ตอนที่ 221 ไม่ให้เกียรติผู้หญิง
ตอนที่ 221 ไม่ให้เกียรติผู้หญิง
ทันใดนั้นเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ระเบิดอารมณ์พลางขึ้นเสียง “พูดไร้สาระอะไรของนาย? การเดินของฉันมีปัญหาตรงไหน? ผู้หญิงท้องก็ต้องเดินเหินอย่างระมัดระวังเป็นธรรมดา คนอย่างเธอจะไปเข้าใจอะไร?”
หล่อนเริ่มทำตัวดุร้ายกับเฉินเจียวั่ง เฉินเจียซิ่งเห็นแบบนั้นก็หวาดกลัวมาก รีบดึงหล่อนออกไปแล้วพูดว่า “คุณหยุดเลยนะ”
ร่างกายของเจ้าสามเสี่ยงต่อการถูกกระตุ้นมากที่สุด
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยต่อว่าน้องชายเขาจนล้มป่วยอีกครั้ง?
“แม่ฮะ อาสะใภ้รองมีเด็กอยู่ในท้องเหรอ?” หู่จือถามอย่างสงสัย
หลินเซี่ยพยักหน้า
หู่จืออายุเกือบหกขวบแล้ว ความเย่อหยิ่งของเสิ่นเสี่ยวเหมยทำให้เขาอึดอัดมาก เขาจับมือหลินเซี่ย เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วร้องขอ “แม่ฮะ ถ้าอย่างนั้นแม่ท้องได้ไหม ผมได้ยินคุณปู่ทวดบอกว่าผู้หญิงทุกคนอุ้มเด็กไว้ในท้องได้ งั้นแม่ก็ต้องท้องได้น่ะสิ”
“ใช่แล้ว ผู้หญิงทุกคนตั้งท้องลูกได้ หู่จืออายุไม่เท่าไหร่ก็เข้าใจข้อเท็จจริงง่าย ๆ แบบนี้แล้ว ต่างจากบางคนที่คิดว่าการตั้งท้องก็เหมือนกับการกอบกู้โลก ไร้สาระสิ้นดี”
เธอลูบศีรษะของหู่จือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไว้แม่จะมีน้องสาวให้ลูกเร็ว ๆ นะ”
เฉินเจียวั่งเดินตามหลินเซี่ย ฟังเธอพูดคุยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์กับหู่จือด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติไปพลาง ๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ รีบเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
หลินเซี่ยและหู่จือกลายเป็นฝ่ายเดินตามเขา
หลังจากที่ทุกคนเดินห่างไปไกลแล้ว เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ผลักเฉินเจียซิ่งออกไปด้วยความโกรธ “ไม่ต้องมาประคองฉัน”
ช่วงที่ผ่านมา เฉินเจียซิ่งถูกเสิ่นเสี่ยวเหมยจิกหัวใช้งานอย่างเอาแต่ใจ เมื่อกี้นี้เขายังเกือบถูกทำให้อับอายขายหน้าอีก ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยความโกรธ “คุณกับหลินเซี่ยโตมาด้วยกันแท้ ๆ ตอนนี้เราต่างก็กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ทำไมคุณถึงยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับหล่อนอยู่ได้? ทำให้ผมกับพี่ใหญ่พลอยเป็นศัตรูกันไปด้วย”
“แล้วยังไง หล่อนเคยเป็นลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของฉัน แล้วหล่อนก็เรียกฉันว่าอามาตั้งแต่เด็ก ๆ ดูสิตอนนี้สิ ไม่เห็นเหรอว่าหล่อนหยิ่งแค่ไหน แถมยังคิดจะให้ฉันเรียกหล่อนว่าพี่สะใภ้ ใครบ้างจะเรียกได้ลงคอ?”
เฉินเจียซิ่งพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความเป็นกลางอย่างอดทน “ผมไม่ได้บอกให้คุณเรียกหล่อนว่าพี่สะใภ้ เวลาเจอหน้ากันไม่จำเป็นต้องทักทายเลยก็ได้ แต่คุณช่วยสงบสติอารมณ์ลงหน่อยได้ไหม? อย่าไปยั่วโมโหใครเขา ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจคุณเลยด้วยซ้ำ ต่อให้อวดเบ่งท้องตัวเองต่อหน้าหล่อนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ยังไงซะหล่อนก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าหล่อนอยากท้องบ้างก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”
เสิ่นเสี่ยวเหมยผู้ภูมิใจใน ‘ท้อง’ ของตัวเองมาโดยตลอดโกรธเคือง จ้องเขม็งไปที่เฉินเจียซิ่ง แม้จะอยู่ในเขตชุมชนบ้านพักทหาร หล่อนก็ยังกล้าดุด่าเฉินเจียซิ่งต่อหน้า “สรุปคุณจะอยู่ข้างใครกันแน่? เลือกอยู่ข้างหล่อนสินะ? นอกจากคุณจะไปร่วมสนับสนุนกิจการของหล่อนแล้ว ยังขอให้หล่อนตัดผมให้ด้วย ตอนนี้ยังมาสั่งสอนให้ฉันยอมญาติดีกับหล่อนอีก คุณนี่มันไร้น้ำยาจริง ๆ”
“ถ้าผมไม่ใช่คนไร้น้ำยา ผมจะยอมถูกคุณหลอกและเอาเปรียบอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เหรอ?”
เฉินเจียซิ่งมองหล่อนด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างยิ่ง แค่นเสียงเยาะเย้ย “ถ้าไม่ใช่เพราะว่า…”
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่พูดคำว่า ‘เห็นแก่ลูก’ ออกมา เขาหันหลังกลับด้วยใบหน้าเย็นชา แล้วเดินไปข้างหน้า
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่เคยถูกเฉินเจียซิ่งต่อล้อต่อเถียงมาก่อน แถมตอนนี้เขายังเดินไปข้างหน้าโดยไม่รอหล่อนจริง ๆ หล่อนก็หันหลังกลับ ตั้งใจว่าจะกลับไปที่บ้านตระกูลเสิ่น แล้วกดดันให้เฉินเจียซิ่งไปขอโทษและเชิญหล่อนกลับบ้านอีกครั้ง
แต่ก็มาตระหนักว่าครั้งล่าสุดตอนที่หล่อนย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่นานกว่าหนึ่งเดือน เฉินเจียซิ่งแทบไม่ได้ไปเชิญหล่อนกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ แถมยังถูกภรรยาของลูกพี่ลูกน้องเหน็บแนม ทำให้อยู่ไม่สุขเลยสักวัน
ตอนนี้หล่อนยังตั้งท้องอยู่ด้วย ถ้ากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่อีกครั้งคงไม่พ้นถูกคนนินทา
เสิ่นเสี่ยวเหมยเดินอ้อยอิ่งอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ทันทีที่เดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก็เห็นผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉินกำลังเล่นกับหู่จือ
เสียงหัวเราะของหลินเซี่ยและโจวลี่หรงดังมาจากห้องครัว
เมื่อคุณย่าเฉินเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมยกลับมา นางก็รีบทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเหมย กลับมาแล้วเหรอ? ทำงานทั้งวันเหนื่อยมากไหม?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยได้ทีก็พูดว่า “เหนื่อยสุด ๆ ไปเลยค่ะ ผู้หญิงท้องนี่เหนื่อยง่ายจริง ๆ”
“ฉันล้างสตรอเบอร์รี่ที่เธอชอบไว้ให้แล้ว เข้าไปล้างมือแล้วออกมานั่งกินรองท้องหน่อยเถอะ”
ในที่สุดเสิ่นเสี่ยวเหมยก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นชามสตรอเบอร์รี่สดวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ปฏิบัติต่อหล่อนในระดับที่แตกต่างจากหลินเซี่ย
นับตั้งแต่แต่งงานเข้าตระกูลเฉิน หล่อนไม่เคยเข้าครัวเลยสักครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนหล่อนท้อง พวกผู้อาวุโสต่างก็ให้ความสนใจกับหล่อนมากขึ้น
ต้องบอกว่าเด็กคนนี้มาได้ถูกที่ถูกเวลาเสียจริง ๆ
หล่อนขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนไปใส่เสื้อคลุม ล้างมือ จากนั้นก็ลงไปนั่งบนโซฟาชั้นล่าง มองดูผู้เฒ่าสองคนของตระกูลเฉินที่กำลังมองหู่จือด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยความรัก จากนั้นก็ลูบท้องตัวเอง มองดูหู่จืออีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณปู่ คุณย่า อีกหน่อยถ้าหลานของพวกคุณคลอดแล้ว พวกคุณต้องพิถีพิถันในการมอบความรักด้วยนะคะ เอื้อเฟื้อความรักให้คนในยังดีกว่าเอื้อเฟื้อให้คนนอก”
เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยมุ่งเป้าไปที่หู่จือ ผู้เฒ่าเฉินตอบกลับเสียงทุ้ม “เสี่ยวเหมย ถึงตอนนั้นถ้าเธอคลอดลูก พวกเราต้องรักเด็กคนนั้นมากแน่นอน แต่หู่จือก็เป็นหลานชายของบ้านเราเหมือนกัน ดังนั้นไม่มีคำว่าคนในหรือคนนอก เธอมั่นใจได้เลย”
ผู้เฒ่าเฉินตอบโต้ด้วยเหตุผล ทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยได้แต่เม้มริมฝีปาก ไม่กล้าแย้งเขาอีก
“เสี่ยวเหมย เมื่อสองสามวันก่อนฉันแนะนำให้เธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้วนี่ ทำไมเธอยังไม่ไปสักทีล่ะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ยอมไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ คุณย่าเฉินกังวลเรื่องนี้อยู่เสมอ จึงพูดต่อไป “พรุ่งนี้เธอขอลางานสักวันหนึ่งสิ จากนั้นก็ให้เจียซิ่งพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล คุณหมอจะได้ให้คำแนะนำในการเอาใจใส่ จะได้เห็นด้วยว่าเด็กในท้องปกติดีไหม สมัยก่อนเรายังไม่มีวิธีการตรวจพวกนี้ แต่ตอนนี้โลกพัฒนาขึ้นมาก การฝากครรภ์ถือเป็นสิ่งจำเป็น”
“คุณย่า ช่วงปลายเดือนนี้พวกเราจะต้องคำนวณค่าแรงของพนักงานค่ะ งานค่อนข้างยุ่งมาก อาจจะลาหยุดไม่ได้ ไว้รอสัปดาห์หน้าแล้วกันค่ะ อีกอย่างอายุครรภ์ฉันยังน้อยอยู่ ได้ยินว่าสามเดือนแรกยังตรวจไม่เจออะไร”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นตอนอยู่ที่ทำงานก็ควรพักผ่อนบ้าง สัปดาห์หน้าหาเวลาไปตรวจร่างกายหน่อย ทำอัลตราซาวนด์ด้วย ได้ยินมาว่าเดี๋ยวนี้เราสามารถเห็นรูปร่างของทารกในท้องด้วยอุปกรณ์นั้น อย่าลืมเอากลับมาให้พวกเราดูด้วย”
“อืม” เสิ่นเสี่ยวเหมยนั่งเอนหลังบนโซฟา หยิบสตรอเบอร์รี่กินด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
เฉินเจียวั่งเดินลงมาที่ชั้นล่าง พูดกับผู้เฒ่าสองคนของตระกูลเฉินว่า “คุณปู่ คุณย่า ถังหลิงขอให้ผมฝากคำเชิญมาให้พวกคุณครับ หล่อนบอกว่าจะเปิดร้านเสริมสวยในวันมะรืนนี้ หวังว่าพวกคุณจะไปสนับสนุน”
ผู้เฒ่าเฉินเหลือบมองหลินเซี่ยที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับกาต้มชา พูดว่า “เกรงว่าพวกเราคงไปไม่ได้”
คุณย่าเฉินเห็นด้วย “ใช่ ครั้งล่าสุดย่าก็บอกหล่อนอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเราจะไม่ไป”
เสิ่นเสี่ยวเหมยแสดงสีหน้าเกลียดชังโดยสัญชาตญาณเมื่อเหลือบไปเห็นหลินเซี่ย หล่อนเคี้ยวสตรอเบอร์รี่ตุ้ย ๆ พลางพูดว่า “คุณปู่คุณย่าคะ พวกคุณไปเถอะค่ะ ลุงฉันก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน ยังมีเจียซิ่งกับฉันด้วย พวกเราทุกคนควรไปแสดงความยินดีกับพี่ถังหลิงด้วยกันทั้งครอบครัวนะคะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยคิดว่าถ้าอ้างชื่อลุงของเธอ ผู้เฒ่าเฉินจะยอมประนีประนอม ไม่คาดคิดว่าผู้เฒ่าเฉินจะปฏิเสธโดยไม่หันหน้ามามองด้วยซ้ำ “พวกเธอไปกันเองเถอะ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น”
เฉินเจิ้นเจียงกลับมาถึงบ้านพร้อมกับกระเป๋าเอกสารในมือ หันไปเห็นลูกสะใภ้ทั้งสองคนของเขานั่งอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งกำลังกินสตรอเบอร์รี่โดยนั่งไขว่ห้าง ส่วนอีกคนกำลังรินน้ำชาให้ชายชรา เส้นเลือดข้างขมับของเขาก็กระตุกอย่างแรง
ใบหน้าเขาบูดบึ้งทันที ได้แต่สวดภาวนาในใจว่าอย่าให้ผู้อาวุโสทั้งสองมองเห็นภาพนี้ในมุมของเขาเด็ดขาด
“คุณพ่อกลับมาแล้วเหรอคะ?” หลินเซี่ยทักทายเฉินเจิ้นเจียงอย่างสุภาพเมื่อเห็นเขา
“อืม กลับมาแล้ว”
โจวลี่หรงออกมาจากห้องครัว หันไปถามหลินเซี่ย
“กับข้าวทุกอย่างพร้อมแล้ว ทำไมเจียเหอถึงยังไม่กลับมาอีก?”
“เขาบอกว่าวันนี้หัวหน้านัดตรวจสอบชิ้นงานค่ะ เวลาเลิกงานอาจไม่แน่นอน”
หลินเซี่ยพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากินกันก่อน แล้วเก็บอาหารส่วนหนึ่งไว้ในหม้อก็ได้ค่ะ ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ฉันจะเข้าไปอุ่นให้”
“ดีเหมือนกัน”
…
ในเวลานี้ เฉินเจียเหอเลิกงานแล้ว แต่เขากำลังพูดคุยกับเซี่ยไห่ผ่านโทรศัพท์สาธารณะ
“หัวหน้าผู้บัญชาการว่าไงบ้าง?” เขาถาม
“ตอนแรกเขาระวังตัวมาก ไม่สนใจฉันด้วยซ้ำ ดีที่ฉันเอาใบชาสองชั่งกับและไวน์อย่างดีติดมาฝากเขาสองขวด แล้วบอกเขาว่าฉันเป็นน้องชายของเซี่ยเหลย หลังจากพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่ใหญ่ ท่านคนนั้นก็เชิญฉันเข้าไปคุยกันในบ้านของเขาทันที ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและกระตือรือร้นมาก”
เซี่ยไห่เล่าให้เฉินเจียเหอฟังอย่างละเอียด “เขาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหลิวกุ้ยอิง ตอนนั้นหล่อนดูสนิทกับพี่ใหญ่ของฉันมาก ถึงพวกเขาจะแอบคบหากันลับ ๆ แต่ในฐานะผู้บังคับบัญชาหน่วยเขาก็รู้ เขาบอกว่าหลังจากพี่ใหญ่ของฉันไปรบที่แนวหน้า จู่ ๆ ตระกูลหลิวก็ขังลูกสาวไว้ในบ้าน ในที่สุดก็รีบจับหล่อนแต่งงานแล้วตัดพ่อตัดลูก ผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านต่างพูดลับหลังว่าหลิวกุ้ยอิงท้องก่อนแต่ง เลยต้องรีบแต่ง”
“รู้ไหมว่าหล่อนแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ไหน?” เฉินเจียเหอถามอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าจะไปจากที่นี่พร้อมกับสามี ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว ตระกูลหลิวก็ไม่เคยพูดถึงลูกสาวคนนั้นอีกเลย”
เซี่ยไห่ถอนหายใจ “เรื่องมันซับซ้อนมาก ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่ไหน ฟังจากที่ผู้บัญชาการพูด ดูเหมือนว่าตอนนั้นหล่อนจะท้องก่อนแต่ง แม้จะเป็นแค่เรื่องซุบซิบ แต่ถ้าไม่จุดไฟก็ไม่มีควันหรอก ดูจากทัศนคติของครอบครัวหล่อนที่มีต่อหล่อนสิ ฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่หลิวกุ้ยอิงจะท้องก่อนแต่งจริง ๆ และไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก”
ดวงตาของเฉินเจียเหอสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างลังเล “หรือว่าจะเป็นลูกของพี่ใหญ่นาย? ก่อนที่พี่ใหญ่นายจะไปรบ พวกเขาอาจ…”
เซี่ยไห่ขัดจังหวะเขาทันทีด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เหล่าเฉิน หยุดเลย พี่ใหญ่ฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ คนอย่างเขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง? เขาไม่มีวันได้เสียกับผู้หญิงก่อนที่จะแต่งงานแน่ นั่นถือว่าไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยนะ หยุดคาดเดาสุ่ม ๆ แล้วทำให้พี่ใหญ่ของฉันเสื่อมเสีย ภาพลักษณ์ของเขาสำหรับฉันทั้งเที่ยงตรงและสง่างามเสมอ ไม่ควรดูหมิ่นเขา”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เธอจะอ้างอำนาจบ้านพ่อไปไม่ได้ตลอดหรอกนะเสี่ยวเหมย เธอไม่เคารพคนอื่น คนอื่นก็ไม่เคารพเธอเหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)