ตอนที่ 150 ท่านต้องภาคภูมิใจในตัวลูกชายของท่านนะ

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 150 ท่านต้องภาคภูมิใจในตัวลูกชายของท่านนะ

ใบหน้ารูปไข่ของหนานหนานถูกดึงจนยืดกลายเป็นแผ่นแป้ง ครั้งนี้เขารู้สึกเจ็บขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

ทว่าเขากลับไม่สามารถโต้ตอบได้ ในสมองเริ่มย้อนนึกถึงคำพูดของเด็กรับใช้คนนี้ที่พูดไว้อย่างไม่หยุด ‘มองไม่ออกว่าข้าเป็นแม่ของเจ้า? มองไม่ออกว่าข้าเป็นแม่ของเจ้า? มองไม่ออกว่าข้าเป็นแม่ของเจ้า…’

หนานหนานถึงกับอยากร้องไห้ ทั้ง ๆ ที่คนคนนี้คือผู้ชาย เขาจะเป็นแม่ของตนเองได้อย่างไรกัน? ไม่มีทาง ๆ เขากำลังฝัน หลับตาแล้วลืมตาตื่นอีกครั้งก็ไม่เป็นอะไรแล้ว

“อวี้ฉิงหนาน เจ้าฟังเสียงของข้ามาห้าปีแล้ว อะไรกัน นี่เจ้าจำไม่ได้เชียวหรือ?”

หนานหนานเบิกตากว้าง เมื่อครู่…เขาหลับตา…แต่ก็…ฟังออกแล้ว…จริง ๆ…

“เจ้า…เจ้าเป็นแม่ของข้าจริง ๆ หรือ?” หนานหนานไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าท่านแม่จะลงมือฆ่าตนเอง ต่อให้หน้าใหญ่เป็นแผ่นแป้งก็ปล่อยให้ใหญ่ไปเถอะ ก็แค่เปลืองแรงพูดไปสักหน่อย

อวี้ชิงลั่วยิ้มตาหยี “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า? บอกว่าเจ้าเลื่อมใสแม่ของเจ้ามากมิใช่หรือ? ข้าแต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นคนละคน เจ้ากลับจำข้าไม่ได้เสียแล้ว?”

“ท่านแม่ ฮือ ๆ ท่านแม่ แค่ก ๆ ท่านแม่ ฮึก…”

“ห้ามร้องไห้” เสียงเอ็ดดังขึ้น นางไม่ใช่เย่ซิวตู๋ที่จะถูกหลอกเพราะเรื่องแบบนี้

หนานหนานเก็บน้ำตาที่เค้นออกมาอย่างยากลำบากกลับมา พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ท่านแม่ ข้าอยากให้ท่านมาหามากเลย เมื่อคืนข้าฝันถึงท่านแม่ด้วย จริง ๆ นะ ข้าฝันว่าท่านแม่ถูกคนตามฆ่า จากนั้นหนานหนานก็ไปช่วยท่านแม่กลับมาโดยไม่ห่วงชีวิต หนานหนานยอดเยี่ยมมากเลยใช่หรือไม่? เมื่อครู่ไม่ใช่เพราะจำท่านแม่ไม่ได้ ที่สำคัญเป็นเพราะทักษะฝีมือของท่านแม่ยอดเยี่ยมเกินไป แต่งกายจนลูกชายแท้ ๆ ก็ยังจำไม่ได้ ท่านแม่มีความสามารถจริง ๆ ที่แท้ก็ยังมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ด้วย”

“การแต่งกายนี้ เป็นฝีมือของหลินมา”

ซวยแล้ว ประจบประแจงผิดทางเสียแล้ว

“นั่นก็เป็นเพราะท่านแม่เกิดมาสวยก็คงจะซ่อนความสวยไว้ไม่ได้ จึงทำให้หลินมาได้แสดงความสามารถออกมา ถูกต้องหรือไม่?”

เหตุใดมือของท่านแม่ยังไม่ดึงมือกลับไป? หน้าของเขาแทบจะเปลี่ยนรูปแล้ว ท่านแม่ไม่เมื่อยแขนหรืออย่างไรกัน?

“จุ๊ ๆ เมื่อครู่ใครกันนะที่บอกว่าแม่หน้าตาไม่ดี?”

“ใคร? ใครพูด? มีตาหามีแววไม่” หนานหนานรีบแสดงท่าทางโกรธเคืองต่อเรื่องไม่เป็นธรรม “คนคนนั้นตาบอดหรืออย่างไร? คิดไม่ถึงเลยว่าจะพูดแบบไม่ลืมหูลืมตา ท่านแม่ของข้างดงามราวบุษบา เป็นหญิงงามที่หาได้ยากยิ่ง ณ ใต้หล้านี้ ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้ ดูจากข้าก็รู้แล้ว ภายนอกของข้าได้รับความงามที่ถ่ายทอดมาจากท่านแม่อย่างสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าต้องมีคนมากเพียงใดที่อิจฉาริษยา ท่านแม่ เมื่อครู่ไม่มีใครพูดอะไรหรอก อืม คาดว่าท่านแม่คงไม่เจอหน้าหนานหนานนานเกินไป จึงคิดถึงหนานหนานมากเกินไป ทำให้เกิดอาการหูแว่ว คิดว่าหนานหนานเป็นคนพูด ถูกต้องหรือไม่?”

อวี้ชิงลั่วอยากกลอกตามองบนเสียเหลือเกิน นี่สินะที่เรียกว่าเจอมนุษย์พูดภาษามนุษย์ เจอผีพูดภาษาผี…เกินเยียวยาแล้ว

อวี้ชิงลั่วไม่อยากรู้จักเขาเลยจริง ๆ น่าขายขี้หน้าเกินไปแล้ว

หนานหนานพยายามพูดแต่สิ่งดี ๆ ท่านแม่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ดวงตาจึงกลอกไปสองรอบ นึกความคิดดี ๆ ขึ้นได้ “ท่านแม่ ข้ามีของขวัญจะมอบให้ด้วย”

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว นางมองดวงตาของหนานหนานที่กำลังกลอกไปมา ก็ทราบได้ว่าเขาคงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นอีกแล้ว

หนานหนานยื่นมือเข้าไปด้านในเสื้อ ควานหาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบหยกขนาดเล็กที่มีคุณภาพสูงชิ้นหนึ่งออกมา ยื่นให้อวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ ข้าให้ท่าน”

ในที่สุดอวี้ชิงลั่วจึงยอมปล่อยมือ รับหยกแขวนเหรินอวี๋มาจากหนานหนาน ลุกขึ้นมาและนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ

หนานหนานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลูบแก้มเล็ก ๆ ของตนเอง ภายในใจก็ยังแอบชื่นชมตนเอง เยี่ยมมาก ในที่สุดเขาก็จัดการกับหยกแขวนที่ขายไม่ได้และทำหายไม่ได้ออกไปแล้ว และในที่สุดเขาก็รอดพ้นจากปีศาจอย่างท่านแม่ได้เสียที

“หยกแขวนชิ้นนี้ เจ้าได้มาจากที่ใด?” แม้อวี้ชิงลั่วจะไม่ได้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหยก แต่เป็นเพราะหยกแขวนครึ่งหนึ่งของเย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้างกายมาหกปีทำให้นางพอจะเข้าใจได้ และนางก็ทราบดีว่าระดับความประณีตของหยกแขวนชิ้นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหยกแขวนของเย่ซิวตู๋เลย

หรืออาจจะพูดได้ว่า หยกแขวนเหรินอวี๋ยิ่งเล็ก ฝีมือยิ่งต้องสูงขึ้นด้วย

หนานหนานก้าวเท้าเล็ก ๆ มายืนข้าง ๆ นางอย่างเชื่อฟัง ซบลงบนตักของนาง เงยหน้าเล็ก ๆ ตอบคำถามอย่างว่าง่าย “ไทเฮาให้ข้ามา”

มือของอวี้ชิงลั่วชะงักไปเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้น “สองวันมานี้…เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากเลยสินะ”

“เฮ้อ ไม่มีท่านแม่อยู่ข้าง ๆ มันก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นหรอก” แน่นอนว่า มีท่านแม่อยู่ข้างกาย ก็ถือเป็นเรื่องที่หนักมากเช่นกัน

“งั้นหรือ?” อวี้ชิงลั่วพลิกมือเก็บหยกแขวน ของที่ไทเฮามอบให้มิอาจฝากไว้บนตัวของหนานหนานได้จริง ๆ มิเช่นนั้นคงได้ถูกเขานำไปแลกเป็นเงิน “ในเมื่ออยากอยู่ข้างกายแม่ขนาดนั้น เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม อีกเดี๋ยวออกจากวังไปพร้อมกับแม่เลย”

หนานหนานชะงัก ออกแรงส่ายหน้า “ไม่ได้”

“หืม?”

“ท่านแม่ เมื่อครู่ท่านเองก็เห็นแล้ว เสี่ยวเฉิงเฉิงอยู่ที่นี่เพียงลำพัง อาจถูกคนอื่นรังแกจนตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาได้ ข้าในฐานะสหายของเขา ข้ายอมสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือสหายของข้า มิอาจปล่อยให้เขาต้องถูกคนอื่นทำร้ายอยู่ที่นี่เพียงลำพังได้ ข้าต้องปกป้องเขา”

อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ “จงพูดสาเหตุที่แท้จริงออกมา”

“ท่านแม่ ข้าพูดจริง ๆ นะ จริง ๆ นะ ท่านต้องเชื่อข้านะ ลูกชายของท่านโตเป็นบุรุษผู้มีความเป็นชายแล้ว ท่านไม่รู้สึกถึงความเปล่งประกายทั่วทุกหนแห่งอยู่บนตัวลูกชายของท่านเลยหรือ? ท่านต้องภาคภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้นะ อันที่จริง…ท่านแม่ เจ็บ”

แย่เกินไปแล้ว แย่เกินไปแล้ว หยิกแก้มเขาอีกแล้ว หยิกจนหน้าตาอัปลักษณ์หมดแล้ว ท่านแม่ต้องเลี้ยงดูเขาตลอดชีวิตด้วยนะ

“หากยังพูดจาไร้สาระอีก วันนี้ก็ไม่ต้องกินข้าวเที่ยง”

หนานหนานบุ้ยปากหัวเราะอย่างขมขื่น รู้สึกหดหู่ใจมากเกี่ยวกับความรักที่เข้าใจได้ยากของมารดา ภายในใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงก้มหน้าพูดอย่างสิ้นหวัง “ข้ารับปากกับฮ่องเต้ว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันสี่อาณาจักร”

การแข่งขันสี่อาณาจักร?

อวี้ชิงลั่วปล่อยมือทันใด นางรู้จักสิ่งนี้ การแข่งขันที่จะจัดขึ้นทุกทุกสามปี แต่ละครั้งจะหมุนเวียนเพื่อจัดงานระหว่างสี่อาณาจักร

ปีนี้หมุนมาถึงอาณาจักรเฟิงชางพอดี หลายวันมานี้มีคนจากสามอาณาจักรเข้ามาในเมืองหลวงอย่างต่อเนื่อง ผู้คุ้มกันของเมืองหลวงก็คุ้มกันอย่างเข้มงวดขึ้นเช่นกัน เวทีที่ใช้ในการแข่งขันก็ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ส่วนรายชื่อของผู้เข้าแข่งขันก็อยู่ในพระหัตถ์ของฮ่องเต้ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ยังคงเป็นความลับ และจะประกาศสู่สาธารณะห้าวันก่อนการแข่งขัน

การแข่งขันระดับอาณาจักรเช่นนี้ การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันย่อมต้องมีความรอบคอบอย่างมาก

หนานหนาน…

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองบุตรชายของตนเอง “ขอถามหน่อยเถิด…เจ้าจะเข้าร่วมการแข่งขันอะไรหรือ?”

หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยท่าทางมึนงง “มีการแข่งขันเยอะเลยหรือ?”

คิดไว้อยู่แล้วเชียว อวี้ชิงลั่วหลับตาลงอย่างช้า ๆ ถึงกับหมดคำพูดกับหนานหนานอยู่ในใจ ท่าทางไม่รู้อะไรของหนานหนานเช่นนี้ ฮ่องเต้กลับยังไว้วางพระทัยให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันระดับอาณาจักรเช่นนี้อีก?

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ครุ่นคิดว่าควรจะปรึกษากับเย่ซิวตู๋สักหน่อยดีหรือไม่ บอกให้เขาช่วยไปคุยกับฮ่องเต้ให้ตัดสิทธิ์ของหนานหนาน

เพียงแต่ ตอนที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หนานหนานกลับทำจมูกฟุดฟิดอยู่ข้าง ๆ ดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ อาหารของข้ามาถึงแล้ว ข้าไปกินข้าวก่อนนะ”

พูดจบ เขาก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ระดับความเร็วของเขาทำให้อวี้ชิงลั่วมิอาจรั้งเขาไว้ได้

นางถึงกับกุมขมับอย่างเงียบ ๆ ทำได้แค่เพียงเดินตามออกไป

และถึงกับชะงักในเวลาต่อมา “เย่…ท่านอ๋องซิวเล่า?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ปวดหัวแทนชิงลั่วจริง ๆ ค่ะเวลาคิดว่าลูกชายไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ในวังบ้าง

ไหหม่า(海馬)