ตอนที่ 151 อย่าเรียกฮูหยิน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 151 อย่าเรียกฮูหยิน

ภายในห้องอาหารขนาดใหญ่ มีเพียงเย่หลานเฉิงที่กำลังนั่งกินอาหารด้วยท่าทางสง่างาม และหนานหนานที่พุ่งตัวเข้าใส่โต๊ะอาหาร และเริ่มกินอาหารอย่างมูมมาม

เมื่อได้ยินเสียงของนาง เย่หลานเฉิงจึงวางตะเกียบลง เช็ดปากและตอบกลับอย่างมีสง่าราศีว่า “ท่านลุงห้าบอกว่าจะไปคารวะไทเฮา”

อันที่จริงเขาเองก็อยากไปเช่นกัน แต่คำสั่งกักบริเวณที่ไทเฮามีต่อเขายังคงอยู่ เขาจึงมิอาจไปที่ตำหนักเสียงเหอตามใจชอบได้

ไปหาไทเฮา? อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ก็จริง ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว คงเพิกเฉยต่อไทเฮาและไม่ไปคารวะเพื่อทักทายก็คงไม่ได้

ถึงอย่างไรจากสิ่งที่เย่ซิวตู๋พูด เหตุผลหลักที่เขาปรากฏตัวขึ้นภายในเรือนของเย่หลานเฉิงก็เป็นเพราะต้องการไปคารวะไทเฮา แต่ระหว่างทางกลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายภายในเรือนของเย่หลานเฉิง และพบว่าซื่อจื่อเหล่านี้กำลังทะเลาะกัน จึงเข้ามาเพื่อแก้ปัญหา

ด้วยเหตุนี้ เขาก็มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลในการปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้ว

“ท่านแม่ ๆ รีบมากินข้าวสิ หนานหนานเหลือของอร่อยไว้ให้ด้วยนะ” หนานหนานยัดอาหารเข้าไปในปากหนึ่งคำ ระหว่างที่กำลังกินส่งเสียง ‘อ้ำ ๆ’ แก้มของเขาก็ป่องขึ้นจนทำให้น้ำเสียงฟังดูอู้อี้ขณะโบกมือเรียกอวี้ชิงลั่ว

ทว่าด้วยเหตุนี้ เย่หลานเฉิงก็ยังจับประเด็นในเสียงที่คลุมเครือของหนานหนานที่พูดว่า…ท่านแม่ได้อยู่ดี

เขามองเด็กรับใช้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผู้ที่มีการแต่งกายและท่าทางย้อนแย้งกันด้วยความประหลาดใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มิอาจเชื่อมโยงหนานหนานและแม่ของหนานหนานเข้าด้วยกันได้

“ท่าน…ท่านคือแม่…แม่ของหนานหนานหรือ?”

อวี้ชิงลั่วก้าวเท้ามาด้านหน้าสองก้าว นั่งลงที่ตำแหน่งตรงกันข้ามกับเขาอย่างเปิดเผย มองหนานหนานที่กำลังกินอาหารจนปากมันเยิ้มด้วยสายตารังเกียจ ตบมือของหนานหนานที่ยังยื่นออกมาด้านหน้าเพราะยังไม่สาแก่ใจ พร้อมกับกล่าวตำหนิเสียงเบา “กินช้าหน่อย แม่สอนเจ้าว่าอย่างไร กินข้าวก็ช่วยทำตัวให้เหมือนกับคนกำลังกินข้าวหน่อย ไม่อายคนอื่นบ้างหรือ?”

หลังจากตำหนิหนานหนานเสร็จ เมื่อเห็นหนานหนานดึงมือกลับไปอย่างเชื่อฟัง จึงหันหน้ากลับมาและพบกับสายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยของเย่หลานเฉิง นางจึงกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ใช่ ข้าคือแม่ของหนานหนาน หลังจากรู้ว่าหนานหนานเข้าวัง ข้าก็เป็นกังวลว่าเขาจะไม่ปลอดภัยหากอยู่ที่นี่ จึงอยากเจอหน้าเขา ข้ารู้จักกับท่านอ๋องซิวพอดี จึงแต่งกายเป็นเด็กรับใช้และให้เขาพาเข้ามาในวังแห่งนี้”

เย่หลานเฉิงเข้าใจได้อย่างแจ่มชัด ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ทว่าสตรีผู้นี้แต่งกายดูคล้ายกับบุรุษมากจริง ๆ โครงสร้างและรูปร่างนั้นเหมือนกับบุรุษอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่แปลกใจที่แม้ว่าจะเดินอยู่ในวังแต่ก็ไม่มีใครสังเกต

“เช่นนั้น…เช่นนั้นที่ท่านเข้ามาในวังวันนี้ ก็เพื่อพาตัวหนานหนานกลับไปหรือ?” พูดตามตรง เขารู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันแค่สองวัน แต่หนานหนานก็กลายเป็นสหายที่ดีสุดเพียงคนเดียวของเขา

ภายในวังแห่งนี้ไม่ต้องพูดถึงสหาย แม้ในหมู่พี่น้องก็ยังมีความกินแหนงแคลงใจและป้องกันตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ คนที่สามารถเล่นด้วยกันอย่างบริสุทธิ์ใจเช่นนี้ ทั้งชีวิตนี้คาดว่าคงไม่มี

อวี้ชิงลั่วมองออกว่าเขาผิดหวังมาก ทว่าหนานหนานเป็นคนชอบสร้างปัญหาและอยู่ไม่สุข หากยอมอยู่ในเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้อย่างว่านอนสอนง่ายไม่ออกไปไหน คนอื่นเข้ามาก็รู้จักหลบซ่อนตัว นางก็คงไม่ใส่ใจ หากจะให้หนานหนานใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักสิบวันหรือครึ่งเดือน

ทว่าเจ้าเด็กบ้านี่อยู่ที่นี่แค่สองวัน ก็ได้เจอกับฮ่องเต้ ไทเฮารวมถึงซื่อจื่อเหล่านั้นแล้ว หากเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป เกรงว่าคงได้ตีสนิทกับทุกคนภายในวัง และทุกคนก็คงจะรู้จักเขา

“ท่านแม่ ตอนนี้ข้าเป็นสหายของเสี่ยวเฉิงเฉิงแล้ว หากจู่ ๆ กลับไป ฮ่องเต้และไทเฮาคงรู้สึกประหลาดใจเป็นแน่” หนานหนานตอบกลับอย่างไร้เดียงสา ทว่าเขาสามารถพูดเข้าประเด็นได้ภายในครั้งเดียว

อวี้ชิงลั่วถึงกับมุมปากกระตุกวูบ รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

พูดตามตรงคือหนานหนานจะอยู่ในวังหรืออยู่ที่ตำหนักอ๋องก็ไม่ต่างกัน ตำหนักอ๋องของเย่ซิวตู๋เป็นเป้าหมายที่เหล่าเครือญาติในราชวงศ์เพ่งเล็งมาโดยตลอด คาดว่าคงมีคนเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของตำหนักอ๋องทุกวัน ขณะที่หนานหนานอยู่ในตำหนักอ๋อง คนเหล่านั้นอาจเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างหนานหนานและเย่ซิวตู๋แล้ว

แต่ถ้าอยู่ในวัง…การได้กลายเป็นสหายของเย่หลานเฉิงก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

ส่วนจะสร้างปัญหาหรือไม่? เจ้าเด็กคนนี้เคยหนีจากมือของคนทรยศที่ชั่วร้ายออกมาได้ ไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะป้องกันตนเองหลังจากเกิดปัญหา

เย่ซิวตู๋ก็พูดเช่นกัน อยู่ที่นี่อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีผู้พิทักษ์ทมิฬสองคนที่คอยคุ้มกันเย่หลานเฉิงอยู่

“ช่างเถอะ เจ้ารู้จักความพอดีก็พอแล้ว อย่าทำให้แม่ต้องตามเช็ดตามล้างให้เจ้าก็แล้วกัน”

“ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านแม่คุยง่ายที่สุด” หนานหนานพูดอย่างมีความสุข ออกแรงยัดแตงโมชิ้นเล็กเข้าปาก เคี้ยวง่ำ ๆ จนปากเต็มไปด้วยน้ำผลไม้สีแดงสด

เย่หลานเฉิงมีความสุข มองหนานหนานปราดหนึ่งด้วยความชอบใจ ในที่สุดก็สบายใจสักที เขาเอ่ยปากให้คำมั่นสัญญา “ฮูหยินอย่าได้เป็นกังวล ข้าจะปกป้องหนานหนานให้ดี”

ฮูหยิน?

อวี้ชิงลั่วแอบถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นสหายของหนานหนาน เช่นนั้นก็เรียกข้าว่า…ป้าชิงก็แล้วกัน อย่าเรียกข้าว่าฮูหยินเลย” เมื่อได้ยินสองพยางค์นี้ นางก็เกิดอาการร่างสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่

หนานหนานยิ้มตาหยี ลูบท้องป่อง ๆ ที่ยื่นออกมา ในที่สุดเขาก็รู้สึกอิ่มท้อง จึงส่งเสียงเรอออกมาแรง ๆ จู่ ๆ ก็คล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ รีบพูดว่า “ท่านแม่ เสี่ยวเฉิงเฉิงได้รับพิษด้วย ท่านช่วยดูให้เสี่ยวเฉิงเฉิงหน่อยสิ”

“ได้รับพิษ?” อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ ก่อนจะเริ่มเข้าใจได้ ในวังแห่งนี้สินะ…นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยื่นมือออกมาให้ข้าดูหน่อย”

เย่หลานเฉิงได้ยินเช่นนี้จึงวางแขนลงบนโต๊ะ อวี้ชิงลั่วจับชีพจรอย่างละเอียด และมองสีลิ้นของเขาอีกครั้ง ก่อนเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง

หนานหนานกระโดดลงมาจากเก้าอี้ด้วยความกังวลใจ วิ่งหอบหนังท้องป่อง ๆ มายืนข้างอวี้ชิงลั่ว เอ่ยถามด้วยความประหม่าว่า “เป็นเช่นไรบ้าง ๆ เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเฉิงเฉิงหรือไม่?”

เย่หลานเฉิงถึงกับกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่ ภายในใจเกิดความไม่สบายใจขึ้นเล็ก ๆ

อวี้ชิงลั่วดึงมือกลับมา เงยหน้าถามเขาว่า “เรื่องที่เจ้าได้รับพิษ ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่?”

“รู้แล้ว ๆ ข้าเป็นคนบอกเอง อีกอย่างฮ่องเต้ยังสั่งให้คนนำหมั่นโถวที่มีพิษออกไปตรวจสอบด้วย” หนานหนานยกมือขึ้น รีบพูดแทรกเพราะทนรอไม่ไหว

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า สีหน้าดูจริงจังเล็กน้อย “ข้าคิดว่า ในเมื่อฝ่าบาททราบสถานการณ์ของเจ้าแล้ว รอให้ตรวจสอบได้ว่าในหมั่นโถวมีพิษจริง ๆ พระองค์ก็น่าจะส่งหมอหลวงมาตรวจอาการให้เจ้า งั้นทำเช่นนี้ก็แล้วกัน เจ้าอย่าได้กินยาที่หมอหลวงจ่ายให้ หลังจากคนต้มยาให้เจ้าแล้วค่อยแอบเอาไปเททิ้ง ในเมื่อเจ้าถูกวางยาในวัง คงเป็นเรื่องยากที่จะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครแอบวางยาพิษลงไปในยาของเจ้า หลังจากข้ากลับไปจะช่วยปรุงยาถอนพิษให้ พิษนี้ได้รับมาระยะหนึ่งแล้ว คงต้องค่อย ๆ ถอนพิษอย่างช้า ๆ อีกสองวันให้หลัง ข้าจะให้ท่านอ๋องซิวนำยาถอนพิษมาให้ เจ้าก็กินยาตามที่ข้าบอก ไม่เกินหนึ่งเดือนพิษนี้ก็จะถูกกำจัดออกไปจนหมด”

เย่หลานเฉิงแสดงความดีใจออกมาให้เห็น เมื่อรู้ว่าพิษบนร่างกายของตนเองสามารถถอนได้ รอยยิ้มยิ่งเบิกบานมากขึ้น “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านป้าชิง”

หนานหนานเดินเข้ามา ตบบ่าเย่หลานเฉิงด้วยท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ข้าบอกเจ้าแล้ว ท่านแม่ของข้าสุดยอดเลยใช่หรือไม่ นางต้องถอนพิษให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”

เย่หลานเฉิงดวงตาเป็นประกาย มองหนานหนานด้วยความดีใจที่มิอาจพูดออกมาได้ มีสหายที่ดีแบบนี้ ดีจริง ๆ

เสียง “แกรก” ดังขึ้น ฝั่งนี้เพิ่งจะพูดคุยกันจบ เย่ซิวตู๋ก็เปิดประตูเดินเข้ามา ทั้งยังเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่อวี้ชิงลั่วกลับมองออกว่าสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก เหมือนจะแฝงแววเย้ยหยันจาง ๆ ด้วย

………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ้นทุกข์พ้นโศกแล้วนะน้องเฉิง โชคดีแท้ๆ ที่เจอหนานหนาน

ว่าแต่ท่านอ๋องซิวไปเจอเรื่องอะไรมา

ไหหม่า(海馬)