บทที่ 229 ขออภัยและขอตัว

บทที่ 229 ขออภัยและขอตัว

เฉียนต้าเผิงตบหน้าผู้หญิงของตนเองต่อหน้าผู้คนโดยไม่คิดกลับไปสะสางในภายหลัง เรื่องนี้ถึงกับทำอู๋ฝานและคณะต้องประหลาดใจกับการกระทำของอีกฝ่าย

“นายน้อยอู๋ การกระทำไร้มารยาทของผมทำไปเพราะไม่รู้จักขุนเขาทะเล ขอท่านผู้ยิ่งใหญ่ใจกว้างมองข้าม อภัยและปล่อยผมสักครั้งเถอะครับ” เฉียนต้าเผิงบอกกับอู๋ฝาน พร้อมกับชี้หน้าผู้หญิงคนที่ยังมึนงงอยู่ “ทั้งหมดเป็นเพราะเธอคนนี้! เพราะเธอชี้นำ ผมเลยทำผิดพลาดเสียมารยาทกับนายน้อยอู๋ไป อยากจะลงโทษเธอยังไง ผมไม่คิดพูดแก้ต่างใดให้ทั้งสิ้นครับ!”

แม้ว่าเฉียนต้าเผิงจะไม่รู้ถึงตัวตนที่แน่ชัดของอู๋ฝาน ทว่าเขาทราบตัวตนของนายน้อยหลิวเป็นอย่างดี การที่นายน้อยหลิวให้ค่าและมีความนอบน้อมถึงขนาดนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของชายหนุ่มจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ตัวเขาที่ไม่อาจเทียบแม้ปลายนิ้วของนายน้อยหลิวได้ ไฉนเลยจะเทียบคนที่นายน้อยหลิวเรียกเป็น ‘นายน้อยอู๋’ ด้วยความนับถือได้

ดังนั้นแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงโทสะของอู๋ฝาน เฉียนต้าเผิงจึงตัดสินใจลงมือตบหน้าตัวเอง พร้อมกับตบหน้าผู้หญิงคนนั้นเพื่อระงับโทสะของอีกฝ่าย อีกทั้งเขายังผลักให้ผู้หญิงคนนั้นรับการลงโทษจากชายหนุ่มโดยตรง เพราะอย่างไรคนร้ายก็เป็นผู้หญิงคนนั้นแต่แรก ผลักไสเธอเช่นนี้ไม่นับว่าผิดแต่อย่างใด

อู๋ฝานมองท่าทีถ่อมตัวของเฉียนต้าเผิง ถัดจากนั้นจึงมองผู้หญิงคนนั้นที่ตัวสั่นงันงกด้วยสีหน้าซีดเผือด เธอในตอนนี้ไม่กล้าเอ่ยแม้แต่ครึ่งคำ สุดท้ายเขาก็โบกมือปฏิเสธตอบกลับ “ไม่ต้องพูดอะไรกับผม แต่ต้องขอโทษเธอคนนี้ ส่วนเธอจะใส่ใจกับเรื่องนี้หรือไม่ก็อีกเรื่อง”

อู๋ฝานพูดถึงหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะการแย่งชุด และหลิ่วเหยียนเอ๋อร์คือคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง

เฉียนต้าเผิงยืนตัวตรง หลังได้ยินคำของอู๋ฝาน เขาจึงหันไปมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมเอ่ย “ผมต้องขอโทษด้วยครับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความผิดของพวกเราทั้งหมด ขอได้โปรดยกโทษให้ด้วยครับ”

จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับผู้หญิงคนที่ยังนิ่งงัน “เป็นบ้าอะไร? ยังไม่รีบขอโทษอีก?”

ผู้หญิงคนนั้นที่วันนี้ถูกตบหน้าไปสองฉาด เมื่อถูกเฉียนต้าเผิงที่ไม่เคยพูดจารุนแรงกับเธอมาก่อนขึ้นเสียงใส่ ทั้งยังตบหน้าเธอด้วยมือของเขาเอง ทำให้ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอดิ่งฮวบ หลังถูกสบถเธอจึงดึงสติกลับคืนมา ก่อนจะหันไปพูดกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยท่าทีชวนเวทนาว่า “ขอโทษด้วยค่ะ”

ด้านหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงไร้สีหน้าท่าทีเหมือนเช่นที่เคยเป็นตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ ราวกับเธอไม่คิดใส่ใจเรื่องราวเหล่านี้แม้แต่น้อย เพียงแค่มองดูสถานการณ์ที่พลิกกลับแปรเปลี่ยนของคู่รักตรงหน้า หลังได้ยินคำขอโทษอย่างเป็นทางการ เธอจึงตอบรับเพียง “ไม่เป็นไร”

แม้ว่าจะเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่เฉียนต้าเผิงและหลิวอวี่กวงที่ได้ยินรับฟังนั้น ก็เกิดรู้สึกประหนึ่งได้ยินเสียงของเทพเซียน

“มัวแต่มองอะไร? ยังไม่รีบขอบคุณนายน้อยอู๋กับคุณหนูหลิ่วอีก!” หลิวอวี่กวงเอ่ย

“ขอบคุณนายน้อยอู๋ ขอบคุณคุณหนูหลิ่ว” เฉียนต้าเผิงกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ผมจะจ่ายค่าชุดนั้นให้ครับ ถือเป็นการขออภัยต่อพวกคุณทั้งสองคน”

“ไม่เป็นไร เงินเล็กน้อยเท่านี้ผมยังพอมีจ่ายได้” อู๋ฝานไม่คิดรับความหวังดีของเฉียนต้าเผิง ดังนั้นจึงปฏิเสธอย่างหนักแน่น

“ครับ ครับ!” เฉียนต้าเผิงไม่กล้ามากความอีก ขณะนี้พยักหน้ารับซ้ำ ๆ จากนั้นจึงไปดึงผู้หญิงของตนเองที่กำลังแอบร้องไห้ขึ้นมา และกล่าวกับอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ว่า “เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนครับ ไม่รบกวนท่านทั้งสองแล้ว”

พูดจบเขาก็ดึงผู้หญิงคนของตนเองจากไป แม้ต้องหวาดเกรงอยู่ครู่หนึ่ง แต่นับเป็นโชคดีที่อู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ไล่ตามมาหาเรื่อง หากไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่จบลงแค่การตบหน้าตัวเองอย่างแน่นอน

พนักงานขายที่ตลอดเหตุการณ์ไม่กล้าแทรกแซง ขณะนี้จึงรับชุดไปที่แคชเชียร์ ทว่าสายตานั้นกลับยังคงลอบมองทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ พลางคาดเดาตัวตนคนทั้งสอง

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ต้องขอบคุณนายน้อยหลิวแล้วครับ” อู๋ฝานหันไปขอบคุณหลิวอวี่กวง

“ขอบคุณอะไรกันครับ ผมแทบไม่ได้ช่วยอะไรด้วยซ้ำ ก็แค่พูดออกไปไม่กี่คำ” หลิวอวี่กวงยิ้มตอบรับ “คนที่ควรต้องขอบคุณผมเห็นจะเป็นเฉียนต้าเผิงมากกว่า แม้ว่าเขาจะตบหน้าตัวเองไปสองครั้ง และเข้าใจตัวตนของนายน้อยอู๋กับคุณหนูหลิ่วแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่าผมออกหน้าช่วยเขาอยู่ดี”

“พวกเราน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานเผยยิ้มบาง

“นายน้อยอู๋ถ่อมตัวอีกแล้ว” นายน้อยหลิวตอบรับ “ต้องขออภัยที่ต้องกล่าวตอนนี้ แต่ที่งานเปิดร้านของนายน้อยอู๋เมื่อวาน ผมไม่ได้ไปก็เพราะติดธุระอื่นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้บังเอิญได้พบนายน้อยอู๋ เลยถือโอกาสขออภัยด้วยตนเองเลยก็แล้วกันครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เชิญใครเลยด้วยซ้ำ ทุกคนต่างก็มากันเองทั้งนั้น” อู๋ฝานตอบรับ

“นายน้อยอู๋เปิดร้านอาหาร ถ้าทราบและมีเวลา ไม่ว่าใครก็พร้อมไปให้การสนับสนุนครับ” หลิวอวี่กวงตอบรับ

ขณะนี้เองที่พนักงานขายแพ็คของเรียบร้อยและนำมาส่งให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “เรียบร้อยค่ะ”

พูดพบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงเดินตรงออกจากร้านไป โดยไม่คิดทักทายหลิวอวี่กวงแม้แต่ครึ่งคำ

อู๋ฝานจนใจ เพียงแต่ยังบอกกับหลิวอวี่กวง “นายน้อยหลิวเองก็สมควรมีธุระอื่น ดังนั้นขอตัวก่อนนะครับ”

“ครับ ไว้นายน้อยอู๋มีเวลาพวกเราค่อยพูดคุยกันอีกครั้ง” หลิวอวี่กวงตอบรับ

อู๋ฝานพยักหน้ารับ จากนั้นจึงก้าวเท้าออกจากร้านตามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไป

หลิวอวี่กวงยังไม่ได้ออกไปจากร้านในทันที แต่มองแผ่นหลังของทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ราวกำลังจมไปกับห้วงความคิด

เขาไม่ทราบเบื้องหลังของอู๋ฝาน แต่อีกฝ่ายที่สามารถมอบวิชาฝึกฝนระดับลึกล้ำได้โดยไม่ใส่ใจจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหาเรื่องโดยไร้เหตุผล และหากว่าผูกมิตรได้ การได้เป็นมิตรย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ส่วนทางด้านหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ หลิวอวี่กวงทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของเธอดี อีกฝ่ายเป็นตระกูลมั่งคั่งจากเมืองหลวง เป็นความมั่งคั่งอันจริงแท้ เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่อยู่ในตำแหน่งซึ่งผู้อื่นยากจะเทียบเปรียบได้ ไม่ว่าจะด้านความแข็งแกร่งหรือเบื้องหลัง ไม่มีอะไรที่จะทำให้ตัวตนอย่างหญิงสาวจะต้องเงยหน้ามองผู้อื่น

หลายคนในเจียงโจวทราบเบื้องหลังของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดี กระทั่งพยายามผูกสัมพันธ์กับเธอ ทว่าด้วยนิสัยเย็นชาของหญิงสาว ทั้งยังไม่ชอบสุงสิงกับคนนอก ทำให้ทุกคนแทบไม่กล้าเข้าหาเธอจนเกินเลย เพราะเกรงจะไปยั่วยุอารมณ์ของเธอเข้า

ดังนั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงถือเป็นตัวตนที่พิเศษในเจียงโจวมาโดยตลอด

แต่แล้ววันนี้กลับบังเอิญได้พบทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ หลิวอวี่กวงย่อมไม่คิดพลาดโอกาสเข้าไปทำความรู้จัก ในความเห็นของตัวเขา เหตุการณ์นี้แทบจะต้องขอบคุณเฉียนต้าเผิงด้วยซ้ำ เพราะการกระทำไม่คิดของอีกฝ่าย ทำให้เขามีโอกาสได้แสดงตัวต่อหน้าคนทั้งสองเช่นนี้ได้

แน่นอนว่าหลิอวี่กวงย่อมคิดอยากพูดอะไรอีกสักหลายคำกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แต่เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าคิดสนทนาด้วย เขาจึงไม่กล้าเริ่มบทสนทนา จนกระทั่งสุดท้ายอีกฝ่ายออกจากร้านไป เขาก็ยังไม่มีโอกาสเอ่ยแม้สักคำกับเธอ

แม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะน่าเสียดายไปบ้าง แต่หลิวอวี่กวงก็ไม่ใช่กลับไปมือเปล่า อย่างน้อยเขาก็มั่นใจแล้วว่าตัวตนของอู๋ฝานจะต้องเลิศล้ำ ต่อให้ไม่มีเรื่องการส่งมอบตำราวิชาฝึกฝนระดับลึกล้ำก่อนหน้านี้ เพียงแค่เขาชวนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ออกมาช็อปปิงด้วยได้ ก็เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว การได้รับการตอบรับระดับนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงตระกูลใหญ่ในเจียงโจว ต่อให้เป็นที่เมืองหลวง ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้

การมาช็อปปิงกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้ ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

ทว่าหากหลิวอวี่กวงได้ทราบว่าแท้จริงเป็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยปากชวนอู๋ฝานมาช็อปปิง เขาคงอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อแล้วก็เป็นได้

“อู๋ฝาน คุณเป็นใครกันแน่?” หลิวอวี่กวงครุ่นคิดกับตัวเองอย่างเงียบงัน ตอนนี้เขายิ่งสงสัยต่อตัวตนของอู๋ฝานแรงกล้ามากยิ่งขึ้นทุกที