นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่30 ฟ้อง
“เสี่ยวเทียนใส่เสื้อใหม่เหรอ?” โจวต้าไห่มองเสี่ยวเทียนที่พูดจาด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเทียนพยักหน้าแรงๆ “อืม!”
“หล่อจริง!” โจวต้าไห่ยื่นมือไปอุ่มเจ้าก้อนน้อยขึ้นมา โยนขึ้นกลางอากาศ ทำเอาพวกเขาหัวเราะคิกคักดีใจกันใหญ่
สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆมองด้วยสีหน้าอ่อนโยน มองดูเสื้อใหม่ของเสี่ยวเทียน แล้วนึกถึงเสื้อใหม่ของตัวเอง หันกลับไปมองเสื้อที่ซักจนขาวของภรรยาตัวเอง ในใจก็รู้สึกร้อนรุ่ม
“ครั้งหน้าเจ้าก็ทำให้ตัวเองด้วยนะ”
โจวกุ้ยหลานเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกใจ
ผู้ชายคนนี้ใส่ใจจังเลยนะ
“งั้นข้าจะเอาแบบสวยๆนะ”
“ได้เลย”
“จะเอาแบบแพงๆ!”
“ได้สิ”
“เอาล่ะ กุ้ยหลานเจ้าก็ประหยัดหน่อยเถอะ อย่ารังแกน้องเขยที่ซื่อสัตย์ของข้านะ” โจวต้าไห่พูดด้วยสีหน้าตึงๆ
โจวกุ้ยหลานอดไว้ไม่กลอกตามองบน ถ้าพี่ชายของนางรู้เรื่องที่วันนี้สวีฉางหลินเตะพ่อค้าขายเนื้อกระเด็นออกไปใกล เขาคงจะไม่บอกว่าสวีฉางหลินซื่อสัตย์แล้วล่ะ
เวลาแห่งความสุขถูกตัดอย่างง่ายดาย อย่างเช่นตอนนี้
เพื่อนบ้านตะโกนเสียงดังว่า: “กุ้ยหลาน ผู้ใหญ่บ้านเรียกเจ้ากับสามีเจ้าไปที่บ้านเขาหน่อย!”
ผู้ใหญ่บ้าน?
โจวกุ้ยหลานมองดูสวีฉางหลิน แล้วเหลือบไปมองโจวต้าไห่
ผู้ใหญ่บ้านเรียกนางไปทำไมกันนะ?
โจวต้าไห่ตอบคนด้านนอกไปว่า: “เดี๋ยวไป”
เขาหันไปพูดกับสวีฉางหลินและโจวกุ้ยหลานว่า: “ข้าไปหาผู้ใหญ่บ้านกับพวกเจ้านะ”
โจวกุ้ยหลานก็พยักหน้าตกลง มีโจวต้าไห่ไปด้วย ถ้ามีเรื่องจริง จะได้พึ่งพากันได้
สั่งให้เจ้าก้อนน้อยอยู่บ้านอย่าออกมาข้างนอก ทั้งสามก็เดินไปหาผู้ใหญ่บ้านทันที
ผู้ใหญ่บ้านมีบ้านสร้างจากหิน และยังสร้างรั้วบ้านล้อมไว้เป็นลานขนาดใหญ่ ลานหน้าบ้านปลูกผักไว้ไม่น้อย บนเถาวัลย์ยังมีบวบหอมกับน้ำเต้าแขวนไว้
เข้าไปในห้องโถง โจวกุ้ยหลานก็ถึงรู้ว่าทำไมผู้ใหญ่บ้านต้องเรียกนางมา เฉินโหยวซวนกับเฉียนต้ายาคิดจะมาหาเรื่องสินะ
“ลุงโหยวเกิน” โจวต้าไห่เข้าไปก็เรียกผู้ใหญ่บ้าน
โจวกุ้ยหลานก็เรียกตาม แต่สวีฉางหลินกลับแค่พยักหน้ากับผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น
ผู้ใหญ่บ้านหวังโหยวเกินสูบยาเส้น แล้วตอบ ‘อืม’ สายตาเหลือบมองไปยังสวีฉางหลิน
คนผู้นี้ทำเอาเขาขนลุกซู่ทุกทีที่เห็น
“ไอ้หยาผู้ใหญ่บ้าน ท่านต้องให้ความเป็นธรรมต่อพวกเรานะ!” เฉียนต้ายาที่อยู่ข้างๆไม่ให้โอกาสคนอื่นๆได้พูด นางร้องห่อร้องไห้ปาดน้ำตา
เฉินโหยวซวนที่อยู่ข้างๆก็ทุบอกตัวเอง พูดอย่างปวดใจว่า: “ข้าไร้ประโยชน์เอง!”
เฉียนต้ายารีบจับมือลูกชายตัวเอง ไม่ให้เขาตีตัวเอง: “ลูก ชีวิตเจ้าช่างขมขื่นเหลือเกิน!”
ว่าแล้วก็ปาดน้ำตาอีกครั้ง
สำหรับการแสดงจอมปลอมแบบนี้ โจวกุ้ยหลานอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ
ร้องไห้ให้น้ำตาไหลออกมาหน่อยก็ดีนะ ฟ้าผ่าอย่างเดียวไม่มีฝน
หมู่ใหญ่บ้านหวังไอกระแอม แล้วชี้ไปยังเก้าอี้ข้างๆ แล้วพูดกับพวกเขาสามคนว่า: “นั่งก่อนสิ”
โจวกุ้ยหลานเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ อีกสองคนเห็นแล้วก็นั่งลงตามๆกัน
ในเมื่อบ้านเฉินจะหาเรื่อง งั้นนางก็จะสู้เต็มที่
โจวกุ้ยหลานไม่เคยกลัวอยู่แล้ว!
ทุกคนนั่งลงแล้ว หวังโหยวเกินก็ไอกระแอมอีก เสียดายที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ยังคงร้องโอดครวญเหมือนเดิม
หวังโหยวเกินสีหน้าแย่ลง สองคนเป็นอะไรไป ไม่เห็นเหรอว่าผู้ใหญ่บ้านกำลังจะพูด?
“บ้านเฉิน มีอะไรก็ค่อยๆพูดกัน ร้องไห้ไปทำไม?” หวังโหยวเกินขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดัง
แล้วเริ่มเล่าว่า: “ผู้ใหญ่บ้าน ท่านก็รู้ว่าลูกชายข้ายังไม่มีเมีย ข้าเลยคิดจะหาให้เขาคนหนึ่ง ก็เลยว่าจะสู่ขอกุ้ยหลานบ้านโจวมาเป็นสะใภ้ บ้านข้าเตรียมข้าวโพดให้สวีเหมยฮัวหนึ่งถุง
โจวกุ้ยหลานอดทนฟัง อยากจะดูว่าเฉียนต้ายาจะเอาเรื่องนี้ออกมาพูดอีกกี่ครั้ง
“ท่านว่าในหมู่บ้านเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ? คนแบบนี้ยังจะอยู่ในหมู่บ้านเราได้อีกเหรอ?”
หวังโหยวเกินพยักหน้า เรื่องการหมั้นที่หมั้นไว้แล้วจะเปลี่ยนแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ดี จะทำให้สองตระกูลมีความแค้นต่อกันได้
เห็นปฏิกิริยาของเขา เฉียนต้ายาก็ดีใจกว่าเดิม: “ลูกชายข้าขึ้นเขาไปถามนาง แต่ถูกนางตีเข้าที่หว่างขา หลายวันก็ยังไม่ดีขึ้น พวกเราอยากไปรักษาในตำบล ไม่มีเงินก็เลยต้องมาหานาง ยัยคนนี้ยังกล่าวหาว่าลูกชายข้าเป็นโจร! ลูกชายข้าอายุสี่สิบกว่าแล้ว หลายปีมานี้เคยเป็นโจรที่ไหนกัน?”
หวังโหยวเกินได้ยินแล้วก็พยักหน้า ถ้าเฉินโหยวซวนแอบย่องเข้าไปจริง คงมีคนรู้ตั้งนานแล้ว จะรอถึงตอนนี้ได้ยังไง?
“พวกเราก็ไม่อยากโวยวาย แค่อยากให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยทวงคืนความยุติธรรม ให้นางออกเงินร้อยตำลึงเพื่อรักษาให้ลูกชายข้า และช่วยเขาหาเมียใหม่ บอกกับคนในหมู่บ้านว่านางเข้าใจผิดลูกชายข้าก็ได้แล้ว”
เฉียนต้ายาพูดอย่างกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ใจ คนที่ไม่รู้คงคิดว่านางจะเอาแค่ห้าเหวิน!
ครั้งที่แล้วโดนแม่นางตีจนกลัวแล้ว ตอนนี้เลยเปลี่ยนแผนงั้นเหรอ?
ผู้ใหญ่บ้านหวังหันไปมองโจวกุ้ยหลานแล้วถามว่า: “เจ้าคิดยังไง?”
นางเหลือบไปมองสวีฉางหลิน เขากำลังนั่งตัวตรงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
โจวกุ้ยหลานหันไปมองสวีฉางหลิน: “เจ้าจ๋า เจ้าคิดยังไง?”
ต่อหน้าคนนอก นางต้องไว้หน้าสวีฉางหลิน
“เจ้าตัดสินเองได้เลย”
สวีฉางหลินพูดแค่คำเดียวเหมือนเดิม
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า นางลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็พูดว่า: “ครั้งที่แล้วป้าเฉียนไปโวยวายที่บ้านข้า คนในหมู่บ้านเห็นกันหมด ข้าคิดว่าเรื่องนี้จบไปนานแล้ว ไม่คิดว่าจะมาโวยวายถึงหน้าลุงโหยวเกิน รบกวนลุงโหยวเกินจริงๆ”
เรื่องนี้หวังโหยวเกินก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าเฉียนต้ายาจะมาโวยวายกับเขา ลูกสาวบ้านโจวก็พูดเก่ง เคารพเขามากเหมือนกัน
“พวกเจ้ารังแกข้าก่อน! เจ้าดูหน้าข้าสิ ฝีมือแม่เจ้าทั้งนั้น!” เฉียนต้ายากระโดดออกมาชี้ใบหน้าที่บวมแดงของตัวเอง
ท่าทีที่แข็งกร้าวนั้น สลัดภาพความอ่อนแอเมื่อกี้ไปจนหมด
เฉินโหยวซวนรีบดึงแขนเสื้อแม่ตัวเอง เฉียนต้ายาถึงรู้ตัวแล้วทำท่าน่าสงสารเหมือนเดิม: “ผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่นี่ เรื่องในหมู่บ้านจะเทียบกันโดยคนไหนตบเก่งกว่าคนนั้นก็ชนะไม่ได้หรอกนะ ผู้ใหญ่บ้าน ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ลูกชายข้านะ!”
หวังโหยวเกินขมวดคิ้ว เฉียนต้ายาโวยวายเก่งเกินไปแล้ว
โจวกุ้ยหลานดูแล้วก็ชื่นชมกับการเปลี่ยนหน้าของเฉียนต้ายามาก
เก่งจริงๆ เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสืออีก
“หากเจ้าไม่ผิด ทำไมต้องไปโวยวายที่บ้านข้าด้วย? มาอธิบายเรื่องนี้ให้ลุงโหยวเกินก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?” โจวกุ้ยหลานก็ไม่ไว้หน้าใคร
ผู้ใหญ่บ้านได้ยินแล้ว ความหมายก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง