ตอนที่ 149 มองไม่ออกว่าข้าคือแม่ของเจ้า?
วินาทีถัดมา มือของนางก็ยื่นไปดึงหูหนานหนาน ลากเขาให้เข้าไปด้านในห้อง
“โอ๊ย…เจ้าทำอะไรเนี่ย เจ้ามันวิปริต ไอ้บ้า เจ้ากล้าบิดหูข้า ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าโตมาขนาดนี้ นอกจากท่านแม่ที่เคยบิดหูข้า ยังไม่เคยมีใครกล้าทำกับข้าเช่นนี้ เจ้าคอยดูเถอะ ท่านลุงเย่ ท่านยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก ท่านไม่ช่วยข้า กลับไปข้าจะบอกให้ท่านแม่วางยาพิษใส่ท่านให้ตายไปเลย โอ๊ย…”
หนานหนานส่งเสียงตะโกนขณะก้าวเท้าตามอวี้ชิงลั่วเข้าไปด้านใน แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะรักเขา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้ชิงลั่ว เขาก็ยังเลือกที่จะยืนฝั่งเดียวกับอวี้ชิงลั่ว
แต่เย่หลานเฉิงกลับไม่คิดเช่นนี้ ตอนที่เห็นหนานหนานได้รับความไม่เป็นธรรม ภายในใจจึงเกิดความร้อนใจ ทำท่าจะพุ่งตัวเข้าไปดึงอวี้ชิงลั่วให้หลีกทางออกไป
เขาเพิ่งก้าวเท้าได้เพียงสองก้าว ก็ถูกเย่ซิวตู๋ลากกลับมา “ไม่ต้องกังวล หนานหนานไม่เป็นอะไรหรอก เจ้านั่งอยู่ที่นี่ เรามีเรื่องจะคุยด้วย”
“แต่ว่า…” เย่หลานเฉิงเป็นกังวลใจมาก ทว่าในเมื่อท่านลุงห้ารู้จักกับหนานหนาน ก็คงไม่ปล่อยให้คนอื่นทำร้ายเขา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยอมกลับมานั่งที่แต่โดยดี ทว่าสายตากลับมองเข้าไปในห้องเป็นครั้งคราว แต่ก็กลัวจะเสียมารยาทต่อหน้าเย่ซิวตู๋ การแสดงออกทางสีหน้าของเขาจึงค่อนข้างยุ่งเหยิง
เย่ซิวตู๋คิดไม่ถึงเลย ภายในระยะเวลาสั้น ๆ หนานหนานจะกลายเป็นสหายสนิทของเย่หลานเฉิง ทั้งยังมีความสนิทกันมากขนาดนี้ด้วย ดูเหมือนว่าบนตัวของเด็กคนนั้นคงมีเสน่ห์ที่ยากเกินกว่าจะต้านได้ หรืออาจพูดได้ว่าแม้เจอหน้ากันครั้งแรกแต่รู้สึกเหมือนเป็นสหายเก่าที่คุ้นเคย
“ท่าน…ท่านลุงห้า ท่านมีอะไรอยากคุยกับหลานหรือขอรับ?” แม้ว่าเย่ซิวตู๋จะบอกเขาว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย แต่เย่หลานเฉิงเงียบมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นอีกฝ่ายเอ่ยปากพูด ภายในใจจึงเกิดความประหม่า ถึงอย่างไรคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ก็เป็นท่านลุงห้าที่เสด็จปู่ให้ความสำคัญมากที่สุด และเป็นท่านซิวอ๋องที่เขาเคยเลื่อมใสศรัทธามากด้วย
เย่ซิวตู๋จิบน้ำชาหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุเกี่ยวกับการที่หนานหนานมาปรากฏตัวที่นี่ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันมานี้
เย่หลานเฉิงรู้สึกประหลาดใจมาก ท่านลุงห้าดูเหมือนจะเป็นห่วงหนานหนานเป็นพิเศษ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่คืออะไรกันแน่?
ทว่า แม้ภายในใจจะเกิดความสงสัย แต่เขาก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่หนานหนานปรากฏตัวขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้ ทั้งยังเล่าเรื่องที่เสด็จปู่เสด็จมาที่นี่ด้วย ตอนนี้เกรงว่าทั่วทั้งวังคงรู้กันหมดแล้ว ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังท่านลุงห้าแล้ว
เย่ซิวตู๋ยิ่งได้ฟัง คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน “ความหมายของเจ้าก็คือ เหมียวกงกงเคยเห็นหนานหนานแล้ว?”
“…ขอรับ” เหตุใดท่านลุงห้าถึงได้ถามถึงเหมียวกงกง
เย่ซิวตู๋แอบสาปส่งอย่างเงียบ ๆ เมื่อวานเขาไม่ควรพูดกับฮ่องเต้เกี่ยวกับเรื่องของเย่หลานเฉิงเลย มิเช่นนั้นฮ่องเต้คงไม่พาเหมียวกงกงมาถึงที่นี่ เย่ซิวตู๋คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กที่เขาตามหามาสองวันนี้ จะอยู่กับเย่หลานเฉิง ทั้งยังถูกฮ่องเต้พบหน้าแบบซึ่ง ๆ หน้า
ไม่แปลกใจเลยที่ตอนที่เขาไปคารวะฮ่องเต้ที่ห้องตำราหลวงเมื่อเช้า สายตาที่ฮ่องเต้ทอดมองจะดูแปลกประหลาดเช่นนี้ สีหน้าที่ดูมีความหมายลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกเขาว่า พระองค์ได้เจอกับหนานหนานแล้ว และทราบถึงสถานะของเด็กคนนั้นแล้วด้วย
ตอนที่เหมียวกงกงเดินทางไปถึงจวนของเขาก็เคยเห็นหนานหนานมาก่อน จากความจริงใจที่เขามีต่อฮ่องเต้ ไม่มีทางที่จะไม่รายงานเรื่องนี้กับพระองค์
“ท่าน…ท่านลุงห้า? มีอะไรไม่ถูกไม่ควรหรือไม่ขอรับ?” เย่หลานเฉิงเห็นอีกฝ่ายเงียบขรึม ทั้งยังมีใบหน้าอึมครึมจนมุมปากเหยียดตึง จึงเกิดความกระสับกระส่ายขึ้นในใจ
เย่ซิวตู๋ใช้นิ้วมือลูบไปตามขอบแก้วเบา ๆ หัวคิ้วกระตุกแต่ไม่ชัดเจน ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงของขันทีเคาะประตูเพื่อยกอาหารเข้ามาวางจากด้านนอก เขาจึงกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่เป็นไร กินอาหารเถอะ”
เย่หลานเฉิงส่งเสียง ‘อ๋อ’ หนึ่งเสียง ก่อนจะให้คนนำอาหารยกเข้ามาด้านใน
เมื่อเห็นอาหารชาววังที่ถูกจัดวางไว้จนเต็มโต๊ะ มุมปากของเย่ซิวตู๋พลันกระตุกวูบ นี่คงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้กำชับไว้เป็นแน่ ทั้งยัง…ตั้งใจนำมาให้หนานหนานผู้กินได้แบบไม่สิ้นสุดราวกับหลุมที่ถมไม่เต็ม
ขันทีนำอาหารมาวางแล้วก็ถอยออกไป เย่หลานเฉิงแอบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกระซิบขึ้นว่า “ท่านลุงห้า ให้หนานหนานออกมากินอะไรก่อนเถอะขอรับ ความวุ่นวายเมื่อครู่ คงทำให้เขาหิวแล้ว”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเป็นกังวลว่าหนานหนานจะถูกอวี้ชิงลั่วข่มขู่สินะ
อันที่จริง ต่อให้เขาถูกนางข่มขู่จริง ๆ พวกเขาก็คงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นแม่ของหนานหนาน
เพียงแต่ เย่ซิวตู๋พอจะมองออก แรงที่อวี้ชิงลั่วดึงหูของหนานหนานไม่ได้มากมายอะไร มิเช่นนั้นหนานหนานคงหยิบเข็มออกมาจิ้มนางนานแล้ว
หากเดินตามนางไป หูของหนานหนานก็จะไม่เจ็บ
ถ้าจะเจ็บ ก็คงมีแค่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีเล็ก ๆ นั่น
ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของหนานหนานคงเจ็บหนักมาก ระหว่างทางเขายังคงพูดจาข่มขู่ไม่หยุด จนกระทั่งเข้ามาด้านในห้องที่อยู่ด้านในสุด ตอนที่อวี้ชิงลั่วปล่อยมือ เขาก็ยังโกรธเคืองสุด ๆ “คอยดูเถอะ เจ้าคอยดูเถอะ ท่านแม่ของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ นางต้องฆ่าเจ้าแน่”
อวี้ชิงลั่วปล่อยมือแล้ว คิ้วของนางเลิกขึ้นขณะเหลือบมองหนานหนานจากมุมสูง แย้มยิ้มเบา ๆ “ท่านแม่ของเจ้าเก่งกาจมากเลยนะ เจ้าถึงได้มีความมั่นใจต่อนางอย่างเปี่ยมล้น แค่มีนางเจ้าก็กลายเป็นอมตะใต้หล้าแล้วหรือ?”
หนานหนานถูใบหูที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บ ระหว่างนั้นก็กุมหน้าอกที่ได้รับบาดเจ็บ แค่นออกมาสองเสียง “ก็ใช่น่ะสิ ไม่มีใครเทียบท่านแม่ของข้าได้หรอก แม้ว่านางจะทำตัวไม่น่าเชื่อถือ ขี้เกียจ น่ารำคาญ หน้าตาไม่ค่อยดี ปากร้าย เป็นคนอันตรายทั้งยังไม่ยอมรับความผิดไปสักหน่อย โอ๊ะ จริงด้วย นางยังชอบขโมยเงินของข้าด้วย บอกว่าจะเก็บเงินไว้สู่ขอภรรยาให้ข้า แต่ข้าว่านางคงอยากเก็บไว้เลี้ยงหนุ่มน้อยหน้าขาวมากกว่ากระมัง”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกอย่างหนัก แววตามืดมนลง ประเสริฐมาก พูดต่อไปสิ แน่จริงก็พูดต่อไป
หนานหนานพูดจนเริ่มเหนื่อยแล้ว จึงหยุดลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยท่าทางมั่นคง “แต่ว่า…ถึงอย่างไรท่านแม่ก็เลี้ยงดูข้ามา โบราณกล่าวว่า คนเป็นลูกอย่ารังเกียจแม่ที่อัปลักษณ์ ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้คำชี้แนะที่ชาญฉลาดของข้า ทำให้ศักยภาพของนางได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่ ถึงขั้นฆ่าคนแบบไม่เห็นเลือดได้เลย หากเจ้ายังกล้ายั่วโมโหข้า ระวังสักวันเจ้าจะนอนหลับตลอดกาลโดยไม่รู้ตัว”
“เหอะ เหอะ ๆ เจ้าฉลาดมากจริง ๆ” อวี้ชิงลั่วย่อตัวลง เผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ดวงตาที่แย้มยิ้มหายไปแล้ว
หนานหนานยังคงภาคภูมิใจ เชิดคางขึ้นเล็กน้อยและออกแรงพยักหน้า “ก็แหงสิ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ ไม่ต้องให้คนอื่นบอกหรอก หากเจ้ารู้ความก็รีบขอโทษข้าซะ ชดเชยค่าทำขวัญให้ข้าหนึ่งพันตำลึงก็พอแล้ว แต่ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นแค่เด็กรับใช้ คาดว่าคงนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นออกมาไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าจ่ายให้ข้าเดือนละหนึ่งร้อยตำลึงก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วง ระยะเวลาหนึ่งปีก็ซื้อชีวิตของเจ้ากลับมาได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วถึงกับขำด้วยความโกรธเพราะคำพูดของอีกฝ่าย นางยกมือทั้งสองข้างขึ้น หยิกเข้าที่แก้มพอง ๆ ของหนานหนาน ถามด้วยท่าทางกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง “ในเมื่อเจ้าฉลาดขนาดนี้ ข้าคุยกับเจ้ามาตั้งนานแล้ว หรือว่าเจ้ามองไม่ออกว่าข้าคือแม่ของเจ้า?”
“……”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เกมแล้วหนานหนานเอ๊ย พูดจาว่าร้ายท่านแม่ต่อหน้าท่านแม่ตรงๆ เลย
ไหหม่า(海馬)