บทที่ 202 ชิวชิงหลี

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 202 ชิวชิงหลี

บทที่ 202 ชิวชิงหลี

“ฉู่เชิ่ง?”

ลู่หยวนยิ้มหยัน สายตาเต็มไปด้วยการดูถูก “การบ่มเพาะและเคล็ดวิชาของเจ้าในตอนนี้ คิดจะกำราบข้าคงเป็นได้แค่ความฝัน!”

ฉู่เชิ่งเมินวาจานั้น โดยยังคงเค้นการบ่มเพาะด้วยพละกำลังทั้งหมด เพื่อพยายามทำลายพันธนาการที่อีกฝ่ายใช้กับตัวเขา

ทว่าไม่ว่าจะใช้พลังอะไร แรงกดดันบนร่างกายก็ราวกับขุนเขาสวรรค์กดทับลงมา มันไม่มีหนทางให้ขัดขืน

เพียงแต่เขาไม่กล้าใช้พลังของท่านหู่แม้แต่น้อย ถึงอย่างไรพลังนี้ก็ง่ายต่อการตกเป็นเป้าของอีกฝ่าย ยิ่งกว่านั้น วิญญาณของท่านหู่ไม่มั่นคง หากฝืนใช้พละกำลังขึ้นมา ท่านหู่จะเข้าสู่การหลับลึกเป็นเวลาหลายเดือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในฐานะที่พึ่งสุดท้าย เขาจะต้องไม่ใช้พลังของท่านหู่โดยเด็ดขาด!

ฉู่เชิ่งพยายามสุดความสามารถ เขาหันศีรษะไปด้านข้าง ก่อนสบสายตากับเฉิงไท่ที่อยู่ไกลออกไป

ถึงอย่างไรตนก็เป็นศิษย์เอกของยอดเขาดาบ ท่านเจ้าสำนักเคยมองดูยอดเขาดาบถูกทำลายอย่างจนใจมาแล้ว ย่อมต้องรู้สึกผิดบ้าง วันนี้อีกฝ่ายต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน!

เพียงแต่เมื่อเขาสบตากับเฉิงไท่ สายตาของอีกฝ่ายที่เดิมมองมาก็เบือนหนี ก่อนมองไปทางอื่นแทน

“แหม อะไรกัน รอความช่วยเหลืองั้นหรือ!”

เมื่อเสียงของลู่หยวนดังขึ้น ฉู่เชิ่งเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว พบว่าอีกฝ่ายกำลังถือดาบที่เป็นของเขา พร้อมสายตานั้นกวาดสำรวจมองมา

ในใจของฉู่เชิ่งพลันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา

“เจ้าเพิ่งพูดไม่ใช่หรือว่าอยากฆ่าข้า?”

ทันทีที่สิ้นเสียง ลู่หยวนยกมือขึ้น ดาบในมือขยายใหญ่หลายเท่า พลังของมันพลันแข็งแกร่งกว่าพลังวิถีดาบของฉู่เชิ่ง

สายลมและหมู่เมฆหมุนวน พลังวิญญาณในระยะหนึ่งร้อยจั้งพลันปั่นป่วน ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้รับผลกระทบ จนค่ายกลแทบทั้งหมดเหนือยอดเขาวูบไหว หมู่เมฆเคลื่อนตัวเหนือท้องนภา ฟ้าร้องดังสนั่น พร้อมสายฟ้าสีม่วงสว่างวาบ

แรงกดดันพลันแผ่ซ่านไปทั่วดินแดน ราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน

กร๊อบ! กร๊อบ!

เมื่อเจอกับแรงกดดันดังกล่าว กระดูกทั้งหลายในร่างของฉู่เชิ่งหักอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนกำลังแบกท้องนภาทั้งผืนเอาไว้บนแผ่นหลัง

สติของศิษย์เอกบรรพชนดาบเริ่มเลือนราง เพลิงเหมันต์สงัดในจิตเทวะปรากฏขึ้น ก่อนปกคลุมร่างของฉู่เชิ่งเอาไว้

ลู่หยวนยกมุมปาก

เหอะ!

ต่อให้ซ่อนเพลิงวิญญาณนี้ไปแล้วอย่างไร สุดท้ายมันก็ต้องถูกข้าบังคับให้เอาออกมาอยู่ดีไม่ใช่หรือ?!

เมื่อเห็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินอ่อนบนร่างของฉู่เชิ่งเจิดจ้ามากขึ้น ลู่หยวนจึงเตรียมที่จะถามระบบถึงวิถีของมัน เพียงแต่เขาได้ยินเสียงหนึ่งมาจากท้องนภาไกลลิบ เสียงเย็นชาราวกับธารวิญญาณสวรรค์ลึกลับกำลังไหลลงมาก็ไม่ปาน

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ โปรดหยุดมือก่อน”

ลู่หยวนได้ยินเสียงจึงหันไปมอง พบว่าเหนือความว่างเปล่าปรากฏร่างสง่างามอยู่ไกลออกไป เท้าเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายยืนอยู่บนแท่นดอกบัวสีเขียว

หญิงสาวคนนี้สวมผ้าคลุมหน้า ยากจะมองเห็นรูปโฉมได้ชัดเจน พิศมองไปเห็นแค่สายตาคู่นั้นอันเปรียบดั่งดาราจักร เพียงแค่ยืนอยู่กับที่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมา จนไม่กล้าเข้าใกล้

ราวกับดอกบัวในกลียุค มันตั้งตระหง่านสง่างาม มองเห็นได้แต่ไกล แต่ไม่อาจแตะต้อง!

ทันทีที่หญิงสาวคนนี้ปรากฏตัวขึ้น ศิษย์ทั้งหลายที่กำลังมองอยู่ต่างตกอยู่ในความโกลาหล

“นี่คือศิษย์พี่ชิวชิงหลีไม่ใช่หรือ?! ศิษย์พี่ชิวชิงหลีผู้อยู่อันดับหนึ่งในทำเนียบสวรรค์น่ะหรือ?!”

“ศิษย์พี่ชิวชิงหลีออกจากการเก็บตัวแล้วหรือ?! เมื่อสองปีก่อน ตอนศิษย์พี่ชิวชิงหลีก้าวเข้าสู่ยอดเขาดาบของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ นางบอกว่าจะเก็บตัวสามปีไม่ใช่หรือ? เวลายังไม่ถึงสามปี แต่ศิษย์พี่ชิวชิงหลีออกจากการเก็บตัวก่อนงั้นหรือ?!”

“โห เจ้าไม่เข้าใจหรือ? ฉู่เชิ่งไปค้นหาดินแดนลับหุบเขาเมฆาเมื่อสองปีก่อน ศิษย์พี่ชิวชิงหลีก็ประกาศเช่นกันว่าจะเก็บตัว ตอนนี้ฉู่เชิ่งกลับมาแล้ว ศิษย์พี่ชิวชิงหลีเองก็ออกจากการเก็บตัวเช่นกัน ระหว่างสองคนนี้ เกรงว่าจะมีความรักเสน่หากันดังที่เป็นข่าวลือแน่!”

เมื่อได้ยินดังนี้ ศิษย์ทั้งหลายต่างชำเลืองมองฉู่เชิ่ง พวกเขาต่างอิจฉาริษยา

ลู่หยวนยังคงเฉยชา ก่อนระบบส่งเสียงจะแจ้งเตือนในใจ

[ระบบแจ้งเตือน ชิวชิงหลีคือหนึ่งในผู้กุมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ของวิถีกระบี่ในแผ่นดินหยวนหง ค่าชะตาในตอนนี้คือ 10,000 แต้ม!]

ขณะฉู่เชิ่งได้ยินเสียงของสตรีบนดอกบัวกลียุค ใจเขาก็เป็นสุขท่วมท้น สติเริ่มกลับคืนมาทีละน้อย

นางคือไพ่ใบสุดท้ายที่ทำให้เขายังอยู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!

แม้วันนี้เฉิงไท่ไม่ปกป้องตัวเขา แต่ชิวชิงหลียังสามารถให้การปกป้องเขาได้!

ทันทีที่แท่นดอกบัวสีเขียวใต้เท้านางขยับ ความว่างเปล่าพลันเกิดการผันผวนสักพัก ชั่วเวลาต่อมา นางไปหยุดยืนอยู่ไม่ห่างจากลู่หยวน

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ วันนี้ท่านพอจะละเว้นฉู่เชิ่งได้หรือไม่?”

ลู่หยวนมองกลับมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ดวงตาของเขากำลังวาวโรจน์

ชิวชิงหลีขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบถูกคนอื่นมองเช่นนี้

นางคิดจะเก็บตัวทะลวงขั้น เพียงแต่ยับยั้งใจเอาไว้ เพราะตระหนักได้ว่าฉู่เชิ่งกลับมาถึงแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น ยันต์ฉู่เชิ่งที่อยู่บนร่างของนางสั่นไหวอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นนางจึงออกจากการเก็บตัวบ่มเพาะ รีบรุดหน้ามาที่นี่

เดิมนางคิดว่าผู้ที่สามารถกำราบฉู่เชิ่งได้ย่อมมีความสามารถพอสมควร แต่ยามพบเห็นกับตา แม้อีกฝ่ายจะดูผึ่งผาย แต่ก็มักมากในตัณหาด้วยเช่นกัน!

ชิวชิงหลีไม่ค่อยประทับใจในตัวลู่หยวน บรรยากาศรอบข้างนางจึงเย็นเยือกขึ้นมา ราวกับแสดงความไม่พอใจต่อสายตาไม่แยแสของอีกฝ่าย

นางคลี่ยิ้ม กำลังจะเอื้อนเอ่ยคำ ทว่าพื้นที่เบื้องหน้าพลันสั่นไหว ด้วยร่างในชุดสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า

นางไม่มีเวลาตอบสนอง รู้สึกได้เพียงสายลมอ่อน ๆ ลูบไล้มา มันเย็นยะเยือกยิ่ง

ชิวชิงหลียกมือขึ้นลูบหน้าโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่นิ้วเรียวสัมผัสกลับไม่ใช่ผ้าคลุมหน้าตามปกติ แต่เป็นผิวของตัวเอง

“โฮ่ เจ้าช่างงดงามเสียจริง”

อีกฝ่ายเอ่ยน้ำเสียงค่อนข้างเกียจคร้าน แม้ว่าบุคคลตรงหน้าจะมีรูปลักษณ์หล่อเหลา แต่รอยยิ้มในเวลานี้กลับดูโฉดชั่ว ทั้งยังยียวนต่อสายตา

“เจ้า!”

ถึงแม้ปกติจะมีนิสัยเยือกเย็นดุจสายน้ำ แต่ชิวชิงหลีกลับทั้งเขินอายและเดือดดาลขึ้นมา

เติงถูจื่อ*[1] ผู้นี้กล้ามาเอาผ้าคลุมหน้าผู้อื่นออกได้อย่างไร?!

ยิ่งกว่านั้น การกระทำของเขาเมื่อครู่รวดเร็วมาก แม้แต่นางยังมองเห็นไม่ชัด!

“สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่! ข้าละอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชิวชิงหลีมานานแล้ว!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ช่างเป็นตัวแทนของคนรุ่นเยาว์เสียจริง!”

“ศิษย์พี่ชิวชิงหลีมีพลังอยู่ในระดับสมบูรณ์ของขั้นเทียมเทพ แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กลับเอาผ้าคลุมหน้าของนางออกได้อย่างง่ายดาย การบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน!”

ลู่หยวนยังคงถือผ้าคลุมหน้าของชิวชิงหลีไว้ในมือข้างซ้าย เขาแสยะยิ้ม ก่อนหยิบผ้าคลุมหน้าขึ้นมาแตะจมูกตนเอง

“อื้ม ไม่เลว กลิ่นหอมยิ่งนัก”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ออกความเห็นอย่างแผ่วเบา จากนั้นนำผ้าคลุมหน้าเข้าไปในแหวนเก็บของต่อหน้าทุกคน

เรื่องราวนี้สะท้อนในดวงตาชิวชิงหลี ใบหน้าของนางพลันเผยความอับอาย ผ่านไปชั่วครู่มันจึงเย็นเยือกประดุจน้ำแข็ง

ลู่หยวนกล้าทำให้นางอัปยศถึงเพียงนี้!

ฉู่เชิ่งผู้อยู่ด้านล่างย่อมเห็นเรื่องราวทั้งหมด ดวงตาของเขาในตอนนี้เป็นสีชาด ทั่วร่างกำลังสั่นสะท้าน เพลิงเหมันต์สงัดอันเย็นเยือกยังคงพวยพุ่ง ปกคลุมฉู่เชิ่งอย่างสมบูรณ์

กล้าลวนลามชิวชิงหลีเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา อีกฝ่ายคิดว่าตัวเขา ฉู่เชิ่งคนนี้เป็นคนตายหรืออย่างไร?!

“ลู่หยวน!”

ฉู่เชิ่งบันดาลโทสะออกมา พลังมหาศาลแผ่ซัดกระจายจากร่างกาย พลังที่เคยจองจำกายาเอาไว้สั่นไหว พื้นที่รอบด้านแตกสลายเป็นผุยผง!

[1] เติงถูจื่อ (登徒子) เป็นชื่อคนในประวัติศาสตร์จีนที่ถูกมองว่าเป็นคนทะลึ่งลามก บ้าผู้หญิง