ตอนที่ 208 ราคามิตรภาพ

ตอนที่ 208 ราคามิตรภาพ

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “สองพ่อลูกนี้น่าสนใจจริง ๆ”

มี๋อู้มีความภักดี และสำหรับเขาไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเจ้านาย

เมิ่งเชียนให้ความสำคัญกับความรัก และเธอจะเก็บความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ในใจ

มันไม่มีอะไรถูกหรือผิด แต่ในใจของทั้งสองก็มีความคิดขัดแย้งกันอยู่ เนื่องจากมองคนละมุม ซูเถาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ เธอรู้วิธีจัดการเรื่องของชวีจิ้งอวิ๋นแล้ว

หากเธอไม่มีความคับข้องใจและตั้งใจที่จะยอมจำนน เธอก็จะจัดหางานที่เหมาะสมให้เธอในเถาหยางให้เธอลองทำดูก่อน

หากมีความแค้นมากและรอโอกาสที่จะตอบโต้ เธอจะฆ่าทันที

ตอนนี้เธอรอให้หม่าต้าเพ่าเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย และรอฟังความคิดเห็นของเธอ

“ตอนนี้มีใครที่น่าสนใจบ้าง”

ซูเถากำลังครุ่นคิดบางอย่าง เสียงของเหลยสิงก็แทรกเข้ามา

เธอมองเขาอย่างพิจารณา “วันนี้คุณดูน่าสนใจมาก หายากที่คุณจะแต่งตัวแบบนี้”

ปกติแล้วเหลยสิงก็เป็นคนที่แต่งตัวดูดี เขามักจะสวมเสื้อกั๊กและกางเกงขาสั้นเผยผิวสีข้าวสาลี ซึ่งทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

แต่วันนี้เขาสวมกางเกงคาร์โก้สีกากีแบบหลวม ๆ

เหลยสิงยิ้มและถามว่า “ดูดีไหม”

ซูเถาพยักหน้าอย่างเป็นกลางและพูดว่า “คุณดูดี คุณรูปร่างสูง เมื่อคุณใส่กางเกงคาร์โก้และรองเท้าบูทสั้น มันดูดีมากเพราะได้โชว์ขาอันเรียวยาวของคุณ”

เหลยสิงพอใจกับการประเมินนี้มาก จึงพูดอย่างมีความสุข

“แต่ก็ใส่ได้แค่ที่นี่แหล่ะ เพราะถ้าใส่แบบนี้ออกนอกเถาหยาง คงได้หมดสติไปภายในเวลาไม่กี่วินาที คุณมีโดมป้องกันแบบนี้อีกไหม ผมอยากจะมีมันในพื้นที่ที่ผมดูแล”

ซูเถา “…มี แต่เป็นอีกราคาหนึ่งนะ”

ราคาของโดมป้องกันคือ 1 ล้านเลียนปังต่อ 1,000 ตารางเมตร

หลังจากสร้างเกราะป้องกันของเถาหยางแล้ว ตอนนี้เธอกำลังส่งเสียงออกมาอย่างน่าสงสาร นับประสาอะไรกับเงินหนึ่งล้าน เธอไม่มีแม้แต่เงินหมื่นด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ แพลนที่จะสร้างโรงอาหารขึ้นใหม่ การขยายภูเขาผานหลิวและปรับปรุงเถาฉือ ก็ต้องถูกระงับไว้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เธอยังขาดอีก 6 ล้านเหลียนปัง เพื่อจะได้อัปเกรดในครั้งหน้า เธอต้องเริ่มสะสมเงินใหม่อีกครั้ง

เหลยสิงถามด้วยความมั่นใจ “เท่าไหร่? 10 ล้านเหลียนปังพอหรือเปล่า?”

ซูเถา “…”

เธอพูดอย่างเศร้าใจว่า “ทำไมพวกคุณถึงรวยกันจัง”

เหลยสิงคิดเกี่ยวกับคำถามของเธออย่างจริงจัง

“พวกเรามีรายได้สูง แต่ใช้จ่ายน้อย”

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “รับงานครั้งหนึ่งทำเงินได้เยอะขนาดนี้เลยหรือ”

ไว้รอเธอก่อตั้งกองกำลังปกป้องตนเองขึ้นมาก่อน แล้วมาขยับขยายกิจการดีกว่า

เหลยสิงไม่ถ่อมตัว

“กลุ่มเป้าถูของเรามีชื่อเสียงมากในทางใต้ ผู้ที่มาจ้างงานเราล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีเงินและเสบียงเป็นจำนวนมาก หากเป็นทีมทหารรับจ้างเล็ก ๆ ธรรมดา อาหารและเสื้อผ้าคงมีปัญหาอยู่บ้าง และแม้แต่เงินพิเศษที่ได้รับจากคำสั่งเดียวก็ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาในการรักษาบาดแผลที่พวกเขาได้รับ”

ซูเถาคิดกับตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่เกรงใจ และต้องหวังผลประโยชน์จากคนกันเองอยู่แล้ว

“งั้นฉันจะให้ส่วนลดครึ่งนึง เหลือ 5 ล้าน”

เหลยสิงรู้สึกสะเทือนใจมาก “คุณไม่จำเป็นต้องให้ราคาพิเศษกับผมหรอก เอาราคาปกติ”

ซูเถาไม่บ้าพอที่จะโกงราคาเขาถึงสิบเท่า ดังนั้นเธอจึงโบกมืออย่างรวดเร็ว

“ไม่ไม่ไม่ ก็แค่ 5 ล้านนั่นแหละ เราคนกันเองนะ”

เหลยสิงไม่กลัวการใช้เงิน แต่เขากลัวกระทบความสัมพันธ์กับซูเถามากกว่า ดังนั้นเขาจึงตกลงทันทีและขอให้ต้าจุ่ยโอนเงินให้เธอในวันนั้นทันที

เมื่อซูเถาเห็นเงิน 5 ล้านเหลียนปังถูกโอนเข้าบัญชี พลันยิ้มกริ่มในใจ แต่ก็รู้สึกบาปทางใจเล็กน้อย

ดังนั้นเธอจึงเลื่อนการก่อสร้างพื้นที่ของกลุ่มเป้าถูไว้เป็นกำหนดการแรก ๆ ของตารางการทำงาน และวางแผนที่จะเริ่มก่อสร้างเมื่อได้การออกแบบมาจากผู้อาวุโสเหม่ย

แต่ก่อนหน้านั้น ยังมีงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องทำ นั่นคือการสร้างห้องของเนี่ยซือป๋อ สวีฉี และอลิซ

ทั้งเนี่ยซือป๋อและสวีฉียินดีที่จะย้ายครอบครัวไปที่เถาหยาง

ตามขนาดครอบครัวของพวกเขา ซูเถาจึงสร้างห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องนั่งเล่น และ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นสำหรับพวกเขา

การหักส่วนต่างจากค่าเช่าแต่ละเดือนก็จะไม่เท่ากัน เนื่องจากรูปแบบของห้องพักนั้นต่างกัน

ห้องของทั้งสองคนเธอจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่อลิซ…

ซูเถาปวดหัวกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ เธอไม่สามารถสื่อสารได้เลย ยากกว่าฟางจือในตอนแรก

เมื่อเธอถูกพามาที่เถาหยาง เธอก็วิ่งไปรอบ ๆ และไปโดนตัวหมากรุกของชายชรากู้ที่กำลังเล่น ทำให้ชายชราโวยวายและชี้เธอด้วยไม้เท้า

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้อาวุโสเหม่ยก็วางหมากรุกลงทันที และหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คุณย่าเฉินเห็นว่าเธอหน้าตาดีและรู้สึกสงสารเธอจึงพาเธอกลับบ้าน และหาอะไรให้เธอกิน

และคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับมื้ออาหารนี้ จู่ ๆ ร่างกายของอลิซก็เริ่มกระตุก ม้วนตัว และกรีดร้องแปลก ๆ ขณะที่เธอกำลังถือช้อน คุณย่าเฉินกลัวจนถอยหลังไปสองก้าวจนชนเข้ากับเก้าอี้ จนกระดูกก้นกบของเธอหัก

โชคดีที่คุณหมอจงอยู่ที่นั่น ทำให้คุณย่าเฉินได้รับการดูแลจากเขาโดยไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากเกินไป

แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้คนเช่าเถาหยางเริ่มต่อต้านอลิซเช่นกัน

ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพาเธอกลับไปที่เถาฉือ และขอให้อู๋เจิ้นปลูกต้นไทรใหญ่ในเถาฉือ และสร้างบ้านไม้หลังเล็กบนต้นไม้

อลิซชอบมันมาก เด็กหญิงตะลึงเมื่อเห็นมัน และปีนขึ้นไปในวินาทีต่อมา

สวีฉียิ้มและแนะนำว่า “เถ้าแก่ คุณลองอนุญาตให้เธอใช้พลังวิเศษได้สิ มันจะมีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้น”

ซูเถารู้สึกสงสัยเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่เธอก็ลองอนุญาตให้อลิซคนเดียว

ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ซูเถาก็อ้าปากกว้างและเห็นกระต่ายสีขาวตัวเล็ก ๆ กระโดดขึ้นลงรอบ ๆ ต้นไทร บางตัวสวมแว่นตาและหมวก และบางตัวสวมนาฬิกา

เมื่อเธอเอื้อมมือไปแตะกระต่ายน้อย มันก็หายไปทันทีที่ถูกเธอสัมผัส

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าคืออลิซที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้จู่ ๆ ศีรษะของเธอก็เริ่มพองออก ซูเถาคิดว่ามันกำลังจะระเบิด ในขณะที่เธอกำลังจะตะโกน อลิซก็ลอยขึ้นในอากาศเหมือนบอลลูน…

จากนั้นเธอก็ตกลงบนหลังคาบ้าน และหัวก็ค่อย ๆ เล็กลงราวกับถูกปลดลมออก…

ซูเถาตกตะลึง

สวีฉีอุทานว่า “ทุกครั้งที่ผมดู ผมรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ เหมือนผมบังเอิญเข้าไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายไร้สาระ”

ซูเถาปิดปากและพยักหน้าเห็นด้วย

หลังจากจัดการเรื่องอลิซแล้ว ซูเถารีบใช้เงิน 2.4 ล้านเหลียนปังเพื่อสร้างโดมป้องกันสำหรับภูเขาผานหลิว เถาฉือ และพื้นที่ที่กลุ่มเป้าถูเช่า

ตอนนี้ดินแดนทั้งหมดภายใต้เขตอำนาจของเธอจึงได้รับการปกป้องเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่ต้องหวาดกลัวโบนวิงส์และสัตว์ประหลาดเลื้อยคลานเหล่านั้นอีกแล้ว

ซูเถาผ่อนคลายลงอย่างมาก ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องกังวลกับอันตรายที่คาดเดาไม่ได้

เป็นที่คาดกันว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าพื้นที่ที่เธอดูแล

เธอเพิ่งจะเริ่มปล่อยวางกับเรื่องนั้น แต่ในขณะเดียวกันจงเกาอี้ก็ได้รับความโกรธเกรี้ยวของใครบางคน

“วันที่ 25 แล้วนะจงเกาอี้! นายไม่ได้ใส่ใจคำพูดของฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”

“เขตสุ่ยฝูเพิ่งล่มสลาย และไม่นานซอมบี้ก็คงบุกมาถึงเขตตะวันออก ฉันมีคนที่ต้องดูแลถึงสามพันชีวิต ได้ยินไหมจงเกาอี้! สามพันชีวิต นายอยากเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตาหรือไง?”

“ยังไม่รวมพี่น้องที่มาจากสถานีเก่าด้วย แก่สุดอายุยี่สิบสองปี และเด็กสุดอายุเพียงสิบสองปี! พวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัยในตงหยาง เพื่อหาบ้านให้พวกเขา ฉันต้องปล้นและยึดครองพื้นที่ ต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อ นายอยากเห็นพวกเขาบาดเจ็บสาหัสและพิการไปชั่วชีวิตไหม”

ใบหน้าของจงเกาอี้ซีดเซียว แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา