ตอนที่ 367 ยากจนนี่ ตอนที่ 368 ปรมาจารย์ตาบอด

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 367 ยากจนนี่

เจียวซื่อถึงกับกระโดดโหยงขึ้นมา รีบดึงมือของบุตรสาวไปจับไว้ ราวกับบุตรสาวนางเป็นซิ่วเหนียงที่เก่งกาจแล้ว

เจียวซื่อลูบรอยด้านบนมืออย่างปวดใจ และส่งเสียง ‘จุ๊ๆ’ ไม่หยุด “เช่นนั้นมือซานยานี่…เกิดรักษาไม่หายจะทำอย่างไรดี”

“ซานยาเริ่มช้าไปหน่อย หากอยากกลายเป็นลักษณะเช่นของคนอื่นๆ ภายในช่วงเวลาอันสั้นสองสามปีคงเป็นไปไม่ได้แน่ แต่หากตั้งใจแน่วแน่เรียนได้จริง ภายภาคหน้าอาศัยขายผลงานปักเลี้ยงดูครอบครัวก็ไม่มีทางลำบากแน่เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

แต่เจียวซื่อที่ได้ยินแล้วเกี่ยวกับผลงานปักมูลค่าหลายพันตำลึงเงิน ตอนนี้จะยังคิดว่าแค่หวังหาเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ก็พอแล้วเสียที่ไหนเล่า

เอ้อร์ยาเคยพบเห็นอะไรมานักต่อนัก นางยังจะพูดหลอกลวงเพื่อเกลี้ยกล่อมนางได้ลงคอเชียวหรือ

เจียวซื่อพลันรู้สึกว่า ตนทำให้บุตรสาวครอบครัวตัวเองเสียหายเสียแล้ว

ตระกูลซ่งของพวกนางมีแม่นางที่ปักลายได้อยู่ทั้งคน หากหลายปีก่อนให้ซานยาเข้าไปเรียนรู้ด้วย ไม่แน่ว่าตอนนี้คงเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็ได้ และอีกสามสี่ปีต่อให้ไม่ถึงขั้นกลายเป็นปรมาจารย์ แต่ก็จะทำงานหลักสิบหลักร้อยตำลึงเงินได้แน่นอนกระมัง

เจียวซื่อเผยสีหน้าสับสนและเสียใจภายหลังอย่างสุดขีด

“เอ้อร์ยา ฝากซานยาให้เจ้าด้วย จะต้องสอนเขาให้ดีๆ นะ…” เจียวซื่อจริงจังอย่างยิ่ง

“เช่นนั้นก็จำเป็นต้องให้อาสะใภ้สามให้ความร่วมมือด้วยจึงจะได้เรื่องเจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้า “ในฐานะซิ่วเหนียงคนหนึ่งก็ต้องมีลักษณะอย่างซิ่วเหนียง นอกจากมือแล้วยังต้องสังเกตอากัปกิริยา มองดูบุคลิก อาสามเคยเห็นซิ่วเหนียงที่ดำคล้ำหรือไม่เจ้าคะ คนอื่นมองเห็นเข้าเกรงว่าจะคิดว่าไม่เหมาะสม เช่นนั้นผลงานปักของนางก็ย่อมขายไม่ได้แน่ ดังนั้นหากคิดจะให้ซานยาเรียนได้ดีจริง เช่นนั้นอันดับแรก อาสะใภ้สาม ท่านต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียหน่อย”

“ข้า?” เกี่ยวอะไรกับนางด้วย ไม่ใช่นางเรียนเสียหน่อย!

“อันดับแรก ซานยาจำเป็นต้องมีเสื้อผ้าตัวใหม่และเชือกผูกผมลักษณะที่ดูได้” ซ่งอิงตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง “งานที่ซิ่วเหนียงทำล้วนเป็นงานที่สะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าดูเหมือนขอทานของซานยาเช่นนี้จะชวนให้ผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้ ตัวนางเองก็จะไม่มีความมั่นใจเช่นกัน เมื่อเรียนรู้ก็ย่อมไม่เต็มที่ไปกว่าครึ่งเป็นธรรมดา”

“ไฉนจึงเรื่องเยอะขนาดนี้? เสื้อผ้าเพียงแค่ดูเรียบร้อยหน่อยก็ใช้ได้แล้วนี่…” เจียวซื่อไม่เข้าใจ

“อาสะใภ้สาม หากท่านได้สวมเสื้อผ้าตัวใหม่ที่งดงาม เช่นนั้นยังจะไปทำงานที่เลอะเทอะอีกหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าไม่ เกิดถูกเกี่ยวขาดไปจะทำอย่างไร” เจียวซื่อรีบกล่าวทันควัน

ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ หลังได้สวมเสื้อผ้าตัวใหม่ ย่อมจำเป็นต้องคำนึงถึงพฤติกรรมของตัวเองว่าเข้ากับเสื้อผ้าหรือไม่ เพื่อทำให้ตนเองคู่ควร เช่นนั้นการกระทำก็ย่อมเปลี่ยนไปสง่างามสงบเงียบมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน”

เจียวซื่อขบคิด ก็ดูมีเหตุมีผลอยู่เหมือนกัน

ก็อย่างเช่น… ตอนที่นางแต่งงานมีเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่หนึ่งชุด จะเอามาสวมใส่ก็เฉพาะตอนฉลองเทศกาลปีใหม่

หลังสวมใส่อาภรณ์ตัวนั้น นางก็ไม่คิดจะทำงานเลอะเทอะในบ้านอีก ถึงขั้นคิดเช่นกันว่าตัวเองเหมือนนายหญิงในตระกูลร่ำรวย แม้แต่บุคลิกก็ดูดีขึ้นไม่น้อย ตอนนั้นแม้แต่สามีก็ยังชมนางว่าดูอ่อนโยนขึ้นมาก

เพียงแต่หากต้องทำเสื้อผ้าให้ซานยา…

เจียวซื่อจับไปที่ถุงเงินขนาดย่อมของตัวเองตามสัญชาตญาณ

ก็คนมันยากจนนี่!

เพิ่งทำเงินมาได้ไม่กี่ตำลึงเงิน แต่ยังไม่ถึงสองเดือนก็ใช้จ่ายหมดเกลี้ยงแล้ว!

“เช่นนั้นก็ได้ ไว้จะทำชุดใหม่ให้นางหนึ่งชุด” เจียวซื่อแทบจะกัดฟันพูดออกมา

ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “อาสะใภ้สามท่านดีจริงๆ หลายปีมานี้ท่านลำบากอย่างยิ่งเพื่ออาสามและลูกๆ ในครอบครัว ชีวิตที่ผันผวนและแสนเหน็ดเหนื่อยในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…หากข้าเป็นท่าน ก็จะซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองซักห้าหกชุดถือเป็นการตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยยากลำบากตลอดหลายปีมานี้!”

เจียวซื่อกลอกตามองบน

“คนที่เขาไม่รู้คงได้นึกว่าเจ้าเปิดร้านขายผ้าเสียอีก!” เจียวซื่อถลึงตาใส่นาง

นอกจากทำเสื้อผ้าให้ซานยายังไม่พอ แล้วยังต้องซื้อให้ตัวเองอีกหรือ!

คิดว่านางโง่เขาหรือจึงได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนั้น!

ซ่งอิงหัวเราะเบาๆ

คนที่ตระหนี่ถี่เหนียวขั้นสุดเช่นนี้ที่แท้ก็ไม่ตกหลุมพรางโดยง่ายดายขนาดนั้น ทว่าทำให้สถานการณ์ของซานยาดีขึ้นหน่อยก็พอแล้ว กินข้าวแค่คำเดียวจะกลายเป็นคนอ้วนเลยคงเป็นไปไม่ได้

ในคืนเดียวกันนั้น ซานยาก็อยู่ค้างคืนด้วยกัน

ซ่งอิงจึงลงมือตรวจสอบทักษะพื้นฐานของซานยา

ตอนที่ 368 ปรมาจารย์ตาบอด

ซานยาทำงานมากมาย อยู่บ้านเย็บปะผ้าไม่น้อย ดังนั้นเรื่องงานเย็บผ้าสำหรับนางกล่าวได้ว่าง่ายดายดุจกินข้าวดื่มน้ำ และเพียงชั่วครู่เดียวก็ปะรอยขาดบนผ้าได้เรียบร้อยแล้วหนึ่งจุด ฝีเข็มแนบชิดเป็นระเบียบ ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

หนิวต้าลี่ที่มองดูอยู่ถึงกับอิจฉาตาร้อน

นางรู้สึกตกอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างยิ่ง

มีทักษะพื้นฐานอย่างแน่นเช่นนี้ ซ่งอิงก็ยิ่งพึงพอใจเข้าไปใหญ่

“ซานยา แม้ว่าอาสะใภ้สามบังคับให้เจ้าเรียน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องดูความสมัครใจของเจ้าเองด้วย พี่รู้ว่าเจ้าขยันขันแข็ง แต่เจ้าต้องจำไว้ประเด็นหนึ่งว่า งานปักลายต้องใช้สายตามาก ดังนั้น…จากนี้หลังข้าสอนเจ้าแล้ว จะปักได้เฉพาะตอนกลางวันที่มีแสงสว่างมากพอเท่านั้น ทุกครั้งปักไปครึ่งชั่วยามก็ต้องหลับตาพักผ่อนครู่หนึ่ง นอกจากตอนสถานการณ์จำเพาะ และตอนค่ำก็จะนอนดึกดื่นไม่ได้” ซ่งอิงเอ่ยเตือนล่วงหน้า

ซานยาตะลึงงันไปชั่วขณะ

พี่รองบอกกับมารดานางไม่ใช่หรือว่า จะทำให้ภายภาคหน้านางกลายเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง

หากไม่ขยันแล้วจะเก่งกาจอย่างยิ่งขึ้นมาได้หรือ นางอยากหาเงินให้ได้มากๆ เช่นนี้มารดานางก็จะไม่เขี้ยวขัดมันขนาดนั้นแล้ว

“ไม่มีปรมาจารย์ที่ตาบอดหรอกนะ” ซ่งอิงมองนางแวบหนึ่งแล้วกล่าวเสริมหนึ่งประโยค

คำพูดนี้เมื่อกล่าวออกไป ซานยาตัวสั่นเทาในทันที จากนั้นรีบพยักหน้าหงึกหงัก

นางไม่อยากกลายเป็นคนตาบอด!

ว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ ซ่งอิงก็วางใจแล้ว

“ข้าไม่อยากกลายเป็นคนตาบอดเช่นกัน…” น่าเสียดาย หนิวต้าลี่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสริมขึ้นมา

“…” ซ่งอิง

ซานยาเป็นเด็กดีที่หาได้ยาก ถึงขั้นว่านอนสอนง่ายกว่าพี่ชายนางอย่างซ่งอู่ด้วยซ้ำ พูดน้อย ขยันลงมือทำงาน หากไม่ใช่เพราะซ่งอิงเอ่ยเตือนไว้ล่วงหน้าถึงระเบียบของการเรียนปักลาย เกรงว่าเวลานี้นางก็อยากฝึกฝนหนึ่งวันยี่สิบชั่วยามไม่พักผ่อนกันเลยทีเดียว

นางและหนิวต้าลี่ เป็นสองคนที่ต่างกันลิบลับ

คนหนึ่งสงบเงียบงดงาม อีกคนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

สองวันให้หลัง ซานยาก็คุ้นชินแล้ว ต่อให้อยู่ท่ามกลางเสียงโอดครวญอันทรมานของหนิวต้าลี่ก็เรียนรู้ไปอย่างสงบนิ่ง

และถัดจากสองวันนี้ วันสำคัญของตระกูลซ่งมาถึงแล้ว

หลานชายคนโตจากครอบครัวบุตรคนโต กลับบ้านแล้ว!

ฟ้ายังไม่ทันแจ้ง ชายชราซ่งพร้อมด้วยบุตรชายในตระกูลซ่งอย่างซ่งอิ๋นซานที่ยังอยู่ในหมู่บ้านก็พากันไปรับซ่งเสี่ยนในตัวอำเภอ

วันนี้แม้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ซ่งหม่านซานไม่มีเวลาว่างกลับมา ซ่งจินซานและหร่วนซื่อก็เช่นเดียวกัน เพราะร้านค้ายุ่งมาก จึงให้ซ่งสวินมาเป็นตัวแทนของบ้านสอง

ซ่งอิงมีน้ำใจให้ยืมรถเกวียนลาออกไป

ตอนเที่ยงวัน พวกเขาก็กลับมากันแล้ว

ซ่งฝูซานผู้เป็นบิดาคิดไม่ถึงว่าจะคอยประคองซ่งเสี่ยนอยู่ ชายชรานำหน้าลงจากรถเกวียน จากนั้นสองพ่อลูกคู่นี้ก็ตามมาติดๆ จากนั้นเป็นอาสาม ซ่งเซิ่ง ซ่งอู่และซ่งสวินเป็นคนลงจากรถท้ายสุด

ผู้เฒ่าซ่งมองซ่งอิงปราดหนึ่ง

ซ่งอิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ สบมองไปอย่างหน้าตาเฉย

หน้าประตูบ้านซ่ง วางอ่างไฟขนาดใหญ่เอาไว้แล้ว

คนอื่นๆ ที่อยู่เฝ้าบ้านซ่ง อย่างเช่นสะใภ้ใหญ่เหยาและน้องสะใภ้ ตลอดจนเผยซื่อและแม้กระทั่งซ่งต๋า ฮั่วหลิน รวมไปถึงนาง ในมือถือกิ่งใบหลิวที่ถูกส่งมาไว้ให้คนละหนึ่งก้าน เป็นของที่เอาไว้ใช้สะบัดใส่ซ่งเสี่ยนเป็นการเฉพาะ

ตามความเชื่อว่าจะช่วยขับไล่ความโชคร้าย

ซ่งอิงกวาดตามองพริบตาหนึ่ง พบว่าซ่งเสี่ยนน่าจะลำบากตรากตรำไม่น้อย

เมื่อก่อนเป็นหนุ่มหน้าตาขาวจั๊วะ รูปลักษณ์ไม่เลวทีเดียว แต่ตอนนี้ผอมแห้งดำคล้ำ ลักษณะอ่อนล้าไปทั้งตัว อัปลักษณ์อย่างยิ่ง

วันนี้ เขาเปลี่ยนไปสวมชุดใหม่เป็นการเฉพาะ แต่เสื้อผ้าเป็นของที่คนตระกูลซ่งนำติดไป ต่างคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะผอมมากขนาดนี้ จึงหลวมโคร่งเล็กน้อย

“ต้าหลาง! เจ้ากลับมาแล้ว!” เผยซื่อปรี่เข้าไปหา พลางปาดหยาดน้ำตา

ซ่งเสี่ยนจับมือของนาง “ตอนข้าไม่อยู่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีใครรังแกเจ้ากระมัง”

ชายชราซ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ส่งเสียงสบถฮึขึ้นมา “ใครจะรังแกนางหรือ นางไม่รังแกคนอื่นก็ดีมากแล้ว…”

“ท่านแม่!” ซ่งเสี่ยนเปล่งเสียงดุดัน

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวที่คั่งค้างอยู่ในใจ “พวกเราตระกูลซ่งไม่ใช่ครอบครัวที่จะทรมานลูกสะใภ้เสียหน่อย! ก่อนหน้านี้นางอยู่ที่บ้านตระกูลเผยตลอด ก็เพิ่งกลับมาอยู่นี่แค่ไม่กี่วัน พอกลับมาพวกเราก็หาหมอให้มาตรวจนาง หมอบอกว่าตอนนี้นางป่วยแล้ว โมโหง่าย คิดอะไรเรื่อยเปื่อยง่ายและดื้อรั้นไม่ฟังใครทั้งนั้น ทว่า…เด็กในท้องไม่เป็นไร ถือว่าแข็งแรงเชียวละ”