ตอนที่ 144 – พายุกําลังก่อตัว

*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

“สุละ, เจ้าโง่นี่, ทําแบบนี้ได้ยังไงกันนะ?”

“เรื่องจริงหรือเท็จกันแน่เนี่ย?”

“มันจะเท็จได้ยังไงกัน! พ่อตาของข้าตายที่เหมืองนั่น คนที่เหลือรอดกลับมาก็มีบาดแผลจากดาบทั่วตัวทั้งนั้น ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาเจอเหตุการณ์เสี่ยงตายมาเพื่อจะกลับมาที่นี่!”

“พระเจ้า, ช่างโหดร้ายจริงๆ นี่มันบ้าไปแล้ว!”

“ใช่, งานจะเลี้ยงตัวเองเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆโชคดีที่เจ้าของเหมืองนั้นใจดีมอบงานให้เราทําแต่เจ้าพวกชนชั้นสูงนั่นกลับพยายามไปขโมยเหมืองของหัวหน้าฟิลิป..พวกเขาพยายามทําร้าย และฆ่าชาวเมืองอย่างเราโดยไม่มีเหตุผล…”

“เราไม่มีวันปล่อยให้พวกนั้นลอยนวลแน่!”

“ใช่ พวกมันปาเถื่อนมากๆ พวกเราต้องการคําอธิบายจากสุละว่าทําไมเขาถึงพยายามจะแย่งชิงทรัพย์สินด้วยกําลัง, ทําไมพวกเขาต้องฆ่าพวกเราแบบไม่มีเหตุผล?”

“ทางสภาต้องให้คําอธิบายแก่เราว่าทําไมพวกชั้นสูงคร่าชีวิตเราไป…”

….

เที่ยงวันนั้นเย่เทียนตัดสินใจไปเดินรอบๆตลาดโรมันแล้วก็ได้เห็นชาวเมืองที่กําลังโกรธแค้นจากข่าว ไม่ว่าพวกชาวบ้านจะไปมุงกันอยู่ที่ไหน พวกเขาก็คุยกันแต่เรื่องนี้เท่านั้น

“ไดอาน่ากับคนอื่นๆแพร่ข่าวลือได้เก่งจริงๆ พวกชาวเมืองที่รอดมาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเหมืองได้ดีเหมือนกัน!”

เย่เทียนยิ้มเพราะเขาใช้เงินลงทุนไปกับงานนี้เยอะมาก

ท่ามกลางคนพวกนั้น มีคนที่เขาได้จ้างไว้อยู่ พวกเขามีหน้าที่ในความผิดของตระกูลสุละให้มากขึ้นไปอีก เพื่อจะเล่นงานชื่อเสียงของสุละนั่นเอง. พวกเขาพยายามบังคับให้ทางสภาลงโทษสุละและตระกูลของเขาด้วย

แน่นอนว่า ตอนที่เย่เทียนสั่งให้ไดอาน่ากับแองเจล่าไปจ้างคนมาปั่น เขาบอกให้พวกนางจ้างคนให้น้อยที่สุดแล้วเอาเงินก้อนใหญ่ให้บ้านที่ตกเป็นเหยื่อ แล้วก็บอกให้พวกเขาแจกเงินให้ชาวบ้านคนอื่นๆเพื่อทําให้เรื่องใหญ่โตขึ้นไปอีกพักนึง

นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพน้ําลายแสดงพลังที่น่ากลัวออกมา!

คนโกหก3คนสามารถกลายเป็นเสื้อได้ง่ายๆเลย ลมปากของมนุษย์คืออาวุธที่น่ากลัวที่สุด!

พายุกําลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเรื่องนี้ไม่ถูกแก้ไขให้ถูกต้องและทันเวลาล่ะก็ รากฐานของสาธารณะรัฐโรมันจะเสียหายอย่างรุนแรงและอาจะเสี่ยงต่อการพังพินาศได้เลย

ถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไป ก็จะมีคนลุกขึ้นต่อต้านพวกชั้นสูงแน่ๆ

โดยเฉพาะตอนนี้ โรมกําลังทําสงครามกับพันธมิตรอิตาลีอยู่ โรมเสียเปรียบมากพออยู่แล้วถ้าสงครามกลางเมืองระเบิดขึ้นมาพร้อมๆกัน ทั่วทั้งจักวรรดิโรมันจะต้องย่อยยับแน่ๆ

เย่เทียนกังวลหน่อยๆ เขาว่าจะจับตาดูสถานการณ์ไปซักพัก ถ้ามันเลยเถิดไปจริงๆ เขาก็จะออกหน้าอาสาทําให้ชาวบ้านใจเย็นลงเอง

เหล่าชนชั้นสูงในสภานั้นจะได้งานล้นมือแน่ ทั้งต้องส่งคนในบ้านมาบรรเทาความโกรธแค้นของชาวบ้านและควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายเกินไป ในเวลาเดียวกันก็ต้องหารือกันอย่างเร่งด่วนด้วย

พอถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ศพของเหยื่อที่ถูกตระกูลสุละฆ่าตายก็ถูกนํากลับมาโดยชาวเมือง แล้วศพที่น่าสังเวชนั้นก็ถูกนํามาไว้ที่ใจกลางตลาด ทําให้ชาวเมืองยิ่งโกรธแค้นขึ้นไปอีก

“โหดร้าย, โหดร้ายเกินไปแล้ว!”

“ตายแล้ว, พวกเขาตายแล้ว! มีคนตายไปเยอะจริงๆด้วย!”

“มันเป็นการฆาตรกรรม! นี่คือการฆาตรกรรม! ตระกูลสุละกล้าฆ่าพวกเราจริงๆ!”

ที่ตลาดนั้นผู้คนที่กําลังโกรธเกรี้ยวต่างพากันตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“พายุมันเริ่มจะใหญ่ไปรึป่าวนะ?”

เย่เทียนพึมพํากับตัวเองเบาๆ เขาเคยเจอกับความน่ากลัวของไซเบอร์บุลลี่มาแล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายจริงๆของเขาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่กําลังโกรธเกรี้ยว อย่างเดียวที่เขารู้สึกได้ก็คือความน่าหวาดกลัว.

น้ำน่ะถ้ามันทำให้เรือลอยได้ มันก็ทำให้กลับลำได้เหมือนกัน

เย่เทียนรู้ซึ้งถึงพลังของคนพวกนั้นแล้ว

แต่สุละคงจบในไม่ช้านี่แน่!

ต่อให้เขามีปัญญาพอจะช่วยตระกูลไม่ให้สูญสลายได้ แต่ตําแหน่งหน้าที่ทางการเมืองของเขาคงจบสิ้นแน่!

“ไปเถอะ เอาศพพวกนี้ไปที่บ้านของสุละกัน แล้วดูว่าพวกเขาจะจัดการยังไง!!”

“ไปกันเลย ไปโจมตีตระกูลสุละกัน!”

“โจมตีตระกูลสุละ!”

“ฆ่าสละ!”

“สุละต้องตาย!!”

…..

พายุเริ่มโหมกระหน่ําไปทั่วนครแล้ว ศพนั้นดูเลวร้ายมากจนชาวเมืองเริ่มเสียสติ, ใครจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับชาวเมืองคนอื่นก็ได้

ดังนั้นชาวบ้านที่กําลังโกรธแค้นก็พากันขนศพไปที่บ้านของตระกูลสุละ พร้อมตะโกนคําพูดที่โหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ ขู่จะโจมตีสุละบ้าง ทําลายตระกูลสุละบ้าง

“เจ้านายคะ เราควรหยุดเรื่องนี้ไม่ให้เลวร้ายไปกว่าเดิมดีไหมคะ?”

ไดอาน่าที่อยู่ข้างๆเย่เทียนถามเขาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว

เจ้านายของเธอมีสติปัญญาที่น่ากลัวจริงๆ นางเห็นเต็มสองตาแล้วว่าเจ้านายเธอสามารถควบคุมและสร้างความปั่นป่วนเพื่อก่อพายุในใจของคนได้ยังไง

มันช่างน่ากลัวจริงๆ!

ยิ่งคิดยิ่งกลัว, ถ้าเจ้านายเธอเอาจริงล่ะก็ เขาสามารถใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้ทําลายทั่วทั้งสาธารณะรัฐโรมันได้เลย

“ไม่! ยังก่อน. ชาวบ้านพวกนี้แค่เล็งเป้าไปที่ตระกูลสุละเฉยๆ. พวกเขาไม่ได้ก่อภัยอันตรายให้เรา. เว้นซะแต่พวกเขาจะเล็งเป้าไปที่ชนชั้นสูงทุกคนของโรมัน, ยังไงตอนนี้เราก็ยังคุมอยู่”

เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะคิดถึงความน่ากลัวของพายุลูกนี้ เย่เทียนไม่กล้าหลบอยู่ในบ้านหรอก เขาเลือกที่จะออกมาดูทุกอย่างมากกว่าแล้วก็พยายามหาทางควบคุมสถานการณ์ไว้

เขาไม่อยากให้สถานการณ์มันเลวร้ายขึ้นไปจนถึงขั้นเป็นภัยต่อทั่วทั้งโรม.

เพราะถึงตอนนั้นนอกจากสภาจะได้รับผลกระทบแล้ว เขาเองก็เสียประโยชน์เหมือนกัน

เขาไม่ต้องการให้โรมเกิดความยุ่งเหยิง, แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ยังดีอยู่

ต่อกๆๆๆๆๆๆ…

ผู้คนที่กําลังโมโหอยู่นั้นได้ทําให้พวกชั้นสูงเริ่มระแวงขึ้นมาอย่างจริงจัง พวกเขาส่งทหารของตัวเองออกมาแล้วจัดตั้งกองทัพไว้พร้อมอาวุธครบมือ, พวกเขาต้องการจะหยุดยั้งชาวเมืองไว้

“ไอ้พวกสมองกลวง!!”

เย่เทียนเห็นเหตุการณ์แล้วอดด่าไม่ได้ ทําไมมีแต่คนเสียสติกันไปหมด, ทหารพวกนี้กล้าใช้กําลังหยุดพวกชาวเมือง นี่ไม่กลัวชาวเมืองก่อจลาจลจริงๆหรอ?

ทันทีที่ชาวเมืองก่อการจลาจลในโรมล่ะก็ ทั่วทั้งจักรวรรดิโรมันจะต้องเปลี่ยนไปในทันที

“เจ้าอยู่นี่! ข้าจะไปอยู่พวกมัน! แล้วก็ต้องไปทําให้ชาวบ้านประทับใจด้วย!!”

เย่เทียนพูดกับแองเจล่ากับไดอาน่าขณะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว.

ในตอนนั้นเองชาวบ้านที่รวมตัวกันเห็นทหารกําลังเดินเข้ามา, เป็นอย่างที่คิดไว้ พวกเขาเริ่มหยิบหินและกิ่งไม้จากพื้นขึ้นมาแล้วหยุดเดินรอปะทะกับพวกทหาร

สู้มัน!

นี่แหละคือสิ่งที่กลุ่มคนที่กําลังโกรธแค้นเลือกจะทํา