บทที่ 184 ที่มาของเด็กทั้งสาม

วันถัดมา

ถังหลี่พบว่าบ้านของเฉียนกุ้ยอิงหลังข้าง ๆ ถูกขายแล้ว

เฉียนกุ้ยอิงกับถังหลี่ไม่ค่อยลงรอยกัน เพื่อนบ้านส่วนใหญ่มักเข้าข้างถังหลี่ ทำให้เฉียนกุ้ยอิงนั้นรู้สึกโดดเดี่ยวและอึดอัดมาก นางต้องการย้ายบ้านแต่สามีปฏิเสธ โชคดีที่ครั้งนี้มีคนมาเสนอซื้อบ้านนางในราคาที่สูง สุดท้ายแล้วสามีของเฉียนกุ้ยอิงจึงตัดสินใจขายบ้านในที่สุด

ในตอนเช้าเฉียนกุ้ยอิงขอให้คนมาช่วยขนของ

“ในที่สุดก็ได้ย้ายออกจากที่สกปรกแห่งนี้เสียที” เฉียนกุ้ยอิงพูดต่อหน้าถังหลี่ราวกับจะเย้ยหยันนาง

“ถ้าเจ้าย้ายออกไป ที่นี่ก็ไม่สกปรกแล้วล่ะ” ถังหลี่พูดเรียบ ๆ

นั่นหมายความว่าเฉียนกุ้ยอิงนั้นคือต้นเหตุของความสกปรกสินะ นางไม่อาจหาคำมาเถียงกลับได้ กุ้ยอิงกลัวเว่ยฉิงที่อยู่ข้างๆถังหลี่ นางข่มโทสะรีบเดินออกไป อย่างเร็ว หลังจากที่ครอบครัวของเฉียนกุ้ยอิงย้ายของเสร็จ พวกเขาก็เห็นว่ามีคนกำลังย้ายข้าวของเข้ามาใหม่

“เว่ยฉิง เจ้าคิดว่าใครมาซื้อบ้านหลังนั้น?” ถังหลี่ถาม

เว่ยฉิงเอ่ยชื่อขึ้นมา และถังหลี่ก็คิดแบบเดียวกัน

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังขนของเข้าไปในบ้านหลังนั้น ซึ่งก็คือฟางเจี๋ยและนางถังนั่นเอง

ถังหลี่นอนหลับไม่สนิทมาสองคืนแล้ว ตอนนี้นางตัดสินใจได้แล้ว หากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเอ้อร์เป่าเป็นคนดี อีกทั้งเด็กชายเต็มใจที่จะกลับไป หญิงสาวก็จะให้เขากลับ ตราบใดที่เอ้อร์เป่ามีความสุข

หากเป็นเช่นนั้นถังหลี่สามารถย้ายบ้านไปอยู่ที่ฉินโจวได้ เพื่อที่นางจะได้เห็นเอ้อร์เป่าบ่อย ๆ แบบนี้ก็จะดีกับทุกฝ่าย

ทั้งฟางเจี๋ยและนางถังต่างยินดีที่จะย้ายมาเมืองเหยาสุ่ย เห็นได้ชัดว่าเขาห่วงเอ้อร์เป่ามาก

“ดีแล้ว”

หลังจากที่สามีภรรยาสกุลฟางย้ายของเสร็จ พวกเขาก็เดินไปหาถังหลี่ที่บ้านทั้งคู่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า

“เว่ยฮูหยิน ต่อจากนี้เราจะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ข้าขอฝากตัวด้วย”

“ยินดีต้อนรับ” ถังหลี่กล่าว

ฟางเจี๋ยส่งขนมหงโต้วเกาให้ถังหลี่ เขาบอกว่ามันเป็นขนมที่ทำขึ้นในเมืองฉินโจว หญิงสาวรับมันไว้

“เหยียนเอ๋อร์อยู่ไหนหรือ? เด็กคนนี้ชอบขนมถั่วแดงมากเลย”

ฟางเจี๋ยมองเข้าไปในบ้านอย่างกระตือรือร้น

“เอ้อร์เป่า!” ถังหลี่ตะโกนเรียก

ทันทีที่หญิงสาวตะโกนเรียก ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งออกมาจากในบ้าน ก่อนจะคว้ากระโปรงของถังหลี่ไว้ เด็กชายมองฟางเจี๋ยกับนางถัง ใบหน้าของนางถังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางก้มลงพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน

“เหยียนเอ๋อร์ นี่เป็นขนมหงโต้วเกาที่เจ้าชอบไง”

เขาชอบขนมถั่วแดงนี้หรือ?

เอ้อร์เป่าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับขนมชนิดนี้อยู่ในหัวเลย

“เอ้อร์เป่า รีบขอบคุณสิ” ถังหลี่กล่าว

เด็กชายจึงเอื้อมมือไปหยิบขนมก่อนจะกล่าวคำขอบคุณ กับสองสามีภรรยาคู่นั้น พวกเขาจึงพากันอยู่บ้านถังหลี่ทั้งวัน

ในตอนเย็นเมื่อถังหลี่อยู่คนเดียวในห้อง เอ้อร์เป่าเดินเข้ามาข้างใน เขากอดถังหลี่ไว้แน่น เมื่อนางสัมผัสใบหน้าของเขารู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น ถังหลี่ตกใจมาก เอ้อร์เป่าร้องไห้หรือ?

นางอุ้มเด็กชายขึ้นมานั่งบนตัก

“เอ้อร์เป่า เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ท่านแม่….ท่านแม่กับท่านพ่อไม่ต้องการข้าแล้วหรือ?”

เอ้อร์เป่าพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกมา เหตุใดท่านแม่ต้องให้เขารับของจากสองคนนั่นด้วย?

ท่านแม่กำลังจะส่งเขาไปให้สองคนนั้นหรือ? ท่านแม่ไม่ต้องการเอ้อร์เป่าแล้วหรือ?

“ถ้าท่านแม่ไม่ต้องการข้า ข้าจะกลับไปกับพวกเขา” เอ้อร์เป่าจ้องถังหลี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาพูดอย่างบูดบึ้ง แต่แล้วก็รู้สึกผิดที่อารมณ์เสียใส่มารดา

ถังหลี่ยิ้มก่อนจะบีบจมูกเขาเบา ๆ

“เด็กโง่ แม่จะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร?”

“เอ้อร์เป่าของแม่ทั้งฉลาดและน่ารัก แม่คงโง่มากถ้าไม่ต้องการเจ้า”

“แม่ต้องการเก็บเจ้าไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่อยากพาเจ้า ต้าเป่า ซานเป่า สวี่เจวี๋ยออกไปจากที่นี่เพื่อไม่ให้เขาเจอพวกเราอีก”

ขนตาที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำจ้องมองไปมารดาอย่างแน่วแน่

“ท่านแม่ ท่านพูดจริงหรือ? แล้วเหตุใดท่านถึงให้ข้าไปสนิทสนมกับพวกเขาเล่า? ”

“แม่บอกว่าพวกเราทุกคนเคารพการตัดสินใจของเจ้า อยากให้เจ้ามีสิทธิ์เลือก พวกเขาคือพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเจ้ามา แม่อยากให้เจ้าได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเขาก่อนตัดสินใจเลือกพ่อกับแม่ แม่ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่จะตัดสินใจแทนเจ้า?”

ถังหลี่อธิบายให้ลูกชายฟัง

เอ้อร์เป่ากลอกตาครุ่นคิด เด็กชายเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทันทีว่าถังหลี่หมายความว่าอย่างไร?

“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่”

“เอ้อร์เป่า ในสายตาของพ่อกับแม่แล้ว เจ้า…ต้าเป่าและซานเป่าพวกลูกคือสมบัติล้ำค่าของเรา”

พวกเขาเป็นสมบัติล้ำค่าของท่านแม่หรือ?

ในตอนนั้นเป็นเพราะพวกเขาสามคน จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับท่านพ่อเลย มีเพียงท่านแม่เท่านั้นที่คิดว่าพวกเขาคือสมบัติล้ำค่า ใบหน้าของเอ้อร์เป่าถูออดอ้อนเบา ๆ

“ท่านแม่…ข้าอยากทำความรู้จักกับพวกเขาก่อนตัดสินใจ”

ถังหลี่พยักหน้ารับ

“ความปรารถนาสูงสุดของแม่ก็คือขอให้เอ้อร์เป่ามีความสุขเท่านั้น”

ในนวนิยายเอ้อร์เป่าไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดแต่ทุกย่างก้าวนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก ในหัวใจมีแต่ความเกลียดชัง ท้ายที่สุดก็เสียชีวิตอย่างอนาถ เมื่อถังหลี่มาที่นี่ นางหวังแค่ว่าเด็ก ๆ จะเติบโตได้อย่างไร้ความกังวล

…..

หลังจากที่ได้พูดคุยกับฟางเจี๋ย ถังหลี่ก็ตัดสินใจส่งเอ้อร์เป่าไปเรียนที่สำนักศึกษา เด็กชายอาศัยอยู่ที่บ้าน บางครั้งถังหลี่และเว่ยฉิงไปรับเขาที่สำนัก บางทีก็เป็นฟางเจี๋ยและนางถัง

เอ้อร์เป่าเชื่อฟังคำพูดของถังหลี่ เขาพยายามที่จะเข้าใกล้พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าพวกเขาเข้ากันได้ถังหลี่ก็รู้สึกไม่สบายใจนัก นางคิดอย่างหนึ่ง แต่ในใจก็อดที่จะลังเลไม่ได้ เมื่อเอ้อร์เป่าใกล้ชิดกับครอบครัวฟาง ถังหลี่ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเพิ่มมากขึ้น

เว่ยฉิงมองดูท่าทางที่หดหูของถังหลี่ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“ฮูหยิน เราพาเอ้อร์เป่าไปซ่อนกันเถอะ!”

“จะพาเขาไปซ่อนที่ไหน พวกเขาคือพ่อแม่ผู้ใหญ่กำเนิดของเอ้อร์เป่า หากเขาเอาเรื่องแจ้งทางการเราก็ไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนี้” ถังหลี่จ้องมองเขา

“แล้วทำอย่างไรเจ้าถึงจะมีความสุขเล่า”

เว่ยฉิงมองนางอย่างกระตือรือร้นราวกับสุนัขตัวใหญ่ เหมือนกับว่าความสุขของถังหลี่คือเรื่องใหญ่สำหรับเขา หญิงสาวมองไปที่เขาอย่างขบขัน

เป็นความโชคดีของนางที่ได้พบกับคนที่ให้ความสำคัญกับนางมีหัวใจที่มั่นคงแน่วแน่ แต่ทุกอย่างในชีวิตไม่ได้เป็นดั่งใจเช่นนั้น

“ข้ามีความสุขที่ได้มองคนโง่งมอย่างเจ้า” ถังหลี่ยิ้ม

เว่ยฉิงเกาหัวตัวเองและหัวเราะ ‘ฮิฮิ’ เหมือนไร้เดียงสา

“เว่ยฉิง เจ้าเล่าให้ข้าฟังเรื่องของต้าเป่าและซานเป่าได้ไหม ว่าเจ้าไปพบพวกเขาได้อย่างไร” ถังหลี่ถาม

“ต้าเป่าเป็นเด็กที่มีชีวิตยากลำบาก เขาเป็นลูกของคนรู้จักของข้า มารดาของเขาเสียชีวิตตอนที่ให้กำเนิดเขา พ่อของเขาเลี้ยงเขามาจนโต แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ญาติ ๆ เขาบอกว่าเขาคือตัวอัปมงคลจึงไม่มีใครเต็มใจรับต้าเป่าไปเลี้ยงดู ต้าเป่าเป็นเด็กน่ารักและมีเหตุผล จะเป็นตัวอัปมงคลไปได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาไม่เลี้ยง ข้าจะเลี้ยงเขาเอง”

“ส่วนซานเป่าเป็นเด็กร่าเริง มีครอบครัวมารับนางไปเลี้ยงดู แต่นางเป็นเด็กซน ชอบมาเล่นที่บ้านข้า ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่ารักนางมาก ต่อมาครอบครัวที่รับเลี้ยงนางให้กำเนิดลูกชาย เขาจึงยกซานเป่าให้ข้า”

ในนวนิยายต้นฉบับกล่าวเพียงว่าวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่ใหญ่อย่างเว่ยฉิง รับเลี้ยงวายร้ายตัวน้อยทั้งสามคน แต่ไม่คาดคิดว่าเด็กทั้งสามจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้

“เว่ยฉิง พอพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าก็รับข้ามาเลี้ยงนะ”

ตามโครงเรื่องแล้ว นางควรจะต้องถูกขายให้กับหอนางโลมและถูกทรมานจนตาย แต่เพราะเว่ยฉิงได้ช่วยนางไว้

“ข้าเจอลูกคนโตอย่างไรเล่า” เว่ยฉิงกอดนางแน่น

ชายหนุ่มดีใจมากที่วันนั้นได้ซื้อตัวนางกลับมา ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงพลาดสมบัติที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป ทั้งคู่กระซิบพูดคุยจนผล็อยหลับไป