ตอนที่ 207(2) โดมป้องกัน

ตอนที่ 207(2) โดมป้องกัน

ระหว่างทางไปตงหยาง คนรู้จักหรือคนที่ไม่คุ้นเคยหลายคนรู้ว่าเขากำลังจะไปตงหยาง จึงได้ขอให้เขาสอบถามเกี่ยวกับเถาหยาง

จี้ป๋อต๋าบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผู้คนอยากรู้ แต่เนื่องจากคำนึงถึงชื่อเสียงของเถาหยาง เขาจึงไม่ได้พูดอะไรที่ละเอียดลึกซึ้งมากนัก

เขาวางแผนว่าเมื่อเขาไปถึงเขาจะถามซูเถาว่ามีเสบียงเพียงพอหรือเปล่า จากนั้นจึงจะไปให้คำตอบที่ถูกต้องแก่ผู้ที่ถาม

ขอแค่เสบียงไม่ขาด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ผู้คนขุ่นเคืองได้ง่าย

ทางด้านของเขา เมื่อเขาพิจารณาเถาหยางอย่างรอบคอบและทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ แต่ลูกชายของเขากลับใช้โอกาสนี้พูดกับคนที่มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเถาหยาง

“เถาหยางน่ะเหรอ? ผมแนะนำว่าอย่าไปเลย ผมไปเถาหยางกับพ่อครั้งล่าสุด ได้พบกับเถ้าแก่ของที่นั่น ผมคิดว่าเถ้าแก่เถาหยางนิสัยไม่ดี และไม่น่าเชื่อถือถ้าเราจะไปติดต่อขอซื้อเสบียง การไปที่เถาหยางอาจเสียทั้งเงินเสียทั้งคน…”

แต่ทุกคนไม่เชื่อคำพูดของเขาและถามเขาว่า

“ได้ยินมาว่าครั้งนี้พ่อของคุณไปที่เถาหยางอีกครั้ง การที่คุณพูดแบบนั้นเพราะคุณไม่ต้องการให้เราซื้อเสบียงใช่หรือเปล่า”

จี้ไฉเจ๋อสะอึก

“ลืมไปเลย คุณไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้ตั้งแต่แรก เราไม่ควรมาถามคุณให้เสียเวลา”

จี้ไฉเจ๋อหน้าเสีย

มีเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเสบียงอย่างต่อเนื่อง และผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็มีความสงสัย

แต่ตอนนี้โดมป้องกันของเถาหยางถูกสร้างขึ้นแล้ว เธอไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ดังนั้นจึงไม่สนใจข่าวเชิงลบเหล่านี้มากนัก

เมิ่งเชียนโกรธมาก เธอบอกว่ามีคนส่งจดหมายมาที่อีเมล์ทางการของเถาหยาง มีความหมายอย่างคร่าว ๆ ว่าซูเถาเป็นคนโกหก โกงเพื่อนร่วมชาติ ในตอนที่มนุษย์ทุกคนกำลังต่อสู้กับซอมบี้เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน แต่ซูเถากลับไม่ยอมช่วยเหลือ เธอเหมือนอาชญากร

มันต้องมีคนมาขอซื้อเสบียงอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีใครมาซื้อก็แสดงว่าไม่มีเสบียง

จวงหว่านพูดด้วยความโกรธ “คนพวกนี้กล้าดียังไงมาใส่ความเราโดยไม่มีหลักฐาน”

เฉียนหรงหรงลังเลและพูดว่า

“อาจเป็นได้ว่าภาพโปรโมทของเราถ่ายออกมาดีเกินไป ทำให้พวกเขาคิดว่ามันปลอม และพวกเขาคิดว่ามันเป็นหลุมพราง

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

ฟ่านฉวนฮุยกำลังส่งต่อรูปโปรโมทอย่างมีความสุข “…ความผิดของผมหรอ? ”

ซูเถายกหัวข้อนี้เพื่อไปประชุมพูดคุยเกี่ยวกับสถานีขนส่งเถาฉือที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่

“ฉันวางแผนที่จะสร้างกองกำลังป้องกันตนเองที่นั่น และเราอาจย้ายเสี่ยวป๋อและมี๋อู้ไปที่นั่น”

ชีอวิ๋นหลันเห็นด้วย เธอไม่ได้สนใจว่าคนของเธอจะถูกย้ายออกไป แต่กลับรู้สึกโล่งใจแทน

การดูแลผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติมันไม่ใช่เรื่องง่าย

เมิ่งเสี่ยวป๋อเป็นคนง่าย ๆ นิสัยดี ไม่ชอบสร้างปัญหา ดังนั้นจึงดูแลปกครองเขาได้ไม่ยาก และแม้ว่ามี๋อู้จะเชื่อฟังคำสั่งของเธอ แต่ชีอวิ๋นหลันก็รู้ว่าเขาไม่ได้จริงจังกับเธอเท่าไหร่

พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ที่มีพลังวิเศษมีท่าทีที่หยิ่งยโสกับผู้ที่เป็นคนธรรมดาไม่มีพลังหรือความสามารถอะไร

แต่แน่นอนว่ายกเว้นท่าทีที่มีต่อเถ้าแก่ซู

ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากเถ้าแก่ซู และพวกเขาไม่จำเป็นต้องฟังใคร แต่พวกเขาจะเชื่อฟังเถ้าแก่ซู

จวงหว่านและคนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำว่า “กองกำลังป้องกันตนเอง? พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนกับกลุ่มเป้าถูเหรอ?”

ซูเถาพยักหน้า “คล้ายกันค่ะ แต่ความแข็งแกร่งนั้นไม่แข็งแกร่งเท่ากลุ่มเป้าถูอย่างแน่นอน เพราะว่าตอนเริ่มก่อตั้งกองกำลังไม่น่าจะมีคนมาก และต้องใช้เวลานานในการสรรหาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อเข้าร่วม”

เฉียนหรงหรงมั่นใจในเถาหยางเสมอมา “เรามีสวัสดิการที่ดีแบบนี้ เราต้องดึงดูดผู้ที่มีพลังวิเศษมากมายให้เข้าร่วมได้อย่างแน่นอน”

ทุกคนเห็นด้วยและรู้สึกว่ากองกำลังรักษาตนเองจะสามารถแข็งแกร่งและไล่ตามกลุ่มเป้าถูได้

ซูเถา “…ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่ามั่นใจเกินไป…”

จวงหว่านยกมือขึ้นและตะโกนว่า “เรามีสิ่งที่เป็นโดมป้องกันอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องมีกองกำลังปกป้องตนเองอีก”

ทุกคนถามขึ้นอีกครั้ง

ซูเถาไม่สนใจพวกเขาและถามมี๋อู้ว่า “สวีฉีเป็นยังไงบ้างคะ”

มี๋อู้ยังคงคร่ำครวญถึงสถานีเก่าที่ตั้งมานานกว่าสิบปีได้เปลี่ยนมือไป เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ความสามารถไม่เลว แต่เขาเป็นคนไม่ต่อสู้หรือทะเยอทะยาน ในช่วงปีแรก ๆ เขาดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าที่สถานีเก่า แต่หลังจากที่ชวีจิ้งอวิ๋นเข้ามา สวีฉีเห็นว่าเธอมีความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นที่จะชนะเพื่อเอาตำแหน่งรองหัวหน้า เขาเลยปล่อยให้เธอได้ตำแหน่งนั้นไป และเขาก็เลือกที่จะหันหลังให้กับตำแหน่งของเขา”

“ใช้ได้ใช่ไหมคะ?”

มี๋อู้คิดทบทวนและพูดว่า “ใช้ได้ แต่ผมไม่รู้ว่าเขายังมีพลังงานอยู่หรือเปล่าเนื่องจากเขามีอายุมากแล้ว”

จู่ ๆ เมิ่งเชียนก็พูดว่า “ลุงสวีเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สนับสนุนการช่วยเหลือพ่อของฉัน ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดี”

ซูเถายิ้มและแสดงความเข้าใจ

เมิ่งเชียนกระซิบอีกครั้ง “พี่จิ้งอวิ๋นก็เช่นกัน”

ซูเถาถามด้วยความสนใจ “ชวีจิ้งอวิ๋นสนับสนุนการช่วยเหลือพ่อของเธอในตอนแรกด้วยเหรอ?”

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น เมิ่งเชียนยังคงกังวลเล็กน้อย เธอพยักหน้าและพูดว่า

“ใช่ ฉันได้ยินพวกเขาเถียงกันในสำนักงาน พี่จิ้งอวิ๋นพูดข้อดีของพ่อฉัน เธอเอาแต่พูดถึงการทุ่มเทของพ่อฉันที่มีต่อสถานีเก่า แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ฟัง”

“เถ้าแก่ซู ฉันคิดว่าพี่จิ้งอวิ๋นก็เป็นคนที่มีประโยชน์เช่นกัน เธอมีความทะเยอทะยาน แต่เธอก็เป็นคนตรงไปตรงมา ตอนแรกเธอทำดีกับถานหย่งเพราะว่าเธออยากจะมีความก้าวหน้า แต่ต่อมาเธอก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยถานหย่งออกมา และจัดการเรื่องต่าง ๆ ของสถานีเก่าอย่างกล้าหาญ”

ซูเถาพยักหน้า “เข้าใจแล้ว งั้นเราจบการประชุมไว้แค่นี้ก่อน”

หลังจากการประชุม มี๋อู้ก็อดไม่ได้ที่จะบอกลูกสาวของเขาว่า

“เถ้าแก่ซูมีวิจารณญาณของเธอเองว่าเธอต้องการจ้างใคร ลูกไม่ต้องพูดมาก เข้าใจไหม”

เมิ่งเชียนพยักหน้ารับทราบ

เธอรู้ว่าอะไรควรไม่ควร

เพียงแต่เธอจำความมีเมตตาที่พี่จิ้งอวิ๋นมีต่อเธอได้ พี่จิ้งอวิ๋นปกป้องเธอมาโดยตลอด และการพูดเพื่อเธอครั้งนี้เป็นการตอบแทนความกรุณา

ส่วนผลลัพธ์นั้น…เธอไม่สามารถควบคุมมันได้

มี๋อู้ถอนหายใจ

“พ่อรู้ว่าลูกต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่ตอนนี้เราคือคนของเถ้าแก่ซู เถ้าแก่ซูต้องเป็นคนแรกในการตัดสินใจทุกอย่าง อย่าเข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของเธอ หลังจากที่เธอตัดสินใจแล้ว ลูกค่อยช่วยจิ้งอวิ๋นพูดในสิ่งดี ๆ ของเธอให้เถ้าแก่ฟัง”

เมิ่งเชียนฟังคำสั่งสอนอย่างเชื่อฟัง

เจียงอวี่ได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อและลูกสาวอย่างชัดเจนในความมืด และเขาก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ซูเถาฟัง…