บทที่ 171 ไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งนั้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ดีมาก แต่ทีแรกพวกเราแค่บอกว่าให้คุณออกมาเป็นภรรยาของผม ไม่ได้บอกเลยนี่ว่าให้คุณตีผม ดังนั้นผมคิดได้ไหมว่า คุณกำลังใช้มันมาแก้แค้นส่วนตัวผม คุณภรรยา?”นิรุตติ์ยืนขึ้นมา เข้าใกล้วารุณีเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

วารุณีดึงอารัณให้ถอยไปก้าวหนึ่ง“อย่ามาเรียกมั่วนะ ฉันกลายเป็นภรรยาคุณเมื่อไหร่กันคะ!”

“ผมก็อยากรู้ คุณกลายเป็นภรรยาเขา อารัณกลายเป็นลูกชายเขาตั้งแต่เมื่อไหร่!”ทันใดนั้นประตูห้องส่วนตัวก็ถูกคนเปิดออก นัทธีกระจายความเย็นชาออกมาทั้งตัว มองวารุณีด้วยสายตาคุกรุ่น

“คุณอานัทธี”อารัณเรียกเขา

นัทธีก้มลงมอง พยักหน้าให้อารัณอย่างอบอุ่น ถือว่าตอบแล้ว

จากนั้นตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง อาการก็กลับไปเย็นชาเหมือนเดิม เขาก้าวเท้ายาวๆเดินเข้ามาทีละก้าว ด้านหลังยังตามด้วยมารุต

“ประธานนัทธี คุณมาได้ไงคะ?”วารุณีมองชายหนุ่มที่เข้ามาใกล้ ถามอย่างตะลึงเล็กน้อย

นัทธีไม่ตอบ แต่หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จ้องมองเธออย่างโกรธเคือง“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อกี๊ของผมเลย คุณกลายเป็นภรรยาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เขาชี้ไปที่นิรุตติ์ ถามอีกครั้ง

วารุณีเผชิญหน้ากับคำถามที่แรงของเขาแบบนี้ จึงรู้สึกผิดเล็กน้อย อ้าปากแดงๆออกมา เตรียมอธิบาย

อย่างไรก็ตามตอนนี้เอง นิรุตติ์กลับกอดอก พูดอย่างมีเลศนัย“คำถามนี้ฉันตอบเองละกัน ก็เมื่อกี๊ไง”

“หุบปาก ผมไม่ได้ถามพี่!”นัทธีหรี่ตาลงอย่างอันตรายแล้วด่าออกไป

นิรุตติ์ยักไหล่“เค งั้นฉันไม่พูดโอเคยัง!”

นัทธีจึงละสายตาจากตัวเขา ไปมองที่วารุณี

“หม่ามี๊ คุณอานัทธีเหมือนจะโกรธเลย”อารัณดึงชายเสื้อของวารุณี

วารุณีตบหลังมือของเขา“หม่ามี๊รู้แล้ว ลูกไปตรงนั้นอย่างเชื่อฟังหน่อยนะ”

“อ้อ”อารัณก็รู้ว่านี่คือเรื่องระหว่างพวกผู้ใหญ่ ตัวเองยุ่งด้วยไม่ได้ จึงปล่อยชายเสื้อของเธออย่างเชื่อฟัง ไปนั่งที่โซฟาในมุมห้องส่วนตัว

นัทธีมองมารุตแวบหนึ่ง

มารุตพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วไปที่โซฟา อยู่กับอารัณ

ตรงนั้นเหลือแค่พวกวารุณีสามคน

วารุณีสูดหายใจเข้า“ประธานนัทธี ฉันไม่ได้เป็นภรรยาของผู้อำนวยการนิรุตติ์ ทั้งหมดนี้คือคาวมเข้าใจผิด ฉันแค่ช่วยผู้อำนวยการนิรุตติ์……”

“วารุณี คุณจะอธิบายเรื่องพวกนี้กับเขาทำไม”นิรุตติ์มองนัทธี หัวเราะตัดบท“นัทธีไม่ได้เป็นอะไรกับคุณสักหน่อย พวกคุณแค่เพื่อนกันทั่วไป คุณอธิบายกับเขาเรื่องพวกนี้ ถ้าไม่รู้ ก็คงคิดว่าคุณคือแฟนเขา”

ได้ยิน สายตาวารุณีก็ตะลึง

ใช่ ทำไมเธอต้องอธิบายกับนัทธีด้วย?

พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอรีบอธิบายแบบนี้ และยังมีความรู้สึกที่จะไปพัวพันความสัมพันธ์กับเขาอีก ทั้งที่เมื่อคืนเธอก็พูดแล้วว่า อยู่ให้ห่างนัทธี ทำไมจำไม่ได้ตลอดเลยนะ!

วารุณีกัดริมฝีปากอย่างหงุดหงิด ไม่ส่งเสียงใดๆ

เห็นเธอฟังคำพูดของนิรุตติ์ ก็เงียบลง นัทธีกำหมัดทั้งสองข้างไว้ สายตาแฝงความบ้าระห่ำ ลมหายใจทั้งตัวนั้นเยือกเย็นมากขึ้น

แต่นิรุตติ์กลับทำเรื่องให้วุ่นวายมากขึ้น หัวเราะแล้วพูดว่า“นัทธีแกเข้ามาแล้วมาถามคำถามพวกนี้กับวารุณี แกใช้สถานะอะไรมาถามเหรอ?”

สถานะ?

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มเข้า ไม่พูดต่อ

นิรุตติ์ดันแว่น หัวเราะเสียงเบา“ตอบไม่ได้สินะ เพราะว่าแกไม่มีสถานะใดๆเลย วารุณีก็ไม่ได้เป็นอะไรกับแก ดังนั้นแกไม่มีสิทธิ์ไปถามเธอ เธอทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับแกทั้งนั้น!”

“เหรอ”นัทธีหรี่ตาลงจ้องวารุณี“คุณก็คิดแบบนี้เหรอ?”

วารุณีหลับตาลง เหมือนตัดสินใจอะไร ตอนที่ลืมตามาอีกครั้ง สายตาเหลือเพียงความเย็นชา“ใช่ค่ะ อย่างที่ผู้อำนวยการนิรุตติ์บอกแหละค่ะ ฉันกับประธานนัทธีก็เป็นแค่เพื่อนกันทั่วไป ดังนั้นประธานนัทธีกรุณาอย่าทำท่าทางเหมือนเป็นคนรักฉัน มาถามฉันว่าทำอะไร”

รูม่านตานัทธีหดลง ความโกรธในใจพรั่งพรูออกมา

นิรุตติ์ก็แปลกใจเล็กน้อย

เขารู้ว่าคนที่เธอรักคือนัทธี

แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆเธอจะเออออตามที่เขาพูด ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับนัทธีทั้งนั้น เพราะอะไรกันแน่?

นิรุตติ์มองวารุณีอย่างสนใจ เหมือนอยากจะดูอะไรให้ออก

มารุตที่อยู่ตรงโซฟาฟังต่อไปไม่ไหว ยืนขึ้นมา“คุณวารุณี คุณพูดแบบนี้ไม่เห็นใจคนอื่นมากเลยนะครับ ประธานพวกเรารู้ว่าคนในห้องส่วนตัวเป็นผู้อำนวยการนิรุตติ์ กลัวคุณถูกรังแก จึงมาที่นี่โดยเฉพาะ คิดไม่ถึงว่าคุณกลับทำแบบนี้กับประธานของพวกเรา”

“ฉัน……”ริมฝีปากวารุณีสั่น

“คุณอย่ามาพูดแบบนี้กับหม่ามี๊ผมนะ!”มือข้างหนึ่งของอารัณเท้าเอว จ้องมารุตอย่างไม่พอใจ

“ผู้ช่วยมารุตคุณพูดผิดแล้ว”นิรุตติ์ก็บังวารุณีไว้ด้านหลัง“นัทธีรีบมาที่นี่โดยเฉพาะ ทำให้คนประทับใจมากอยู่หรอก แต่สำหรับวารุณีแล้วเป็นการอ้างหลักศีลธรรมมาบังคับให้ดูดี วารุณีไม่ได้ให้เขามาสักหน่อย เขาต่างหากที่มาเอง พอมาแล้วยังทำสภาพเหมือนวารุณีไปทำผิดอะไรต่อเขา ใครกันแน่ที่ผิด?”

“พวกคุณ……”

“พอแล้ว!”นัทธีตัดบทมารุตเสียงกริบ ใบหน้าแข็งราวกับมีชั้นน้ำแข็งปกคลุม ในสายตามีความรู้สึกที่แฝงไว้โดยวารุณีมองไม่ออก

ในใจของวารุณีหดลง เสียใจเล็กน้อย แต่พอคิดถึงคำพูดเมื่อวานพวกนั้นของนวิยา และการตัดสินใจของตัวเอง

เธอก็บีบฝ่ามือไว้ กดความเศร้าภายในใจไว้ มองนัทธี แล้วพูดอย่างเย็นชา“ฉันดีใจมากที่ประธานนัทธีใส่ใจฉัน แต่ไม่ต้องแล้วจริงๆ ต่อไปประธานนัทธีอยู่ไกลๆฉันดีกว่า เอาความห่วงใยที่มีต่อฉัน ไปให้คนที่สมควรจะห่วงใย อย่าทำร้ายหัวใจของเธอ ไม่งั้นจะเสียใจภายหลัง”

“คุณหมายความว่าไง?”ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มอย่างเย็นชา

อะไรคือเอาความห่วงใยที่มีต่อเธอไปให้คนที่สมควรจะห่วงใย?

‘เธอ’คนนั้นเป็นใคร?

วารุณีส่ายหน้า ไม่ตอบความหมายของนัทธี โบกมือเรียกอารัณเข้ามา หันไปพูดกับนิรุตติ์ที่อยู่ข้างๆ“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ ฉันช่วยเสร็จแล้ว ส่วนเธอก็หนีไปให้คุณแล้ว ตอนนี้พวกเราสามารถกลับไปเอารถได้แล้วสินะ”

“แน่นอน!”นิรุตติ์ตอบกลับ แล้วก็ส่งรอยยิ้มที่มีความหมายกับสายตาไปให้นัทธี จากนั้นจึงตามหลังสองแม่ลูกออกไปจากห้องส่วนตัว

มารุตมาตรงหน้านัทธี มองประตูห้องส่วนตัวด้านหลังเขา พูดด้วยสายตากังวลว่า“ประธานนัทธี ท่าทีที่คุณวารุณีมีต่อคุณ ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนไปขนาดนี้ครับ?”

ทั้งที่เมื่อวานยังดีๆ พูดจาหัวเราะกับประธานอยู่เลย

ทำไมวันนี้เปลี่ยนไปหมดเลย เหมือนว่าประธานเป็นบุคคลอันตราย ต้องหลีกเลี่ยง

ขมับของนัทธีปูดขึ้นมา“ไปสืบมา เมื่อวานจนวันนี้เธอไปเจอใครมาบ้าง?”

“ประธานสงสัยว่า มีคนพูดอะไรกับคุณวารุณี?”

นัทธีเงยคางขึ้น ไม่ยอมรับและปฏิเสธ

“ผมเข้าใจแล้ว”มารุตพยักหน้า

นอกโรงแรม นิรุตติ์ก็กำลังถามวารุณีด้วยคำถามเดียวกัน ทำไมเธอต้องจงใจอยู่ห่างจากนัทธี

วารุณียังคงไม่ตอบ

สภาพดื้อดึงของเธอแบบนี้ นิรุตติ์จึงได้แต่ผายมือออก หมดหนทาง เปิดประตูรถ ให้เธอขึ้นรถ

แป๊บเดียว ก็ถึงร้าน4S

นิรุตติ์หยุดรถลง“วันนี้ขอบคุณที่คุณช่วยไว้นะ วันไหนผมเลี้ยงข้าวเอาไหม?”

วารุณีอุ้มอารัณแล้วปิดประตูรถ ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลัวว่าฉันกินอาหารของผู้อำนวยการนิรุตติ์แล้ว จะต้องตกเข้าไปในหลุมที่ผู้อำนวยการนิรุตติ์ขุดไว้อีก”

นิรุตติ์เอนตัวพิงหน้าต่างรถแล้วหัวเราะ“วารุณีคุณนี่น่ารักจริงๆ โอเค งั้นไม่ต้องกินข้าวแล้ว แต่ว่ารอเวลาผ่านไปสักพัก คุณต้องไปที่หนึ่งกับผม”

“ที่ไหน?”วารุณีขมวดคิ้ว