บทที่ 185 ผมกำลังจีบเธออยู่

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 185 ผมกำลังจีบเธออยู่

บทที่ 185 ผมกำลังจีบเธออยู่

ซูหยินยักไหล่ “ก็ตามที่เธอเห็น”

ซูโย่วอี๋เลื่อนสายตาไปที่กู่อวี๋เฉิงและพบว่าเขายังคงหยิ่งยโสและถือตัวเหมือนเดิม แต่ทำไมถึงดูหงุดหงิดกันนะ

หรือว่าเธอคิดมากไปเอง?

กู่อวี๋เฉิงมารับซูหยินเพราะเรื่องงานเท่านั้นเหรอ?

เมื่อกู่อวี๋เฉิงอยู่ที่นี่ ซูโย่วอี๋จึงไม่ทันได้ถามความสงสัยในใจของเธอทันที เพียงแค่ยืนอยู่เงียบ ๆ

ซูหยินมองไปที่ชายตรงหน้าเธอ “คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันมีธุระต้องทำ”

แต่กู่อวี๋เฉิงไม่ตอบรับ “เวลานี้พวกคุณควรไปหาอะไรกินได้แล้ว ผมรู้จักร้านอาหารไทยอยู่ร้านหนึ่ง มันอร่อยใช้ได้ อยากไปลองดูหน่อยไหม?”

ซูหยินขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ฉันไม่กินอาหารไทย”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบกิน แต่เธอไม่อยากกินกับเขาต่างหาก

อีกด้าน ซูโย่วอี๋ยังคงมองไปที่คนทั้งสองด้วยความสับสน

มีอะไรไม่ชอบมาพากล

แปลกจริง ๆ

เห็น ๆ กันอยู่ว่าซูหยินขอให้กู่อวี๋เฉิงกลับไปก่อน แต่ว่าเขาก็ยังมีท่าทีนิ่งเฉยและไม่ได้สนใจต่อคำพูดของเธอสักนิด แถมยังชวนไปทานอาหารเย็นด้วยกัน?

สิ่งที่น่าสงสัยยิ่งกว่าคือท่าทีของซูหยิน เธอเคยดีกับกู่อวี๋เฉิงมาก แม้กระทั่งต่อหน้าคนแปลกหน้าเธอก็ยังรักษาท่าที เธอไม่มีทางแสดงออกว่าไม่ชอบเขาหรือแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเด็ดขาด

แต่ทำไมหยินหยินถึงเย็นชากับเขาจัง เธอไม่เกรงใจกู่อวี๋เฉิงเลย

ทั้ง ๆ ที่เธอก็ต้องทำงานกับเขาอยู่ดี

ซูโย่วอี๋ต้องการให้ทุกอย่างราบรื่น แต่เธอกลัวว่าเธอจะสร้างความลำบากใจให้หยินหยิน จากคำพูดที่ยังไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีของเธอ

คิดได้แบบนั้น เธอก็ยังเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อไป

ส่วนสีหน้าของกู่อวี๋เฉิงที่ถูกปฏิเสธยังคงเหมือนเดิม และยิ่งแสดงความอ่อนโยนยิ่งขึ้น “แล้วคุณอยากกินอะไร”

ซูหยินหมดความอดทน “คุณไม่เห็นเหรอว่าโย่วอี๋ก็อยู่ที่นี่ด้วย?”

“ไม่เป็นไร พวกเรากินด้วยกันก็ได้”

ซูหยินกลอกตา สิ่งที่เธอพูดมันสื่อความหมายแบบนั้นหรือไง?

เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด ซูหยินเองก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ “ร้านอาหารไทยอยู่ที่ไหน”

พอได้ยินอย่างนั้น แววตาของกู่อวี๋เฉิงฉายความสุข “ขึ้นรถสิ ผมจะพาพวกคุณไป”

ซูโย่วอี๋เองก็กำลังมีความรัก เธอจะมองไม่ออกได้ยังไงว่ากู่อวี๋เฉิงชอบซูหยิน

เธอกำลังจะตามซูหยินไปนั่งที่เบาะหลัง แต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นที่อีกฟากของถนนอย่างไม่ได้ตั้งใจ หัวใจของ ซูโย่วอี๋สั่นสะท้าน

ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?

ซูหยินดึงชายเสื้อของเธอ “มองอะไรอยู่ รีบขึ้นรถสิ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”

ซูโย่วอี๋มองไปทางนั้นอีกครั้ง แต่เขาก็หายไปแล้ว

เธอส่ายหัว น่าจะเป็นเพราะเธอตาฝาดไป

ทำไมฮัวจิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

ในระหว่างที่รถขับไป ซูหยินไม่พูดอะไรสักคำ บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด

กู่อวี๋เฉิงมองซูหยินผ่านกระจกมองหลังเป็นครั้งคราว เขาเห็นว่าเธอเอาแต่นั่งกอดอก จึงปิดเครื่องปรับอากาศและเปิดกระจกรถ

“คุณซู มีของว่างอยู่ในที่เก็บของ พวกคุณกินรองท้องกันก่อนได้เลยครับ”

ซูโย่วอี๋ไม่ได้รู้สึกหิว แต่เธอก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงเปิดมันเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

ปรากฏว่าด้านในมีของเต็มไปหมด

ทั่งช็อกโกแลต ถั่ว บิสกิต เยลลี่ และมันฝรั่งทอด…

ขนมทั้งหมดล้วนเป็นของที่สาว ๆ ชอบกินกัน

สายตาของซูโย่วอี๋ฉายแววหยอกล้อ “รองประธานกู่ชอบกินของพวกนี้เหรอคะ”

“ผมกลัวว่าเธอจะหิวหลังเลิกงาน ก็เลยซื้อของพวกนี้เก็บไว้น่ะ”

ซูโย่วอี๋ตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิด กู่อวี๋เฉิงกำลังหมายถึงซูหยินสินะ

เมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว ซูโย่วอี๋ก็ไม่อยากแกล้งโง่อีกต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะอยากทำแบบนั้นก็ตาม

“รองประธานกู่ คุณหมายความว่าอย่างไรคะ”

“ผมกำลังจีบซูหยินอยู่”

น้ำเสียงที่เขาพูดไม่มีความคลุมเคลือเลยแม้แต่น้อย ท่าทีของเขายังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าเขากำลังพูดความจริงในใจออกมา

ในใจของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่เธอไม่รู้จะถามอย่างไร ทำได้เพียงจ้องมองไปที่ซูหยินที่อยู่ข้าง ๆ เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

และยกนิ้วให้เพื่อนสาวแล้วพูดเบา ๆ ว่า “เยี่ยมไปเลย”

แต่หลังจากที่ไม่ได้เจอกันครึ่งเดือน รองประธานกู่ก็เหมือนจะตกอันดับลงไป

ซูหยินปัดมือของเธอออก และพูดเพื่อให้คนข้างหน้าได้ยิน “ฉันไม่เล่นด้วยซะหน่อย”

กู่อวี๋เฉิงไม่ตอบ เขาเพียงแค่เปิดเสียงเพลงให้ดังขึ้นอีกนิด

เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่ถูกขับร้องอย่างช้า ๆ

ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นในระหว่างที่รถขับเคลื่อนไป

โชคดีที่ไม่นานก็มาถึงร้านอาหาร

กู่อวี๋เฉิงสั่งอาหารล่วงหน้าไว้แล้ว เมื่อไปถึงอาหารก็มาเสิร์ฟทันทีโดยใช้เวลาไม่เกินสิบนาที

โต๊ะที่นั่งทั้งสามเป็นทรงสี่เหลี่ยม ซูหยินและซูโย่วอี๋นั่งฝั่งเดียวกัน โดยมีกู่อวี๋เฉิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เขาถามพวกเธออีกครั้งว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม อยากจะดื่มอะไร จากนั้นเขาเริ่มล้างภาชนะบนโต๊ะอาหารด้วยน้ำชา

ซูหยินปล่อยให้เขาทำให้โดยไม่แสดงออก และเมื่อกู่อวี๋เฉิงยื่นมือไปหยิบชามและตะเกียบของซูโย่วอี๋ ซูโย่วอี๋ก็รีบคว้าชามและตะเกียบของตนเองแล้วยิ้มให้เขา “รองประธานกู่ เดี๋ยวฉันทำเองค่ะ”

จากนั้นพนักงานในชุดไทยก็เดินเข้ามา “อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ”

กู่อวี๋เฉิงนำทิปออกมาวางบนถาดที่ยกอาหารมาเสิร์ฟให้พนักงานแล้วพูดว่า “ขอบคุณ”

พนักงานกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าการให้ทิปเป็นประเพณีของที่นี่

“กินเถอะครับ เมื่อกี้คุณบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ”

กู่อวี๋เฉิงมองไปที่ซูหยิน เขากำลังตักต้มข่าไก่ให้เธอ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบถ้วยของซูโย่วอี๋ เพื่อที่จะตักให้เธอเช่นเดียวกัน

“ทานให้อร่อยครับ คุณซู”

ซูโย่วอี๋มองดูท่าทีที่ไม่เต็มใจของซูหยิน ก็ลอบถอนหายใจ “ขอบคุณคุณกู่นะคะที่พามาทานอาหารไทยอร่อย ๆ”

ที่โต๊ะอาหาร มีแค่กู่อวี๋เฉิงและซูโย่วอี๋ที่พูดคุยกันอย่างสุภาพ จะมีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ซูหยินจะมีส่วนร่วมในบทสนทนาเมื่อเธอได้ยินหัวข้อที่น่าสนใจ

แต่ไม่ว่าซูหยินจะพูดอะไร กู่อวี๋เฉิงก็จะตั้งใจฟัง จากนั้นจึงเข้าหัวข้อสนทนาตามเธอไปเพื่อให้เธอพูดมากขึ้น

เขาสวมถุงมือพลาสติกเพื่อที่จะช่วยซูหยินปอกกุ้งและแกะปู

ตอนแรกซูหยินเองไม่ยอมแตะกุ้งและปูที่เขาแกะให้ จนกระทั่งของในจานเธอกองเป็นภูเขา เธอจึงเริ่มลงมือทานไปสองสามคำ

ซูโย่วอี๋ทานอาหารมื้อนี้อย่างยากลำบาก จริง ๆ แล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่พูดเก่งสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ต้องพยายามหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึมครึม

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาหารในปากเธอรสชาติอย่างไร

เธอแค่อยากกินให้เสร็จ ๆ ไป จะได้รีบกลับบ้าน

ในขณะที่บทสนทนาของเธอเงียบลง โทรศัพท์ของกู่อวี๋เฉิงก็ดังขึ้น เขาชำเลืองมองพวกเธอ จากนั้นก็ถอดถุงมือ

“ครับ ประธานลู่”

ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่กู่อวี๋เฉิงมองไปที่ซูโย่วอี๋ “ใช่ครับ เธออยู่นี่”

“ใกล้เสร็จแล้ว”

“ผมจะพาพวกเธอไปส่งเอง”

ซูโย่วอี๋งงว่าเขาถามถึงเธอ แต่ทำไมถึงโทรหากู่อวี๋เฉิง

แต่เมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองปิดเครื่อง

กู่อวี๋เฉิงวางสาย “พวกคุณอิ่มหรือยัง”

ซูโย่วอี๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่เขากำลังไปชำระเงิน ซูโย่วอี๋ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป “หยินหยิน เกิดอะไรขึ้น”

“เขากำลังตามจีบฉัน”

“เธอไม่ชอบเขาเหรอ?”

ซูโย่วอี๋คิดว่าซูหยินดูไม่สนใจเขาเลย ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบพยักหน้าแต่ก็ดูลังเล

หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยินก็ส่ายหัวของเธอ “ไม่ มันไม่สำคัญหรอก ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้น”

เมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น ก็แสดงว่าเธอมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขาไม่มากก็น้อยสินะ

แต่ถ้าเธอชอบ ทำไมเธอถึงทำเหมือนไม่สนใจล่ะ

ซูโย่วอี๋อยากถามอีกครั้ง แต่กู่อวี๋เฉิงเดินกลับมาพอดี หลังจากนั้นเขาก็ขับรถพาพวกเธอไปส่งที่เป่ยสืออี้ผิน

เมื่อมาถึงซูหยินดึงซูโย่วอี้ลงจากรถอย่างรวดเร็ว “ไปก่อนนะคะ”

กู่อวี๋เฉิงลงจากรถแล้วตะโกนเรียก “ซูหยิน”

ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าร่างกายของซูหยินแข็งทื่อ

แต่เธอไม่หันกลับไปมอง

“รีบนอนพักผ่อนล่ะ”

ทั้งสองกลับไปที่ห้องบนชั้นสิบเจ็ด ซูหยินเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “นี่ ทำไมเธอยังไม่ลงไปอีกล่ะ ประธานลู่คงทนไม่ไหวแทบจะขึ้นมาตามเธอถึงข้างบนนี้แล้ว”