บทที่ 166 พระราชวังเทียมเมฆา วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 166 พระราชวังเทียมเมฆา วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

[เซียนเทียนเฟิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]

[ยอดแม่ทัพเทพเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[จอมเทพอู่เต๋อเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[ตี้ไท่ไป๋เกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[ขุนนางเซียนเฟิงอวี่เกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[เทพสวรรค์ชื่อเหลยเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

……

เครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ผุดขึ้นมาในหัวของหานเจวี๋ย

‘ใหญ่กว่าฟ้า ใหญ่กว่าพสุธาอีก! อะไรกันเนี่ย!’

หานเจวี๋ยเกือบตกใจตาย ร่างกายแข็งทื่อ

การแจ้งเตือนหลายสิบรายการเด้งขึ้นมาในทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

ตำแหน่งใหญ่เกินไปแล้ว!

หานเจวี๋ยจินตนาการถึงฉากที่เทพเซียนเต็มสวรรค์จับจ้องพวกเขาเรียบร้อย จะน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง!

แดนเซียนสามารถสอดส่องโลกมนุษย์ได้หรือ

แต่ครุ่นคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียก็เป็นเทพเซียน

‘ตอนนี้ข้าควรทำอย่างไรดี ยอมรับว่าหวาดกลัวหรือ หรือว่าจะฝืนยืนหยัดต่อไป’

จี้เซียนเสินกำหมัดทั้งสองข้างแน่น กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ได้! ข้าจะช่วยสหายเต๋ากวนก่อกวนให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลย!”

ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ก็มีคำแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยจำนวนมาก

หานเจวี๋ยพยักหน้าบอก “กลับไปตั้งใจฝึกฝนเถิด!”

“ได้!”

จี้เซียนเสินหันกายจากไป แผ่นหลังดูองอาจห้าวหาญกว่าตอนมาเสียอีก

สถานการณ์ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่ช่วงชิงอันดับหนึ่งในหล้าอีก!

เขาจะต่อกรกับสวรรค์!

หานเจวี๋ยกลับไปเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอีกครั้ง ในที่สุดความรู้สึกที่ถูกสอดส่องก็หายไป

เขากระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าวังสวรรค์จะส่งทหารมาทันทีหรือไม่

ครั้นกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็แอบถามในใจ ‘ระบบ เขตอาคมสามารถปิดกั้นการสอดส่องของเทพเซียนได้หรือไม่’

อักขระตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[ได้]

จิตใจที่วุ่นวายของหานเจวี๋ยสงบลงเล็กน้อยทันที

……

บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า พระราชวังสูงตระหง่านหลังหนึ่งตั้งอยู่บนยอดเมฆ มีป้ายชื่อแขวนอยู่บนประตูใหญ่

พระราชวังเทียมเมฆา!

ภายในตำหนักโอ่อ่ากว้างขวาง บนเสาสีขาวเงินแต่ละต้นมีหงส์มังกรพันรัด เทพเซียนผู้ทรงอานุภาพยืนอยู่สองแถว ทั้งหมดหันหน้าไปยังร่างสูงใหญ่เหนือท้องพระโรง

จักรพรรดิสวรรค์!

จักรพรรดิสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ร่างสูงเกือบร้อยจั้ง ด้านหลังมีแสงสีทองอร่าม ดวงดาวระยิบระยับ ดูศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่

บรรดาเทพเซียนในตำหนักตัวเล็กกว่าจักรพรรดิสวรรค์มาก จักรพรรดิสวรรค์ที่หน้าตาน่าเกรงขามสวมมงกุฎห้อยไข่มุก กำลังกวาดสายตาคมกริบมองลงมาด้านล่าง

“คำกล่าวของมนุษย์คนเมื่อครู่ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร” จักรพรรดิสวรรค์กล่าว น้ำเสียงทุ้มหนามาพร้อมด้วยเสียงฟ้าร้อง

ชายชราชุดคลุมเต๋าที่มีผมขาวใบหน้าแดงผู้หนึ่งก้าวออกมา ประสานมือคารวะก่อนเอ่ยว่า “มนุษย์กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ส่งผลต่อความน่าเกรงขามของสวรรค์ วังสวรรค์สามารถส่งแม่ทัพสวรรค์ไปสังหารได้!”

เพิ่งสิ้นเสียง แม่ทัพสวรรค์ที่มีรูปร่างราวกับเจดีย์เหล็กและมีมังกรพันอยู่ตรงเอวก็ก้าวออกมา “ฝ่าบาท ตอนนี้วังสวรรค์อยู่ในระหว่างที่ต้องใช้คน หากคนผู้นี้มีพรสวรรค์จริงก็สามารถรับไว้ได้ แม้ว่าวังสวรรค์จะมีกฎสวรรค์เคร่งครัด แต่ก็ต้องแสดงความใจกว้างเช่นกัน ถึงจะดึงดูดบรรดาบุตรแห่งสวรรค์ให้มาเข้าร่วมได้!”

เทพเซียนท่านอื่นๆ ก็พากันก้าวออกมาแสดงความเห็น

“เทพปีศาจตนนั้นยังไม่ยอมถูกประหารชีวิต ตอนนี้มนุษย์ธรรมดายังกล้ากระโดดขึ้นมาแว้งกัดวังสวรรค์ พวกเราเทพเซียนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“หน้าตาสำคัญ หรือว่าอนาคตของวังสวรรค์สำคัญ”

“ทั้งสำนักพุทธ วังเทพ วังปีศาจ สำนักเต๋าเป็นต้น ต่างก็คิดหาวิธีดึงโลกมนุษย์มาเป็นพวก แม้แต่เผ่ามารเองก็คิดเช่นนี้ หากพวกเราวังสวรรค์ยังยืนกรานจะชำระล้างโลกมนุษย์ ไม่เท่ากับว่าขัดแย้งกับกลุ่มอำนาจใหญ่หรอกหรือ”

“วังสวรรค์เป็นสถานที่ของเทพเซียน จะใช้มุมมองของการช่วงชิงอำนาจมามองปัญหาได้ที่ไหน”

“เฮอะๆ เซียนฝ่ายบุ๋นอย่างพวกเจ้าทำไมไม่ไปสังหารเทพปีศาจเล่า”

เซียนฝ่ายบุ๋นกับแม่ทัพสวรรค์แบ่งออกเป็นสองฝ่าย

แม่ทัพสวรรค์ส่วนมากชื่นชมหานเจวี๋ย เซียนฝ่ายบุ๋นกลับไม่อาจทนดูเขาได้

ในพระราชวังเทียมเมฆาเสียงดังเอะอะราวกับตลาดสด จนจักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้ว

ผ่านไปเป็นเวลานาน

บรรดาเทพเซียนถึงจะหยุดส่งเสียง

จักรพรรดิสวรรค์จ้องมองพวกเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ทำเอาพวกเขาตกใจจนพากันก้มหน้าและกลับไปยืนที่ของตนเอง

“รอจัดการเรื่องเทพปีศาจเสร็จสิ้น ค่อยส่งแม่ทัพและทหารสวรรค์ไปกวาดล้างโลกมนุษย์ หากมนุษย์สองคนนี้ต้านทานแม่ทัพและทหารสวรรค์ได้ ข้าจะให้ตามที่เขาประสงค์ แต่หากต้านทานไม่ได้ ก็จงเข้าสู่วัฏสงสารพร้อมกับเพื่อนมนุษย์!”

จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยปาก น้ำเสียงไม่ยอมให้สงสัยใดๆ ทั้งสิ้น

เหล่าเทพเซียนคารวะพร้อมกัน

“สำหรับเงื่อนไขของสำนักพุทธ พวกเจ้ามีความเห็นอย่างไร” จักรพรรดิสวรรค์ถามขึ้น

บรรยากาศในพระราชวังเทียมเมฆาอึดอัดขึ้นมาทันใด

……

ตั้งแต่รู้ว่าเหล่าเทพเซียนจับตามองตนเอง หานเจวี๋ยก็เข้าไปในถ้ำเทวาแล้วไม่ออกมาอีก

เขาอยากตั้งใจฝึกฝนพลังวิเศษเช่นวิชาวัฏจักรหกวิถี ตราประทับหกวิถี พลังดูดวิญญาณหกสาย ประตูวัฏจักร และกระสวยหยินหยางให้แข็งแกร่งเชี่ยวชาญมากขึ้นก่อน

พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกเกือบสิบปี

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุเก้าร้อยปีแล้ว ชีวิตใกล้เข้ามาอีกขั้นหนึ่ง ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ กลายเป็นเทพเซียน จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[สอง ยังไม่ขึ้นสวรรค์ในตอนนี้ อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ต่อ จะได้รับของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่ม]

หานเจวี๋ยไม่ต้องคิดใคร่ครวญ เลือกไม่ขึ้นสวรรค์ทันที

[ท่านเลือกไม่ขึ้นสวรรค์ในตอนนี้ ได้รับของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่ม]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า]

[วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า: หนึ่งในวารีสวรรค์ สามารถกระตุ้นให้เกิดไอเซียน ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินมาหล่อเลี้ยงวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง หากดื่มหนึ่งอึกจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของกายเนื้อ ดื่มหนึ่งถ้วยรักษาอาการบาดเจ็บของจิตดั้งเดิมได้]

‘หือ? ดูท่าจะร้ายกาจมาก! สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ทั้งยังกระตุ้นให้เกิดไอเซียนได้ด้วย!’

หานเจวี๋ยรีบนำออกมา วารีสีเงินที่มีขนาดเท่ากำปั้นลอยอยู่กลางฝ่ามือของเขา

‘แค่นี้เองหรือ ยังไม่พอหนึ่งถ้วยเลย!’

หานเจวี๋ยมองไปที่มุมถ้ำ ‘ควรวางไว้ที่ไหนดีนะ’

เขาลุกขึ้นเดินไปยังมุมถ้ำ หลังจากขุดหลุมเล็กๆ ก็วางวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไว้ในนั้น

วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่ซึมลงไปในดิน หานเจวี๋ยก็วางใจแล้ว

อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความสงสัย “นี่คือน้ำอะไร พลังวิญญาณเข้มข้นมาก!”

หานเจวี๋ยกล่าว “วารีเงินของรักของข้า ห้ามเจ้าขโมยดื่ม”

“ข้าจะขโมยดื่มได้อย่างไร!”

อู้เต้าเจี้ยนทำแก้มป่อง แค่นเสียงฮึ

หานเจวี๋ยยิ้มๆ จากนั้นก็กลับไปบนตั่ง และนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่ง

เขาสาปแช่งไปด้วยตรวจสอบจดหมายไปด้วย

เขาพบว่าช่วงนี้เผ่าปีศาจคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่ลางบอกเหตุที่ดีเลย

‘หรือว่าเผ่าปีศาจคิดจะอาศัยความขัดแย้งภายในของมนุษย์บุกเข้ามา?

ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปแทรก

เผ่ามนุษย์มีจี้เซียนเสินอยู่ เผ่าปีศาจก่อความวุ่นวายได้ยากยิ่ง

ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้แบบจำลองการทดสอบกับจี้เซียนเสิน ในระหว่างทดสอบเขาไม่ได้ลงมือก่อน แต่รอให้จี้เซียนเสินบุกมาโจมตี

พลังแท้จริงของจี้เซียนเสินเทียบกับระดับเซียนอิสระขั้นหนึ่งได้แล้ว

พลังระดับนี้ในโลกมนุษย์ต้องเป็นตัวตนระดับบอสใหญ่อย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยนึกไปถึงวังสวรรค์ ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ วังสวรรค์ยังไม่เคลื่อนไหวเลย หรือว่ายังไม่ได้จัดการเรื่องของเทพปีศาจ?

เหตุใดวังสวรรค์ถึงไม่สามารถส่งแม่ทัพและทหารสวรรค์กองหนึ่งมาจัดการเขา

หรือว่าการปิดกฎสวรรค์จำเป็นต้องใช้ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง?

หากหานเจวี๋ยเป็นเทพเซียน จะต้องถูกสังหารทิ้งทันทีแน่

แต่เมื่อมองในมุมของเทพเซียน ก็พอจะเข้าใจได้อยู่

พลังแท้จริงแตกต่างกันมากเกินไป!

ถ้าหากตอนนี้มีอัจฉริยะระดับหลอมปราณของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์คนหนึ่งข่มขู่ว่าจะขัดขวางการชำระล้างสำนักฝ่ายนอกของหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยก็ทำแค่ยิ้มและปล่อยผ่าน จะไม่บีบฝ่ายตรงข้ามจนตายเลย

ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยหานเจวี๋ยก็ยังมีเวลา

เขาต้องเร่งทำเวลา เพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้มากเท่าที่จะทำได้!

หนึ่งเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยเริ่มบรรลุดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ เตรียมยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตนเอง

ครั้นมาถึงแม่น้ำมรรคกระบี่อีกครั้ง หานเจวี๋ยมองเห็นจั้งกูซิง

จั้งกูซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้า…หือ? ระดับเซียนพิภพ! เป็นไปได้อย่างไร!”

น้ำเสียงของเขาดูตกใจมาก

……………………………………….