล้วบินตรงไปที่หอโอสถในขณะที่ค่ายกลที่อยู่ด้านหน้าของนางได้ปิดตัวลงทันทีด้วยตัวมันเอง และนางได้ค้นพบระหว่างทางว่า…ด้วยเหตุผลบางอย่าง มีพื้นที่ว่างเล็กๆ บางส่วนในป่าใกล้กับหอโอสถและมีสระน้ำใหม่เพิ่มขึ้นมาสองสามแห่ง

เขามีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยหรือไม่

จิ่วจิ่วกะพริบตาและไม่สนใจอะไรอื่นเป็นพิเศษอีกต่อไป

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วค้นพบจิ่วจิ่วมานานแล้ว

เขายืนอยู่หน้าหอโอสถและแอบหยุดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เขาเพิ่งส่งไปทำธุระและจัดการสิ่งต่างๆ ในทะเลทักษิณเมื่อวานนี้ในจุดที่ไม่เด่นในมุมหนึ่งของดินแดนเทวะบูรพา

เขาทิ้งเสี้ยวแสงแห่งจิตเพื่อให้เฝ้าติดตามสภาพแวดล้อมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จิตของเขาส่วนใหญ่ได้กลับสู่ร่างเดิม และเขาก็เผยรอยยิ้มบางให้อาจารย์อาน้อยของเขาที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า

หลังจากนั้นไม่นาน จิ่วจิ่วก็ลังเลที่จะอธิบายเหตุผลที่นางตั้งใจมาที่นี่พลางยกมือขึ้นเพื่อปรับปลายเส้นผมแล้วทัดข้างใบหูของนาง

“เจ้าช่วยข้าสักครั้งได้หรือไม่…ข้าจะให้ค่าตอบแทนแก่เจ้า”

“ท่านอาจารย์อาน้อย หากท่านต้องการ ข้าจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอนขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องค่าตอบแทนหรอกขอรับ”

“คราวนี้ เมื่อสำนักประสบหายนะ ข้าก็เข้าใจอะไรมากขึ้น คราวหน้าหากท่านไม่มีสุราดื่ม ท่านก็สามารถมาที่นี่เพื่อรับเอาสุราไปได้ขอรับ” ฉับพลันนั้น ดวงตาของจิ่วจิ่วเป็นประกายขึ้นมาทันทีแล้วหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวว่า “บอกข้ามานะ เจ้าอยากประจบข้าใช่หรือไม่”

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รีบส่ายศีรษะขณะจงใจเผยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมออกมาทันที

“ท่านอาจารย์อา การประจบท่านเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสมอยู่สักหน่อย แม้จะมีอาวุโสที่แตกต่างกัน แต่นั่นย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ศิษย์ก็ยังต้องปฏิบัติต่อท่านในฐานะผู้อาวุโสที่น่านับถือเสมอมา”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ข้าหมายถึงการสนับสนุน ข้าหมายถึง ไม่…”

ใบหน้าของจิ่วจิ่วพลันแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยในขณะที่มือไม้ของนางก็พันกันครู่หนึ่ง และแก้มใสสะอาดของนางก็ขึ้นสีกุหลาบเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วอดหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้ที่จู่ๆ จิ่วจิ่วก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันทีเมื่อตระหนักว่าดูเหมือนว่านางกำลังถูกศิษย์หลานหยอกเย้า

ในขณะนั้น นางจ้องมองหลี่ฉางโซ่วและกล่าวอย่างดุเดือดว่า “ตามข้ามานะ! ไปซ่อมค่ายกล! กล้าดีอย่างไรถึงมาแกล้งข้า อยากโดนตีนักใช่หรือไม่ เฮ้อ! ข้าช่วยเจ้าหลอมโอสถอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วันนี้ข้าต้องทำให้เจ้าเหนื่อยแทบตายและหมดแรงอย่างเหลือเชื่อ!” และในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ประสานมือคารวะ และบอกให้จิ่วจิ่วกลับไปก่อน เขาจะรีบไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม และด้วยวิธีนี้ เขาย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นขณะเดินทางไปร่วมกับจิ่วเซียนและยังสามารถจัดที่ซ่อนที่เหมาะสมสำหรับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เขาส่งออกไป

จิ่วจิ่วไม่ได้คิดเรื่องนี้มากนัก นางเพียงกลับไปเตรียมวัสดุล้ำค่าบางอย่างเพื่อใช้ซ่อมแซมค่ายกล จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนน้ำเต้าแล้วบินกลับไปยังที่พำนักของนางอย่างอารมณ์ดี

หลังจากที่จิ่วจิ่วออกไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยืนอยู่หน้าหอโอสถ และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับไปในหอโอสถเพื่อนั่งสมาธิ

ในขณะนั้น เขาหลับตาลงและหันความคิดไปที่รูปจำลองกระดาษที่เขาส่งออกไป

เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสำนักเทพทะเลทะเลทักษิณโดยเร็วที่สุด หลี่ฉางโซ่วจึง ‘ท้าทาย’ ตัวเองและเต็มใจยอม ‘เสี่ยง’ ในครั้งนี้ เขาปรับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เป็นเวลาสองสามวันก่อนที่จะขอให้ท่านอาจารย์ของเขาช่วยปล่อยกลุ่มตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

คราวนี้เขาส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลายตัวไปยังทะเลทักษิณ

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพตัวใหม่หมายเลขหนึ่ง ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพหมายเลขสอง อยู่ในฐานะหัวหน้าและรองหัวหน้ากลุ่ม

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘สวรรค์’ ทั้งหกตัว จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการเดินทาง ทั้งหลบหนี และต่อสู้ในยามคับขัน นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จำนวนมากที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด

พลังต่อสู้ที่พวกเขาพกติดตัวไว้คือจานเวทค่ายกลขนาดเล็ก อาวุธเวทพิษซึ่งเขาได้พัฒนาขึ้นเอง และยาพิษที่เขาไม่ได้ใช้ระหว่างการต่อสู้ในสำนักตู้เซียน ซึ่งมียาพิษเป็นอาวุธหลัก

วัตถุประสงค์ของการดำเนินการคือใช้วิธีการอำพรางและสงบเพื่อทำให้สำนักเทพทะเลทักษิณล่มสลายไปอย่างเป็นธรรมชาติในเวลาที่รวดเร็วที่สุด เพื่อให้เขาสามารถหลบหนีจาก ‘ระเบิด’ ที่ไม่เสถียรนี้ได้

เขาควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘สวรรค์’ หมายเลขสอง ซึ่งรับผิดชอบในการนำตุ๊กตากระดาษและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปตลอดทาง เขาใช้วิธีหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่ออำพรางตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้มากขึ้นและปล่อยพลังจิตเอาไว้กับพวกมันพร้อมกับคงความระแวดระวังต่อไป