บทที่ 183 ทำผิดก็ต้องชดใช้
ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น สีหน้าของลี่จุนถิงนั้นก็เคร่งเครียดมากขึ้น ก่อนจะพูดเสียงเย็นชา: “อะไรที่เป็นไปได้เหรอ?นี่ยังต้องถามอีกเหรอ?มันแน่นอนอยู่แล้วว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้คนที่รับผิดชอบโปรเจคนั้นเป็นคนทำ ทำเสียจนพวกเราต้องพลิกแผ่นดินหา ถึงจะหาเขาเจอ”
ซู่จี้งยี้ก้มหน้าลง ตอนนี้เขาไม่กล้ามองหน้าของลี่จุนถิง กลัวว่าลี่จุนถิงจะโกรธขึ้นมาอีก
“ฉันว่านะ ของพวกนี้มันเป็นความลับของบริษัท จะรั่วไหลออกมาง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร ต้องเป็นเพราะภายในมีหนอนบ่อนไส้แน่นอน อีกอย่างต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆ ด้วย ถึงเหตุผลมันจะน่าขำก็เถอะ เพื่อเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
ลี่จุนถิงมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน คนแบบนี้เป็นพวกคนที่ทำให้เขาต้องเหยียดหยามมากที่สุดเลย
เมื่อคิดขึ้นได้ว่าคนรับผิดชอบนี้เป็นคนที่เจียงหยุนเอ๋อไปเชิญมาเอง
ในตอนแรกจ้าวเซียวไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ เจียงหยุนเอ๋อต้องไปเชิญมาอีกครั้งถึงจะยอมมาด้วย
ตอนที่จ้าวเซียวเห็นด้วยว่าจะเชิญมาที่บริษัท เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกตื่นเต้นอยู่นาน เชื่อใจเขามากขึ้นไปอีก ปกติการวิจัยและพัฒนาเรื่องใหญ่ๆ ของบริษัทนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็มักจะไปเชิญเขามาสอน และถามความเห็นจากเขา
โดยสรุปแล้ว ตำแหน่งเขาไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงสุดหรืออะไร แต่ก็ถือว่าเป็นตำแหน่องที่สูงอยู่ไม่น้อยเลย
เจียงหยุนเอ๋อเพราะว่าถูกคนลอกเลียนแบบอีกครั้ง เลยคิดว่าน่าจะมีผลต่อจ้าวเซียว แถมยังรู้สึกผิดต่อจ้าวเซียวอีก คิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่เก็บความลับของบริษัทให้ดีๆ เลยทำให้ทุกคนต้องมาเหนื่อยและลำบากเป็นเดือนๆ แบบนี้
ผลสุดท้าย จ้าวเซียวกลับได้ดี แถมกลับมาแว้งกัดด้วย มันเป็นเหมือนเรื่องชาวนากับงูเห่าเลยล่ะ
นิ้วมือของลี่จุนถิงนั้นเคาะลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ
ซู่จี้งยี้จ้องนิ้วมือของลี่จุนถิง และรู้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงเริ่มคิดแผนการแล้ว
“ไป”
ซู่จี้งยี้เงยหน้ามองใบหน้าที่เย็นชาของลี่จุนถิง
“ไปพาไอสารเลวนั่นมา แล้วก็เชิญเจียงหยุนเอ๋อมาด้วย” เมื่อลี่จุนถิงพูดจบก็นั่งเอนพิงเก้าอี้ไป
ซู่จี้งยี้พยักหน้าเบาๆ : “ได้”
เมื่อพูดจบก็ออกจากห้องทำงานไป
ไม่นาน ซู่จี้งยี้ก็พาจ้าวเซียวมา
ในตอนที่จ้าวเซียวเดินเข้ามาในห้องนั้น สีหน้าไร้อารมณ์ของลี่จุนถิงนั้นก็เริ่มหรี่ตามองมา
จ้าวเซียวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองลี่จุนถิง ตอนที่เดินเข้ามาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาเพียงแค่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา
จ้าวเซียวคิดว่าอากาศรอบๆ นั้นมันออกจะเย็นไปสักหน่อย เหงื่อบนร่างกายของตัวเองก็เริ่มแตกออก
ลี่จุนถิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งไขว่ห้าง มือทั้งสองข้างกุมกันเอาไว้ตรงหน้าท้อง พลางพิงเก้าอี้ และมองจ้าวเซียว
ดวงตาของจ้าวเซียวนั้นมองไปรอบๆ อยู่ตลอดเวลา เขากำลังคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้พาตัวเองมาแบบนี้นะ?
อากาศนั้นมันเงียบสงบจนน่ากลัว จ้าวเซียวกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นว่าลี่จุนถิงไม่พูดอะไรเลย จ้าวเซียวเลยรวบรวมความกล้าแล้วเงยหน้าขึ้นมามองลี่จุนถิง
เมื่อเห็นว่าตาของลี่จุนถิงนั้นจ้องมาที่ตัวเอง เหมือนจะมองตัวเองออก
แววตาของจ้าวเซียวนั้นส่องประกาย ก่อนจะรีบผลุบตาลง
ท่าทีของลี่จุนถิงนั้นมันแข็งแกร่งมากจริงๆ ไม่ว่าอย่างไร จ้าวเซียวก็ยังคิดว่ามันน่ากลัวอยู่ดี
ลี่จุนถิงเห็นว่าผลลัพธ์ไม่เลยมาก เลยเริ่มเปิดปากพูดเบาๆ เพื่อลดความเงียบสงัดในห้องทำงานลง: “คุณรู้ไหมว่าฉันเรียนคุณมาที่นี่ทำไม?”
จ้าวเซียวเช็ดเหงื่อที่แก้ม จากนั้นก็ส่ายหัว: “ไม่รู้”
“ไม่รู้จริงๆ เหรอ?” ลี่จุนถิงยิ้มด้วยความดูถูกดูแคลน
จ้าวเซียวส่ายหัวอย่างสุดกำลัง: “คุณชายลี่ ฉันมัวแต่อยู่ในห้องวิจัยตามไตรมาสนี้ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเรียกฉันมาที่นี่ทำไม”
ลี่จุนถิงบ่นพึมพำอย่างเย็นชา หลอกได้หลอกดีจริงๆ
“ถ้าคุณไม่รู้ ฉันจะบอกให้” ลี่จุนถิงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างติดพื้นบานใหญ่
ที่นี่ เขาสามารถเห็นวิวได้ทั้งเมือง เขาในตอนนี้เหมือนกับพระราชา ที่มองดูเมืองที่ครึกครื้นแห่งนี้
“คุณ!” ลี่จุนถิงมองกลับมาที่จ้าวเซียว “กินเงินเดือนจากบริษัท เป็นถึงคนทำวิจัยคนสำคัญภายใน กลับรับเงินใต้โต๊ะคดโกงจากคนอื่น ขายตัวเองกิน ให้บริษัทเซียวซื่อ และสร้างอันตรายให้กับบริษัทในครั้งนี้”
จ้าวเซียวเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พลางมองลี่จุนถิงด้วยความเกรงกลัว เมื่อสบตากับดวงตาน่าหวาดกลัวของลี่จุนถิง ก็ต้องผลุบตาลง
ให้ตายเถอะ หรือว่าคุณชายลี่รู้ทั้งหมดเลยเหรอ?แต่ว่าเรื่องความลับทั้งหมดของบริษัทนี้ทำได้ดีมาก จะไม่ถูกจับได้แน่นอน
ไม่ได้ ฉันจะกลัวไม่ได้ ต้องนิ่งเข้าไว้
จ้าวเซียวทำใจให้สงบ ก่อนจะเปิดปากพูดออกมา: “คุณชายลี่ ฉันว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดแล้วนะ ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย ฉันเชิญผู้จัดการเจียงมาเอง ฉันเลยพยายามช่วยเหลือผู้จัดการเจียง ฉันจะขายบริษัทแบบนี้ได้อย่างไรกัน?มันต้องเกิดความเข้าใจผิดแน่นอน คุณไปตรวจสอบบัญชีของฉันดูก็ได้ ไม่มีเงินเข้าอย่างแน่นอน”
ลี่จุนถิงยิ้มเหยียดหยาม มีแต่คนหน้าด้านเท่านั้นแหละที่ทำเรื่องแบบนั้นได้: “ฉันว่าคุณไม่ต้องพูดถึงผู้จัดการเจียงหรอก คุณคิดว่าคุณทำเรื่องแบบนี้แล้ว คุณยังมีหน้ามาพูดถึงเธออีกเหรอ?”
สักพัก ลี่จุนถิงก็พูดต่อ: “ถ้าคุณรู้ว่าเธอนับถือคุณมากขนาดไหน ทำไมคุณยังมาขายบริษัทกินอีก แล้วทำไมต้องให้บริษัทเซียวซื่อโอนเงินก้อนโตนั้นออกไปนอกประเทศด้วยล่ะ?คุณคิดว่าโอนเงินออกไปแล้วฉันจะตรวจสอบไม่ได้งั้นเหรอ?หึ งั้นคุณคงจะประเมินฉันต่ำไป”
ลี่จุนถิงพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
เมื่อจ้าวเซียวได้ฟังดังนั้นว่าลี่จุนถิงรู้เรื่องที่ตัวเองโอนเงินออกนอกประเทศแล้ว ก็ตกใจใหญ่ สีหน้าที่ทำเป็นอาจหาญในตอนแรกก็ซีดเผือด: “นี่ นี่คุณรู้ได้อย่างไรกัน?”
มุมปากของลี่จุนถิงค่อยๆ เปิดปากขึ้น : “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร?เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก คุณรู้เพียงว่า คุณทำผิด คุณต้องรับผิดชอบ”
เมื่อพูดจบลี่จุนถิงก็กลับหลังหัน ก่อนจะมองออกไปข้างนอก และพูดออกมาว่า: “เข้ามาสิ”
ประตูของห้องทำงานถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เจียงหยุนเอ๋อเดินเข้ามาจากข้างนอก เมื่อเห็นจ้าวเซียวที่อยู่ข้างใน ก็รู้สึกสับสน เพราะไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร
เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูอยู่นานมาก เลยได้ยินที่คุยกันภายในอย่างชัดเจน
เธอไม่กล้าที่จะเชื่อด้วยซ้ำ และก็ไม่อยากเชื่อด้วย ความเชื่อใจที่ตัวเองมีนั้นมันกลับมาทำร้ายทรยศตัวเอง แถมยังทำไปเพราะเงินอีกด้วย
หรือว่าตัวเองทำดีไม่พองั้นเหรอ?
ในตอนนั้นที่เธอมองจ้าวเซียว ก็รู้สึกโกรธ ผิดหวัง และเสียใจ
เจียงหยุนเอ๋อเปิดปากออก ก่อนจะปากลงอีกครั้ง เธอคิดอยู่ว่าจะพูดอย่างไรดี
สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เจียงหยุนเอ๋อจะเปิดปากพูดอีกครั้ง: “จ้าวเซียว คุณทำจริงๆ ใช่ไหม?”
จ้าวเซียวมองเจียงหยุนเอ๋อ และไม่ได้พูดอะไร
เจียงหยุนเอ๋อเห็นว่าจ้าวเซียวไม่ตอบ เลยถามอีกครั้ง: “จ้าวเซียว คุณบอกฉันมา ว่าใช่คุณจริงๆ หรือเปล่า?”
เจียงหยุนเอ๋อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าขะได้ยินคำว่าไม่ ออกมาจากปากเขา แต่ว่าความจริงมักจะโหดร้ายกว่าความฝันเสมอ