ฟู้เจียนปอยืนอยู่ข้าง ๆเธอ และเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจมากจนพูดไม่ออก
ในเวลานี้ สือมูเฉินเดินกลับมาหลังจากโทรศัพท์เสร็จ และเมื่อเขาเห็นในตู้เซฟนั้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับทองคำที่อยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาก้มลงหยิบจี้รูปผีเสื้อสีทองประดับทับทิมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และมองสำรวจมันอย่างละเอียดอยู่สักครู่
เห็นอีกด้านหนึ่งของผีเสื้อนั้นมีตำแหน่งหนึ่งสะดุดตามาก บนท้องของผีเสื้อมีดอกกล้วยไม้ที่โดดเด่นสวยงามมากอยู่หนึ่งดอก
ในใจของเขาเหมือนรับรู้อะไรบางอย่าง เขายกตู้เซฟขึ้นมาแล้วพูดกับหลานเสี่ยวถางว่า: “เสี่ยวถาง คุณรวยแล้ว”
หลานเสี่ยวถางเดินตามหลังสือมูเฉิน: “มีคนส่งมาผิดที่หรือเปล่าคะ?มูเฉิน เราจะนำมันกลับบ้านแบบนี้มันไม่เป็นไรจริง ๆเหรอคะ?”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกไม่ช้าคุณก็จะรู้ว่าใครเป็นคนส่งมันมา” สือมูเฉินรู้สึกว่าเขายกคนเดียวมันก็หนักไม่เบาแหะ และเขาก็แบกตู้เซฟไปที่ห้องรับแขกด้วยความยากลำบาก
เฉียวโยวโยวเพิ่งทานแพนเค้ก เธอก็เห็นการเคลื่อนไหวและรีบเดินไปดู เธออดไม่ได้ที่จะตกใจ: “พี่สือคะ เวลาบ้านคุณซื้อเครื่องประดับต้องซื้อยกกล่องมาแบบนี้เลยเหรอคะ?นี่มันเป็นเศรษฐีชัด ๆเลยนะเนี่ย!”
“เฉียวโยวโยว คุณชอบมันไหม?” ในขณะนี้ เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูเฉียวโยวโยว เฉียวโยวโยวหันหน้าไปมอง และเห็นฟู่สีเกอกำลังเดินมาและไม่รู้ว่าเขาไปแต่งตัวตอนไหน และด้านหลังเขายังมีซูสือจิ่นเดินตามหลังเขามาด้วย
“ทองคือเงิน ใครไม่ชอบมันล่ะ?” ในเวลานี้เฉียวโยวโหยวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อเห็นฟู่สีเกอ ดังนั้นเธอจึงรีบหันไปหาหลานเสี่ยวถางและพูดว่า: “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
หลานเสี่ยวถางมองไปที่สือมูเฉินด้วยความรู้สึกมึนงงและสับสนเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามไม่นานโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงทำท่าทางให้เงียบ และเดินไปอีกทางเพื่อกดรับสาย
“ถางถาง!” เสียงของเย่เหลียนอีดังมาจากปลายสาย: “แม่ได้ยินว่าลูกกำลังปาร์ตี้กับเพื่อน ๆอยู่ ดังนั้นแม่จึงมอบกล่องเครื่องประดับทองคำไปให้ลูกโดยเฉพาะ ถ้าลูกพอใจคนไหน ลูกก็สามารถเลือกให้พวกเธอได้เลย แต่ในนั้นมีจี้ผีเสื้อทับทิมมีกล้วยไม้เอาสลักไว้ จี้อันนั้นสำหรับลูกโดยเฉพาะ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ลูกจะจัดการนะจ๊ะ”
หลานเสี่ยวถางตกตะลึง: “คุณแม่คะ หนูแค่ออกมาเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อน ๆเท่านั้นเองนะคะ”
“ไม่เป็นไร สิ่งที่ honor ไม่ขาดนั้นก็คือทองคำ” น้ำเสียงของเย่เหลียนอีพูดอย่างภาคภูมิใจมาก: “รอเมื่อถึงวันแต่งงานของลูกกับมูเฉิน เดี๋ยวคุณแม่จะให้ของขวัญชิ้นใหญ่มอบให้ลูกอีกครั้งนะ ของขวัญชิ้นเล็ก ๆเหล่านี้ ถือซะว่าหนูมอบให้กับเพื่อนรักของหนูเล่น ๆแล้วกันนะ!”
หลานเสี่ยวถางตกตะลึงจนแลบลิ้นออกมา ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของชิ้นเล็ก ๆเหรอคะ แล้วถ้าชิ้นใหญ่จะขนาดไหนกันคะ?
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเธอเพิ่งพูดกับเย่เหลียนอีบนอินเทอร์เน็ตเมื่อหลายวันก่อนว่าพวกเขาซื้อบ้านใหม่ และวางแผนที่จะชวนเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านและสังสรรค์ด้วยกัน แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่า……
“คุณแม่คะ แต่ด้วยทองคำมากมายขนาดนี้ คุณแม่ให้พนักงานส่งพัสดุด่วนมาส่งแบบนี้เหรอคะ……” หลานเสี่ยวถางรู้สึกตะลึงเล็กน้อยจนไม่รู้ว่าจะหัวเราะออกมาดีหรือร้องไห้ดี
“การจัดส่งพัสดุด่วนก็เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือจากสาขาย่อยของ honor เช่นกัน” เย่เหลียนอีกล่าวว่า: “แม่แค่อยากจะเซอร์ไพรส์ลูกเท่านั้น ดังนั้นแม่จึงใช้กล่องห่อมัน”
“คุณแม่คะ ขอบคุณคุณแม่มากนะคะ!” หลานเสี่ยวถางรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก ไม่ใช่เพราะคุณค่าของทองคำนั้นหรอกนะ แต่เพราะคำพูดธรรมดาๆ ของเธอประโยคเดียวเท่านั้นเย่เหลียนอีก็จะเก็บมันไว้ในใจอยู่เสมอและยังคิดแทนเธอทุกเรื่อง
แบบนี้คือความรักและความห่วงใยของคนที่เรียกว่ามารดาใช่หรือเปล่า? มุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
หลังจากวางสาย เธอเดินกลับไปที่ตู้เซฟ หยิบจี้ออกมาแล้วพูดกับเฉียวโยวโยวและซูสือจิ่นว่า: “โยวโยว สือจิ่นนี่คือของขวัญของที่ฉันจะมอบให้กับพวกเธอ ถ้าพวกเธอเห็นแล้วชอบชิ้นไหนก็เลือกตามใจชอบเลยนะจ๊ะ!”
เฉียวโยวโยวกระพริบตา: “เสี่ยวถาง นี่เธอไม่ได้ปล้นมาใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม เธอรู้ว่าวันนี้เป็นคนกันเองหมด ดังนั้นเธอจึงพูดว่า: “ความเป็นจริงนั้นคุณแม่ของฉันเป็นคนส่งมาให้ฉันน่ะ”
เฉียวโยวโยวพูดด้วยความประหลาดใจ: “เสี่ยวถาง คุณแม่ของเธอ?! โอ้พระเจ้า คุณแม่ของเธอเป็นใครกันนะ ทำไมท่านถึงใจกว้างได้ขนาดนี้?!”
ฟู่สีเกอชั่งน้ำหนักกล่องและเปิดปากของเขา: “น้ำหนักของมันประมาณเกือบ 20 กิโลเลยนะ ตามราคาตลาดปัจจุบัน ทอง 233 หยวนต่อหนึ่งกรัม และ20 กิโลเท่ากับ 20,000 กรัม ราคาทองคำบริสุทธิ์เหล่านี้มีมูลค่ามากกว่า 4 ล้านเลยนะเนี่ย และนี่ยังไม่รวมค่าบำเหน็จนะและฝีมือของพวกเขาก็ไม่เลว โดยปกติราคากรัมละ 288 กว่าๆ ฉะนั้นราคารวมค่าบำเหน็จก็ประมาณ 5 ล้านกว่า ๆแล้ว”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกอายเล็กน้อย: “ที่แท้ราคามันมูลค่าสูงขนาดนี้เลยเหรอ……”
“คุณแม่มอบให้ก็ดีแล้ว” ฟู่สีเกอพูดใส่สือมูเฉิน:“ไม่เช่นนั้น อาเฉินเอ้ย ฉันคงคิดว่ามีใครบางคนสนใจภรรยาของนายอยู่ นี่จะแย่งภรรยานายกันง่าย ๆแบบนี้เลยเหรอ!”
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าโยวโยวเหมาะกับสร้อยข้อมือนี้ และต่างหูคู่นี้……” หลานเสี่ยวถางหยิบหลายชิ้นจากนั้นยัดไปให้เฉียวโยวโยว: “ยังไงก็จะแต่งงานแล้วนี่ คิดซะว่ามันเป็นสินสอดทองหมั้นจากครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวแล้วกันเน้อ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฟู่สีเกอก็มองไปที่เฉียวโยวโยวโดยไม่รู้ตัว และหรี่ตาลงเล็กน้อย
จากนั้น หลานเสี่ยวถางก็เลือกส่วนหนึ่งเพิ่มเติมให้สำหรับซูสือจิ่น แม้ว่าเธอจะรู้จักกับซูสือจิ่นเพียงแค่หนึ่งวัน แต่ว่าเธอรู้สึกว่าซูสือจิ่น เป็นคนตรง ๆและไม่ขี้อิจฉา และเธอก็รู้สึกถูกชะตากับเธอไม่น้อย
หลังจากนั้น ทุกคนก็พูดคุยและหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ซูสือจิ่นก็กลับไปที่ตระกูลซู ฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยวก็แยกย้ายกับกลับบ้านแล้ว
สิ้นสุดวันหยุดสุดสัปดาห์ หลานเสี่ยวถางก็กลับไปทำงานอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น หลานเสี่ยวถางเขียนโปรแกรมอยู่พักหนึ่ง แล้วมองลงไปที่สร้อยข้อมือหยกบนข้อมือซึ่งเย่เหลียนอีเป็นคนซื้อให้เธอจากการไปช็อปปิ้งในวันนั้น
ดังนั้นเมื่อเธอกลับบ้านในวันนั้น เธอจึงมอบเครื่องประดับที่เหมาะกับวัยของเย่เหลียนอีให้กับเย่เหลียนอีอีกหลายชิ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้กำลังดีขึ้น และในที่สุดเธอก็โล่งใจและเตรียมตัวสำหรับวันที่จะได้พบกับคุณพ่อที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆนี้
มองดูนี่ก็วันที่ 1 แล้ว กว่าจะถึงวันที่ 7 ยังเหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ ในวันนี้หลานเสี่ยวถางได้ยินเย่เหลียนอีพูดว่า เวลาว่างคุณพ่อของตัวเองนั้นคุณพ่อชอบตกปลามาก ดังนั้นเธอจึงไปซื้อคันเบ็ดนำเข้าจากเพื่อนของสือมูเฉินที่สือมูเฉินแนะนำมา
เธอวางคันเบ็ดไว้ในรถ และกำลังจะสตาร์ท เธอได้รับโทรศัพท์จากหลานเล่อซิน
*
นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็เริ่มทำดีกับหลานเสี่ยวถาง โจวเหวินซิ่วรู้สึกว่าสือมูฉินเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเธอนั้นมันดีขึ้นมาก แม้ว่าเดิมทีเขาจะเคารพและดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขานั้นดูแลเอาใจใส่มากขึ้นกว่าเดิมอีก
อย่างไรก็ตาม ในใจของเธอกลับรู้สึกทรมานใจเพราะความดีของเขาแบบนั้น
ลูกชายของเธอเปลี่ยนไปเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า? เป็นไปได้ไหมว่าคนแปลกหน้าอย่างหลานเสี่ยวถาง จะมาสู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำได้ ?
เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ เฉพาะในเวลาว่างของเธอเท่านั้น เธอจะโทรนัดหลานเล่อซินเพื่อไปเดินเที่ยวเล่นกัน
ในวันนี้ หลังจากซื้อของมาทั้งวัน เธอกลับถึงบ้านรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงนอนบนโซฟาในห้องนอน
วันนี้สือมูเฉินอาจต้องกลับมาเอาเอกสาร ดังนั้นตอนบ่าย 3 โมงเขาก็กลับมาถึงบ้านแล้ว
เมื่อเขาเดินเข้ามา เขาไปที่ห้องของโจวเหวินซิ่วเพื่อดูเธอ แต่เขาไม่เห็นใครอยู่บนเตียง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าโจวเหวินซิ่วไม่ได้อยู่ที่บ้าน เขาดื่มน้ำในห้องรับแขก และกลับไปห้องหนังสือ และเริ่มโทรศัพท์
ความเป็นจริงตอนที่สือมูเฉินกลับมาถึงโจวเหวินซิ่วเกือบตื่นแล้ว เธอได้ยินการเคลื่อนไหวและต้องการเรียกเขา แต่เขาออกไปก่อน
หลังจากนั้น สือมูเฉินได้จัดเรียงแฟ้มเอกสาร จนกระทั่งเขาได้รับโทรศัพท์
ปกติแล้ว โจวเหวินซิ่วก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องงานของสือมูเฉินมากนัก แต่เมื่อสือมูเฉินรับสายโทรศัพท์ บางทีเขาอาจกำลังเคลียร์งานอยู่ และคิดว่าไม่มีใครอยู่บ้าน ดังนั้นเขาจึงเปิดสปีกเกอร์โฟน
แค่ได้ยินเสียงชายหนุ่มจากปลายสายพูดว่า: “พี่เฉิน ฝ่าย DR ได้จัดการเรื่องที่ Latitude Technology ตรวจสอบเราแล้ว ”
สือมูเฉินกล่าวว่า: “เอาล่ะ ค่อยว่ากันอีกที เพราะทั้งสองบริษัทกำลังร่วมมือกัน ดังนั้น……”
“ก็ได้ครับ” เสียงผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาเห็นด้วย เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาก็พูดว่า :“แล้วทางพี่สะใภ้ละครับ เธอรู้ว่าไหมว่าพี่คือ……”
“เธอไม่รู้” สือมูเฉินเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และมุมริมฝีปากของเขาขดขึ้นอย่างนุ่มนวล: “ตอนนี้ยังไม่ต้องบอกให้เธอรู้ มันน่าจะสนุกมากกว่านี้”
“พี่เฉิน ที่พี่ไม่ได้พูดเพราะพี่ไม่ได้รักเธอจริง ๆ ใช่ไหม?” เสียงผู้ชายคนนั้นพูดว่า: “ในตอนแรก พี่แต่งงานกับเธอเพราะทางคุณพ่อของเธอต้องการให้พี่ชดใช้เขา อย่างไรก็ตามการที่พี่ดีกับเธอขนาดนี้ บางทีเธออาจจะตกหลุมรักพี่แล้วก็ได้? แม้ว่าคุณพ่อของเธอจะรู้ความจริง แต่เพราะพี่ดีต่อเธอมาก และเธอก็ตกหลุมรักพี่เข้าแล้ว เขาคงไม่คิดจะเอาเรื่อง เรื่องที่มันผ่านมาแล้วล่ะ”
เมื่อสือมูเฉินได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ได้เลือกที่จะพูดเรื่องนี้ต่อ แต่กลับพูดว่า: “สิ่งที่สำคัญที่สุดของเราก็คือแผนการเข้าซื้อกิจการของไห่หลาน ชิงเจ๋อให้ความสำคัญกับด้านนี้มากหน่อยนะ”
“ตกลงครับพี่เฉิน” ในขณะที่หยานชิงเจ๋อพูดอยู่นั้น เขาพูดขึ้นอีกเรื่องหนึ่งว่า: “ใช่สิ ผมมีอีกเรื่องหนึ่งจะบอกพี่ ผมมีแฟนแล้วนะครับ แต่วางใจเถอะ ผมจะไม่ให้ส่งผลกระทบต่องานอย่างแน่นอน รออีกไม่กี่วันผมกลับไปผมจะพาเธอไปแนะนำให้พวกพี่ๆรู้จักนะครับ! ”
“โอเค” สือมูเฉินพูด: “บำรุงไตเยอะ ๆ”
หยานชิงเจ๋อได้ยินเขาพูดเรื่องตลกด้วยน้ำเสียงจริงจังแบนี้ และเกือบสำลัก: “ครั้งนี้ผมจริงจังมาก ผมจะให้เกียรติเธอ เราคบกันแบบค่อยไปค่อยไป และเราเพิ่งจะเริ่มสานความสัมพันธ์กัน แค่จับมือไปไม่กี่ครั้งเองครับ ”
สือมูเฉินกล่าวว่า: “โอเค อีกไม่กี่วัน เราจะไปรับนายที่สนามบิน”
เมื่อสือมูเฉินวางสาย โจวเหวินซิ่วยังคงไม่ได้สติกลับคืนมา
เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วแรงถี่เรื่อย ๆ และแม้แต่ความดันโลหิตที่ใบหน้าของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
เดิมทีเธอกำลังจะเดินออกจากห้องนอน แต่กลัวว่าสือมูเฉินจะรู้ว่าเธอได้ยินสิ่งที่เธอไม่ควรได้ยิน ดังนั้นเธอจึงนั่งกลับไปบนโซฟา
คำพูดประโยคนั้นในโทรศัพท์ยังคงก้องอยู่ในหูของเธอ ที่แท้ลูกชายของเธอแต่งงานกับหลานเสี่ยวถางและปฏิบัติต่อเธออย่างดีเพราะมีเหตุผล! เหตุผลของสือมูเฉินก็คือต้องการชดใช้ให้คุณพ่อของหลานเสี่ยวถาง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เพราะความรักเลย!
ยิ่งกว่านั้น เมื่อชายที่คุยโทรศัพท์พูดอย่างนั้นแล้ว สือมูเฉินก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร นั้นก็หมายความว่าในสิ่งที่เขาพูดนั้นมันคือความจริง!
ร่างกายของโจวเหวินซิ่วสั่นไปทั้งตัว และเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง จนกระทั่งสือมูเฉินจัดเก็บแฟ้มเอกสารเสร็จแล้วและจากไป จิตใจของเธอก็ค่อย ๆสงบลง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาหลานเล่อซิน
หลังจากฟังอย่างละเอียดแล้วหลานเล่อซินก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “คุณป้าคะ ถ้าเช่นนั้นควรทำอย่างไรดีคะ เสี่ยวถางยังไม่รู้เหรอคะ นี่เธอโดนหลอก ถ้าเธอรู้เธอคงจะเสียใจน่าดู!”
โจวเหวินซิ่วกล่าวว่า: “เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาดเลยนะ! และห้ามให้สือมูเฉินรู้ด้วยว่าป้าเป็นคนพูดออกมา เข้าใจไหม?!”
“คุณป้าคะ หนูจะไม่พูดไปเรื่อยอย่างแน่นอนค่ะ ” หลานเล่อซินคิดอยู่ครู่หนึ่งและพึมพำ: “ที่แท้มูเฉินไม่รักเธอเหรอเลยสักนิด ดังนั้นจึงไม่ใช่เพราะว่าเขาเกลียดฉัน เขาจึงไม่รักฉันเหรอเนี่ย ?และถ้าเขาชดเชยให้เสี่ยวถางแล้ว ฉันก็จะยังมีโอกาสใช่ไหม?”
“เรื่องโอกาสเอาไว้ทีหลัง” น้ำเสียงของโจวเหวินซิ่วจริงจังเล็กน้อย: “เรื่องนี้หนูแค่รู้ไว้ก็พอ ป้าเคยพูดกับมูเฉินแล้ว ต่อไปนี้ถ้าเขาจะเลือกใครมาเป็นภรรยา ป้าก็จะไม่ยุ่งเลย ”
“ไม่ได้ค่ะคุณป้า หนูต้องบอกให้เสี่ยวถางรู้ เธอเป็นคนที่เกี่ยวข้องและมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง! หนูต้องบอกเธอค่ะ และให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจตัวแต่เนิ่นๆ!” หลานเล่อซินวางสายของโจวเหวินซิ่วและโทรหาหลานเสี่ยวถังทันที