ตอนที่ 365 โกหกทั้งเพ ตอนที่ 366 เด็กน้อยน่าสงสาร

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 365 โกหกทั้งเพ

บนโลกนี้คนที่ใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยไม่ได้มีมากขนาดนั้น วิธีการทำงานของหนิวต้าลี่ประเภทนี้มีไม่กี่คนหรอกที่รับได้

ปรากฏว่าเมื่อซ่งอิงพูดเช่นนี้ หนิวต้าหลี่ก็กล่าวขึ้นมา “ข้าเจอนายจ้างประมาณสิบกว่าคน ทว่าในนั้นมีบางส่วนที่ถือไม้กวาดขับไล่ข้าออกมา แล้วยังมีบางคนที่ดึงรั้งข้าไว้ต้องการให้ชดใช้เงิน ต่อมาข้าคิดว่าคนเหล่านี้เอาใจยากเหลือเกินก็เลยไปทำงานใช้แรงงานอย่างพวกผู้ชาย แต่ผู้ชายเหล่านั้นนิสัยไม่ดี เห็นข้าเป็นลูกผู้หญิงก็จ้องจะจับมือข้า บางส่วนยิ่งกว่านั้นเสียอีก ดูถูกว่าข้าไม่เอาไหน เอ่ยว่าข้าเรี่ยวแรงน้อยทำงานไม่กี่วันก็เหนื่อยตายแล้ว!”

คนเหล่านั้นช่างดูถูกวัวเกินไปแล้ว!

“หลังจากนั้นล่ะ” ซ่งอิงตะลึงงัน

“ต่อมาทำไม่กี่วันพวกเขาล้วนถูกไล่ออกไปหมดเลยน่ะสิเจ้าคะ?” หนิวต้าลี่กล่าว

“…” ซ่งอิงพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ แต่ก็คิดว่าคนเหล่านั้นที่ถูกไล่ออกก็น่าสงสารเช่นกัน ทันใดนั้นอารมณ์ความรู้สึกก็เตลิดเปิดเปิงเล็กน้อย

คาดว่าเถ้าแก่ที่จ้างคนงานผู้นั้นตอนนี้คงยังนึกถึงหนิวต้าลี่อยู่เลยกระมัง

เชิญหญิงคนหนึ่งมาช่วยงาน วันหนึ่งไม่รู้เช่นกันว่าจะให้ถึงสามสิบอีแปะหรือไม่ โดยทั่วไป ย่อมได้น้อยกว่าผู้ชายหนึ่งเท่าตัว แต่เด็กสาวผู้นี้กลับเรี่ยวแรงมหาศาล ทำงานทั้งหมดของคนอื่นได้!

เถ้าแก่มีแต่ได้กับได้

“เจ้าจำเป็นต้องเรียนปักลาย หากเรียนปักลายได้ไม่ดี ข้าก็จะไล่เจ้าออก ไม่ให้เงินค่าแรงเจ้าด้วย” ซ่งอิงดุดัน “ไม่เพียงแต่ต้องปักลาย นอกจากงานในไร่สวนและงานบ้านทั่วไป ไว้เดี๋ยวเจ้านำถั่วที่บดออกมาทั้งหมดทำเป็นเต้าหู้เสีย และฝึกหั่นเต้าหู้ทุกวัน จำเป็นต้องหั่นเต้าหู้ออกมาให้เท่าๆ กันด้วย!”

“…” หนิวต้าลี่มองนางตาปริบๆ “พี่ใหญ่…เข้าทำไม่ได้”

นางมือไม้สั่น!

อยากจะหักเข็มออกเป็นเสี่ยงให้รู้แล้วรู้รอด!

แล้วนี่ยังจะให้นางทำเต้าหู้อีก?

เต้าหู้ที่ว่านั้นนางรู้จัก มือแตะมันเพียงเบาๆ เต้าหู้ก็เละแล้ว เช่นนั้นจะหั่นได้อย่างไรเล่า

“ข้าช่วยชีวิตเจ้าแล้วครั้งหนึ่ง ใช่หรือไม่ ตอนนี้ก็จ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อจ้างเจ้าทำงาน แต่ตอนนี้ต้องการให้เจ้าทำเรื่องเล็กน้อย…เจ้าก็ไม่ยินยอมแล้วหรือ” ซ่งอิงมองนางอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นวางมือแตะหน้าอก “เฮ้อ บังคับกันไม่ได้จริงๆ เดิมที…พูดกันไว้ดิบดีแล้วว่าจะทำงานให้ข้า ทำงานเพื่อข้าชั่วชีวิต คำพูดนี้โกหกกันทั้งเพ…”

“…” หนิวต้าลี่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

นางดูเหมือนไม่ได้พูดว่าตนต้องการทำไปชั่วชีวิตนะ…

แต่ทว่านับแต่นางเปลี่ยนร่างได้เป็นต้นมา นอกจากชายชราในตอนแรกผู้นั้น ก็มีเพียงพี่สาวคนนี้ที่ดีต่อนางที่สุด!

ให้เงินมากที่สุด ทุกวันก็ได้กินของดีๆ ปิ่งจื่อมากมายขนาดนั้น ไม่เคยตระหนี่ถี่เหนียวมาก่อน!

“เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าจะลองดูแล้วกัน” หนิวต้าลี่กล่าวอย่างระแวดระวัง

สีหน้าซ่งอิงเปลี่ยนไปทันทีทันใด คลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ยอดเยี่ยมมาก ในเมื่อต้องการลองดู เช่นนั้นก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุดนะ? จริงสิ ถึงเวลาจะมีน้องสาวคนหนึ่งมาเรียนกับเจ้าด้วย หากเจ้ายังสู้เด็กแปดขวบไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็…เฮ้อ!”

“ข้าจะพยายามแน่นอนเจ้าค่ะ!” หนิวต้าลี่รีบตะโกนขึ้นมาทันควัน

ซ่งอิงเกือบแก้วหูแตก

“อืมๆๆ” ซ่งอิงแคะๆ หู “อยู่บ้านข้า ไม่มีส่วนไหนที่ไม่คุ้นเคยกระมัง”

หนิวต้าลี่อยากพูดมากว่า มี! มีเยอะด้วย!

อย่างเช่น…

คนในบ้านนี้ประหลาดมาก น้องหลินเรียกนางว่าพี่สาว นางเรียกผู้มีพระคุณว่าพี่สาว แต่พวกเขาล้วนไม่คิดว่ามีอะไรแปลกตรงไหน แล้วยังไม่ให้นางเปลี่ยนคำเรียกด้วย แล้วก็อย่างเช่นน้องหลิน…

ฮั่วหลินตื่นขึ้นมาวิ่งแต่เช้าตรู่ทุกวันมองดูค่อนข้างปกติ แต่มีครั้งหนึ่ง นางค้นพบโดยบังเอิญว่า ฮั่วหลินวิ่งได้ว่องไวเสียยิ่งอะไรดี ก็เหมือนกับ…เสือดาวตัวหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านี้ ไก่ของบ้านนี้ ลาของบ้านนี้ ล้วนแตกต่างกับของบ้านอื่น

มีไก่ตัวหนึ่งบินได้สูงลิ่ว ส่งเสียงดังก้องกังวาน ดูเหมือนควบคุมบรรดาไก่ตัวอื่นๆ ได้อีกด้วย ทุกวันจะนำเป็ดเหล่านั้นไปแปลงนา และรู้จักดันไข่ที่แม่ไก่แก่ตัวเดียวในเล้าไข่ไว้ออกมา…

ตอนที่ 366 เด็กน้อยน่าสงสาร

ยามที่หนิวต้าลี่เห็นเรื่องที่ไก่ตัวนั้นทำครั้งแรก ยังคิดว่าเป็นความบังเอิญ แต่หลังสังเกตไปได้สองวันจึงค้นพบว่ามันแตกต่างจากตัวอื่นในฝูงจริงๆ!

นางไม่เคยเห็นไก่ตัวผู้ที่ขันนำไก่ทั้งหมู่บ้านให้ส่งเสียงขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันได้มาก่อน!

นับแต่นั้นมา นางก็เปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสในไก่ตัวผู้ที่เท้าสีเหลืองตัวนั้น!

นอกจากไก่ ยังมีลาตัวนั้นอีกด้วย

ลาตัวนั้นเลือกกินมาก

ทุกวันต้องกินหัวไชเท้า หัวไชเท้าขนาดใหญ่ฉ่ำน้ำใสปิ๊ง มันกินคำแล้วคำเล่าโดยไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด

นางแอบขโมยชิมไปแล้วสองคำ ค้นพบว่านางก็ชื่นชอบหัวไชเท้านั่นเข้าแล้วเช่นกัน!

สดชื่น รสอร่อยเลิศ มันไม่เคยกินพืชที่ดีเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน หลังกลายเป็นคน นางคิดอยู่ตลอดว่ามีเพียงอาหารของมนุษย์เท่านั้นถึงจะอร่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วนางพบเห็นโลกภายนอกน้อยเกินไป!

น่าเสียดาย หัวไชเท้าเหล่านั้นที่ปลูกเอาไว้ลานหลังบ้านเป็นของต้าไป๋ทั้งสิ้น

จริงสิ ต้าไป๋และต้าหวง หรือแม้กระทั่งฮั่วหลิน ล้วนมีพื้นที่ในลานหลังบ้านเป็นของพวกเขาเองหนึ่งบริเวณ ไม่ใหญ่มากนัก แต่ของต้าไป๋ปลูกหัวไชเท้าเอาไว้ ของต้าหวงปลูกผักป่า และบริเวณของฮั่วหลินนั่นถูกล้อมรอบด้วยลวดหนามเอาไว้และด้านข้างเป็นต้นท้อ

พื้นที่สามส่วนนั้น นางเข้าใกล้ไม่ได้ มิเช่นนั้นต้าหวงจะตะกุยหัวของนาง…

หนิวต้าลี่อยากถามมากว่า ตนขอมีพื้นที่เป็นของตัวเองเช่นนั้นบ้างได้หรือไม่…

แต่ลานหลังบ้านดูเหมือนไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว…

อีกทั้ง นึกถึงสภาพตัวเองที่ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ก็เลยไม่กล้าเอ่ยปาก กลัวว่าจะถูกรำคาญ

ผักของบ้านนี้อร่อย ผลไม้ก็อร่อยเช่นกัน นางไม่อยากถูกไล่ออกไปจริงๆ

ซ่งอิงมองท่าทางที่ดูสับสนและอึดอัดใจของนางเช่นนี้ ก็อดอยากหัวเราะขึ้นมาในใจไม่ได้ แต่ก็กลั้นเอาไว้

เดิมทีซ่งอิงคิดว่าเรื่องที่ซานยาจะเรียนปักลาย เจียวซื่อจะผัดวันประกันพรุ่งออกไปเรื่อยๆ กลับคิดไม่ถึงว่า วันรุ่งขึ้นที่ได้ยินว่านางกลับบ้านมาแล้ว ไม่รอให้ซ่งอู่ไปรับ เจียวซื่อก็พาซานยามาส่งด้วยตัวเองเสียแล้ว

ซานยาสวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะ แม้ดูสะอาดสะอ้านแต่มองดูกลับน่าสงสารอย่างยิ่ง

อีกทั้งเด็กแปดขวบ มองดูกลับเหมือนประมาณหกขวบ น่าจะเป็นเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

เด็กในชนบท มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะครอบครัวที่ให้กำเนิดบุตรจำนวนมาก ไม่มีข้าวให้กินจริงๆ แต่บ้านสาม…ที่ดินตั้งยี่สิบกว่าหมู่เชียวนะ?

ซ่งอิงถอนหายใจ

“อาสะใภ้สามช่างทุ่มทุนเพื่อซานยาจริงๆ เลยเจ้าค่ะ คนในหมู่บ้านที่รักและทะนุถนอมลูกสาวเช่นท่านมีไม่มากนัก!” ซ่งอิงฟื้นกล่าวอย่างปากไม่ตรงกับใจ

เจียวซื่อตะลึงงันไปชั่วครู่

“นั่นน่ะแน่นอนอยู่แล้ว ลูกสาวที่ข้าเป็นผู้ให้กำเนิดเองยังจะปล่อยปละละเลยนางได้อย่างไรกัน” เจียวซื่อสีหน้าไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย “หลายวันมานี้ก็เชื่อคำบอกกล่าวของเจ้า ไม่ได้ให้นางทำงาน ทุกวันเช้าเย็นล้วนใช้น้ำอุ่นแช่มือ แต่เด็กคนนี้มือไม้ไม่ค่อยได้เรื่อง ข้าว่ายังดูหยาบกระด้างอยู่เลย เจ้าว่าจะพานให้เรียนรู้ไม่ได้อะไรหรือไม่”

ซานยายื่นมือที่สั่นระริกออกมา

มือนี้…ดำคล้ำ ลูบคลำไปยังคงสากมือเล็กน้อย และรอยด้านยังคงหนาเตอะ

อยากจะบำรุงให้ดี เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องสองสามปีกระมัง

ซานยาเป็นคนพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร เหมือนลูกแมวอย่างไรอย่างนั้น ยามนี้ถูกนางจับมือเอาไว้ จึงเขยิบเข้ามาใกล้ข้างกายนางขึ้นเล็กน้อย จากนั้นซานยาก็คลี่ยิ้มให้กับนาง

ครั้นเผยรอยยิ้มกลับดูงดงามมาก!

“ซานยา อาสะใภ้สามให้เจ้าเรียนปักลายกับข้า เจ้าดีใจหรือไม่” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“ดีใจเจ้าค่ะ” หลายวันมานี้นางใช้ชีวิตอย่างสบายเป็นพิเศษ ไม่ต้องทำงานอะไรทั้งสิ้น

ทว่ามารดานางกล่าวว่า หากเรียนปักลายได้ไม่ดีจะเฆี่ยนนางให้ตาย

ซานยาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“จากนี้เจ้าเรียนอย่างสบายใจได้ หากเรียนปักลาย ตามมือจะมีรอยด้านไม่ได้ ตอนนี้ส่งผลกระทบไม่มากนัก เพราะวัสดุผ้าที่ธรรมดาๆ ไม่ได้บอบบางขนาดนั้น แต่ภายภาคหน้าหากปักลวดลายบนวัสดุผ้าที่บางเบาเช่นนั้น มือลักษณะนี้ เกรงว่าจะทำลายตัววัสดุผ้าเอาได้” ซ่งอิงกล่าว

“ปักลวดลายบนผ้าธรรมดาๆ ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว วัสดุที่แพงขนาดนั้นเราก็ซื้อไม่ไหวเช่นกัน” เจียวซื่อกล่าว

“อาสะใภ้สาม นี่ท่านเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ หากซานยามีพรสวรรค์ด้านการปักลวดลาย ภายภาคหน้าขายผลงานปักที่ทำขึ้นมาได้หลายชิ้น ไม่แน่ว่าจะมีคนส่งวัสดุผ้ามาให้นางทำถึงที่เป็นการเฉพาะก็เป็นได้ ตอนข้าอยู่เมืองหลวง เคยเห็นอาจารย์ปักลวดลายที่เก่งกาจ คนเหล่านั้นทำผลงานชิ้นหนึ่งขายได้สูงถึงหลายพันตำลึงเงินเลยนะเจ้าคะ…”

“หลายพันตำลึงเงิน?!”