สนามกีฬาเวมบลีย์ ณ กรุงลอนดอน

มีเวทีขนาดยักษ์สำหรับใครก็ตามที่สามารถจะมาใช้เวทีนี้ได้นั้นต้องดังมากๆจนถึงขั้นที่ว่าถ้าหากคุณไปถามใครสักคนใบโลกใบนี้ว่ารู้จักคนๆนี้ไหมหละก็จะต้องมี 8-9 คนจาก 10 ที่รู้จักคนๆนี้แน่

ต้องเป็นดาราในหมู่ดารา,เป็นตำนาน สถานที่แห่งนี้นั้นเข้าได้เฉพาะคนเช่นนั้นดังเช่นตำนานของวงการป๊อบสตาร์ในอุตสาหกรรมเพลงป๊อปซึ่งสามารถที่จะรับคนได้ถือ 90,000 คนได้ในครั้งเดียว

ชื่อของเธอคือ ‘เฮโลนี่’ เทพธิดาแห่งวงการเพลงป๊อป

นานมาแล้วในตอนที่เธอยังคงใช้ชื่อจริงของตัวเองและไม่ได้เป็นที่นิยมเท่ากับตอนนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเธอ คนจำนวนน้อยนิดนั้นคือหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลังชื่อ ‘เฮโลนี่’ ของเธอ ซึ่งเป็นการรวมกันของคำว่า ‘ฮาโมนี่’ และ ‘เมโลดี้’ เป็นชื่อที่สร้างขึ้นมาตลกๆโดยเหล่าแฟนคลับไม่กี่คนของเธอซึ่งในตอนนี้นั้นชื่อนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว

“ฉันอยากกลับบ้านค่ะ”

…เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ

เฮโลนี่ถอนหายใจออกมา

ภายในห้องพัก เธออยู่กับช่างแต่งหน้าหนึ่งคนและบอดี้การ์ดหนึ่งคนแต่เช่นเคยเธอไม่สามารถที่จะควบคุมความวิตกกังวลของเธอได้ ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้นได้ถูกทำให้หมองลงด้วยรอยคล้ำใต้ตาของเธอเอง

เมื่อเธอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ทำให้เทเลอร์ไนน์ บอดี้การ์ดที่นอนอยู่ที่ด้านหลังของเธอในขณะที่กำลังดูคลิปวิดีโอจากในสมาร์ทโฟนของตนเองได้เปิดปากของเธอขึ้น

“เธอควรที่จะคลานกลับไปที่ห้องของเธอและหลับสักงีบหรือไม่ก็หลับเป็นตายไปเลยบางก็ดีนะ”

“ฉันหลับไม่ลงจริงๆนะคะ…”

“ทำไมเธอถึงหลับไม่ได้กันนะ? ดูอย่างฉันสิฉันสามารถที่จะหลับได้ทุกที่ ที่ต้องการเลยนะอย่างแม้กระทั้งกลางสี่แยกนิวยอร์กก็หลับได้ทันทีเลยนะถ้าหัวฉันถึงพื้นแล้วนะ”

“…นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องคลื่นมอนสเตอร์ครั้งที่เจ็ดที่เกิดขึ้นในนิวยอร์กอย่างนั้นเหรอค่ะ? คุณกล้ามากเลยนะคะที่ได้ทำอะไรแบบนั้น…”

“มันไม่ใช่ว่าฉันกล้าหรอกนะ เธอก็แค่ขี้ขลาดมากเกินไปนะ”

“…”

เทเลอร์หาวและพูดออกมาแบบเบื่อๆ

“อ้า ฉันเบื่อมากกก งานดีเงินคล่องแบบนี้ฉันก็ชอบนะแต่…นี้เธอมีพวกสต็อกเกอร์ตามอยู่จริงใช่ไหมเนี่ย?”

“มีค่ะ! มีหลายสิบคนเลยนะคะที่สะกดรอยตามฉันในหลายวันที่ผ่านมานี้”

“อ่าหะๆ เธอก็แค่ต้องแขวนพวกมันทั้งหมดไว้แถวไทม์สแควร์ไงและเดวพวกสต็อกเกอร์ที่มันตามเธออยู่ก็หายไปเองแหละ”

“น.น-นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไงกันคะ? ใครมันจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้หละค่ะ?”

“หา? ฉันเคยทำเรื่องแบบนั้นนะ”

เธอมองไปที่เทเลอร์ที่ได้พูดถึงบางสิ่งที่น่ากลัวออกมาโดยที่สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดแล้วฮาโลนี่ก็จำได้ถึงหัวข่าวจากเมื่อไม่กี่ปีมานี้ มันเป็นหัวข่าวที่ว่าเกี่ยวกับเหล่ายอดมนุษย์กลุ่มหนึ่งได้กรี๊ดร้องของความช่วยเหลือในขณะที่พวกเขาได้ถูกแขวนโดยใครบางคนที่นิวยอร์กไทม์สแควร์

‘…นั้นคงไม่ใช่ฝีมือของคุณใช่ไหมค่ะ?’

เฮโลนี่มองที่เทเลอร์ในขณะที่เธอกำลังตกตะลึงแต่ในทางตรงกันข้ามกับเธอ เทเลอร์ทำเพียงแค่จ้องไปที่สมาร์ทโฟนของตนเองด้วยการแสดงออกที่ไม่แยแสใดๆ

ตามจริงแล้ว เฮโลนี่ไม่ได้สนใจพวกสต็อกเกอร์ที่มีมารยาทดีหรอกแต่ว่าเธอหวาดกลัว ‘สายตาที่ชั่วร้าย’ ที่เธอสัมผัสได้เป็นบางครั้งในช่วงนี้

ด้วยความสามารถขั้นสูงสุดของทักษะที่มีความสามารถในการตรวจจับอย่างการตรวจจับอัลตราโซนิกของเธอก็สัมผัสที่จะได้แค่นี้เอง

มากไปกว่านั้น มีจดหมายหลายฉบับได้ถูกส่งมาถึงบ้านของเธอในบางครั้ง เนื้อความในจดหมายพวกนั้นเป็นบางสิ่งที่แนวๆแบบว่า ‘ทำไมวันนี้เธอถึงได้กลับมาบ้านสายหละ?’ หรือไม่ก็ ‘ฉันเห็นเธอตอนที่กำลังแต่งหน้าในวันนี้ด้วยนะ ฉันว่าฉันชอบมันะ’ มันแทบที่จะทำให้เธอเป็นบ้าไปเลยเพราะว่าเธอไม่สามารถที่จะหาคนที่ส่งมาได้

อีกฝ่ายหนึ่งน่าจะมีความสามารถบางประเภทที่สามารถจะซ่อนเร้นตัวตนของตัวเธอเองจากทักษะการตรวจจับแรงค์ S ของเธอได้อย่างสมบูรณ์มันทำให้เธอกลัวมากก็เพราะแบบนี้แหละ

นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงได้จ้างฮันเตอร์สายปราบปรามแรงค์ S อย่างเทเลอร์ไนน์มา…

“คุณ…มันโอเคแล้วใช่ไหมค่ะที่บอดี้การ์ดจะไม่ใส่ใจกับความเป็นอยู่ของลูกค้าได้มากขนาดนี้นะคะ?”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ถ้ามีใครกล้าที่จะเข้ามาใกล้เธอหละก็ ฉันจะเด็ดหัวพวกมันเอง”

มันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องจ้องไปที่เฮโลนี่ตลอดเวลาเพราะว่าเทเลอร์ได้ใช้ทักษะตรวจจับของตัวเองปกป้องเธอไว้แล้ว

“โอเคค่ะ”

เฮโลนี่มองไปที่เทเลอร์อย่างเงียบๆเธอไม่ชอบเลยจริงๆกับความจริงที่ว่าเทเลอร์นั้นมักจะมองไปที่สมาร์ทโฟนของตัวเองอยู่เสมอในหลายวันที่ผ่านมานี้

‘นี่เธอกำลังดูแมตช์เบสบอลอยู่ใช่ไหมเนี่ย?’

เทเลอร์เป็นบอดี้การ์ดที่รับหน้าที่จากทั่วทุกมุมโลกและเธอก็ยังเป็นพวกแฟนคลับที่คลั่งใคล่ในเบสบอลตัวยงอีกด้วย

“คุณเคยพูดไว้ว่าคุณดูช่องเคบีโอใช่ไหมค่ะ?”

เทเลอร์นั้นดูเบสบอลเกาหลีอยู่ในช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะว่างานระยะยาวของเธอในประเทศนี้แต่ว่าเฮโลนี่รู้ดีว่าเดวเทเลอร์จะเบื่อมันในอีกไม่นานก็เหมือนกับลีกเบสบอลอื่นๆที่เธอเคยชอบมันก่อนหน้านี้

“หะ? ช่ายแล้วฉันบอกไว้อย่างนั้นแหละ มันมีทีมที่น่าสนใจอยู่บ้างนะที่เรียกว่า ‘ฮวาเด’ นะ”

“พวกเขาเล่นดีใช่ไหมค่ะ?”

“ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเล่นได้ดีรึป่าวแต่ว่ามันสนุกที่ได้ดูนะ”

“…?”

“ยังไงก็เถอะตอนนี้ฉันไม่ได้กำลังดูเบสบอลอยู่หรอกนะ…”

มันมีรอยยิ้มบางๆอยู่ที่หน้าของเทเลอร์ในทุกๆครั้งที่เธอมองไปที่สมาร์ทโฟนของเธอมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เธอจะทำแสดงอารมณ์เช่นนี้ถ้าหากว่าเธอกำลังดูเบสบอลอยู่จริงๆอะนะ ถ้างั้นแล้ว…

“…บางทีนี้คงจะเป็นคลิปวิดีโออีกหนึ่งอันของคุณยูซอดัมที่ถูกโพสไว้ใช่ไหมค่ะ?”

“ช่ายแล้วเธอรู้ได้ไงเนี่ย? เดวนะ! นี้เธอมีสายตาดุจเหยี่ยวแล้วหรือ?”

“ไม่ใช่ว่าคุณก็รู้หรือค่ะว่าฉันมีพลังที่ดีกว่าของคุณนะ?”

“ความสามารถของฉันคือความเร็วแสงในขณะที่ของเธอเป็นแค่ความเร็วของแสงแน่นอนว่าของฉันต้องเร็วกว่าสิ”

“ค่ะๆ แล้วแต่เลยค่ะ…”

เทเลอร์ไนน์เป็นยอดมนุษย์ที่สามารถจะจัดการกับลูกบอลแสงทรงกลมได้ในขณะที่เฮโลนี่มีความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมากด้วยการที่สามารถจะควบคุมคลื่นเสียงได้

พลังความสามารถของเธอเพียงแค่ปล่อยออกมาเพียงอย่างเดียวก็นับเป็นแรงค์ S แล้วแต่ว่ามันยังเป็นเพราะว่าแง่มุมในการใช้งานทักษะของเธอนั้นยังกว้างมากอีกด้วยถ้าหากว่าหากว่าเธอสามารถที่จะปล่อยพลังได้มากกว่านี้อีกหน่อยหละก็ความสามารถของเธอก็คงจะถูกจัดให้เป็นแรงค์ SS ตั้งนานแล้วแม้ว่าในทุกวันนี้เธอจะใช้ความสามารถของตัวเองเป็นเหมือนเครื่องขยายเสียงบนเวทีก็ตาม

นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบพูดเกี่ยวกับพลังพิเศษของตัวเอง

เมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้ เด็กชายและเด็กหญิงทั้ง 8 คนได้กลายมาเป็นฮันเตอร์ในเวลาเดียวกัน

เธอเป็นคนแรกท่ามกลางพวกเขาที่ได้ปลุกพลังของตัวเองขึ้นมาและเป็นคนแรกที่ได้รับแรงค์ A

และอีกทั้งเธอยังเป็นคนแรกท่ามกลางทั้ง 8 คนที่ออกจากการเป็นฮันเตอร์

ในทุกวันนี้เธอรู้เสียใจอย่างช่วยไม่ได้ในทุกๆครั้งที่เธอมองย้อนกลับไปยังเพื่อนร่วมงานของเธอในอดีต

แต่ถึงอย่างนั้นเทเลอร์ก็เป็นคนที่ชอบจะแหย่จุดที่อีกฝ่ายรู้สึกแย่เสมอดังนั้นเธอเลยมักที่จะพูดถึง ‘พลัง’ ต่อหน้าของเฮโลนี่เพื่อสร้างความเพลิดเผลินให้กับตัวเอง

“คุณยูซอดัมเขา…เออ เขาสบายดีไหมคะ?”

“เมื่อก็เธอพูดว่าอะไรนะ?”

เฮโลนี่ได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆและมองไปที่สมาร์ทโฟนของเทเลอร์

“น…นั้นอะไรนะคะ?”

[ผู้บัญชาการที่พิเศษไม่เหมือนใครในเหตุการณ์รอยแยกแรงค์ SS! ตัวตนของเขาคือใครกันแน่?]

[เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้พุ่งตรงไปยังมอนสเตอร์แรงค์ SS ตัวนั้นเพราะว่าเขาต้องการที่จะช่วยทีมของตนอย่างนั้นนะเหรอ?]

[(ข่าวด่วน) เป็นพลังจิตหรือความแข็งแกร่งทางกายภาพกันแน่? ที่เป็นพลังที่แท้จริงของยูซอดัม]

[ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทุกๆการโจมตีรอยแยกที่จบลงโดยปราศจากยอดผู้เสียชีวิตเลยสักคน!]

ทั้งหน้าจอนั้นเต็มได้ด้วยข่าวที่เกี่ยวข้องกับยูซอดัม

ท่ามกลางทั้งหมดนั้นคำว่า ‘ความสามารถในอุดมคติ’ นั้นเห็นได้จำนวนมากอีกทั้งยังมีพวกที่เกี่ยวกับความเสียสละและจิตวิญญาณของฮันเตอร์อีกเป็นจำนวนมาก

เทเลอร์คลิกไปที่ลิงก์วิดีโอที่ถูกใส่ไว้ในบทความ คลิปวิดีโอนี้ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านในรอยแยกลึกลับนี้อย่างไม่มีการขาดตกบกพร่องใดๆ

“นี่คุณกำลังจะบอกฉันว่านั้นคือคุณยูซอดัมหรือค่ะ?”

ในคลิปวิดีโอนั้นเป็นฮันเตอร์ที่อยู่ในชุดสูทสีดำที่ได้บินข้ามผ่านพายุไปอย่างอิสระ ชายคนนั้นกำลังล่อยักษ์ตัวหนึ่งซึ่งเป็นมอนสเตอร์แรงค์ SS ออกไปจากกลุ่มของตนเขาตัดสินใจแล้วมันไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาที่จะล่ามอนสเตอร์ยักษ์แรงค์ SS ตนนี้และเขาได้ตัดสินใจที่จะ ‘เสียสละ’ ตนเองในขณะที่เขาร่อนไปทางมอนสเตอร์ตนนี้

“…ฉันไม่คิดว่าเขากำลังจะเสียสละตัวเองหรอกนะ มันไม่ใช่ว่าเขาก็แค่กำลังสนุกอยู่หรอกเหรอ?”

“ฉันรู้ดีเลย! เขาไม่ใช่คนที่จะมาเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นหรอก”

อย่างไรก็ตามเพราะว่าการกระทำของยูซอดัมนี้เองที่ทำให้เหล่าฮันเตอร์คนอื่นสามารถที่จะใส่กระดานฉนวนทั้งหมดลงไปที่แผ่นดิสนั้นได้

ด้วยการประสบความสำเร็จในการปิดรอยแยกลึกลับนี้ทำให้มอนสเตอร์ยักษ์ตัวนั้นก็ได้สูญเสียแหล่งพลังงานของตนลงและได้จางหายไป

ในท้ายที่สุดยูซอดัมทำผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยการประสบความสำเร็จในการปิดรอยนี้ได้ด้วยยอดผู้เสียชีวิตที่เป็นศูนย์

เหล่าฮันเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แสดงออกถึงความสรรเสริญให้กับหัวหน้าของทีมที่ 7 ยูซอดัม ทำให้สื่อทั้งหลายได้เขียนบางสิ่งเกี่ยวกับการที่ว่าศักยภาพของฮันเตอร์แรงค์ F นั้นไม่ควรที่จะถูกละเลย

“คุณยูซอดัมยังทำงานเป็นฮันเตอร์อยู่อย่างนั้นหรือคะ?”

“แล้วไง? ไม่ใช่ว่ามันมีเรื่องบ้าๆที่ทำให้เขาต้องล่าด้วยจุดประสงค์บางอย่างอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

“แล้วคุณหละคะ?”

“แน่นอนอยู่แล้วก็เพื่อเงินไงหละ”

แน่นอนอยู่แล้วว่าเหล่าฮันเตอร์เป็นอาชีพที่สามารถจะทำเงินได้หลายล้านดอลล่าห์ด้วยภารกิจเพียงภารกิจเดียวแต่ว่านั้นไม่ใช่ในกรณีของฮันเตอร์แรงค์ F

นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมภาพลักษณ์ของฮันเตอร์แรงค์ F ในสังคมทั่วไปสำหรับการโจมตีดันเจี้ยนนั้นถึงเป็น ‘ความตระหนักในหน้าที่’ ของตนด้วยภาพลักษณ์นั้นเองที่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความสำเร็จของยูซอดัมถึงได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่เป็นฮันเตอร์แรงค์ F ที่เอาชีวิตรอดมาจากดันเจี้ยนนับไม่ถ้วน ผู้คนเลยต่างพากันกล่าวถึงยูซอดัมว่าที่เขากำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ยักษ์ตนนั้นก็เพราะด้วยความรู้สึกของ ‘ความตระหนักในหน้าที่’

“…ด้วยนิสัยของเขาแล้ว ฉันทั้งยืนยันนั่งยันนอนยันได้เลยว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกของความตระหนักในหน้าแน่นอน”

มั่นใจได้เลยว่าเขาต้องมีเป้าหมายบางอย่างเป็นแน่

แต่เทเลอร์ไม่ได้ต้องการที่จะเจาะลึกมากไปนักเกี่ยวกับมัน เธอไม่คิดว่าเธอสมควรที่จะไม่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องของเขา

เทเลอร์ที่ดูไปที่สมาร์ทโฟนของเธออย่างเหม่อลอยอยู่ๆก็ได้พูดบางสิ่งขึ้นมาราวกับว่าเธอได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานมากแล้ว

“ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังจะไปที่เกาหลีเร็วนี้ใช่ไหม งั้นทำไมเธอไม่ขอให้ยูซอดัมมาดูแลปัญหาเรื่องสตอกเกอร์ของเธอในตอนที่เธอทำการแสดงอยู่ที่นั้นหละ?”

“ทำไมหละคะ?”

“ภารกิจของเธอมันน่าเบื่อ ฉันอยากไปทำอย่างอื่นแล้วนะ”

“…”

เทเลอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการล่าเหล่าร้ายแต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่ได้เป็นมีความเชี่ยวชาญในการค้นหาบางสิ่งและจัดการกับมัน ยูซอดัมนั้นมีความชำนาญมากกว่าในเรื่องพวกนี้แม้ว่าศัตรูจะเป็นคนที่แม้แต่เฮโลนี่ซี่งมีพลังพิเศษโซนาร์แรงค์ S จะไม่สามารถที่จะตรวจจับได้ แต่บางทีมันอาจจะดีกว่าสำหรับยูซอดัมที่มีมาตรการรับมือกับพลังพิเศษทุกประเภทที่จะมาทำงานนี้แทน

แต่ว่าเฮโลนี้ทำเพียงแค่สายหัวของเธอด้วยการแสดงออกที่เศร้าสร้อยบนใบหน้าของเธอ

“ฉันกลัวเขานิดหน่อยนะคะ”

การแต่งหน้านี้ลบรอยใต้ตาของเธอออกไปราวกับเป็นเวทมนตร์แต่ว่าความอมทุกข์ในใบหน้าของเธอนั้นยังคงอยู่

“กลัวนั้นเหรอ? ทำไมเธอถึงได้กลัวเขากันหะ?”

เมื่อเทเลอร์ได้ถามเธอด้วยใบหน้าที่สับสนงุนงงอย่างแท้จริง เฮโลนี่ได้พยักหน้าให้

“ไม่ค่ะ เออ…ฉันไม่ได้กลัวเขาแบบนั้นฉันก็แค่กลัวที่จะต้องมาเจอกับเขานะคะ”

ปาบ!

“อึก!”

เทเลอร์ได้ตบไปที่หลังของเฮโลนี่ด้วยผ่ามือของเธอ

“ช่างมันก่อนเถอะ ไว้เธอค่อยมาคิดเกี่ยวกับมันหลังจากที่เธอกลับไปก็แล้วกัน”

เสียงเคาะได้ดังออกมาจากหลังประตู มันเกือบที่จะถึงเวลาแล้วสำหรับการแสดงถ้าหากว่าเฮโลนี่นั้นอยู่ในสภาพปกติของเธอ เธอคงจะสังเกตเห็นมันได้ก่อนหน้านี้แล้วแต่ด้วยความจริงที่ว่าการตรวจจับของเธอนั้นแสดงปฏิกิริยาหลังจากของเทเลอร์ที่กำลังเล่นกับลูกบอลแสงของตัวเองมันแสดงให้เห็นว่าเธอว้าวุ้นใจเพียงใดในตอนนี้

“เธอต้องทำใจให้สงบได้แล้ว”

ด้วยคำพูดของเทเลอร์ ฮาโลนี่ได้พยักหน้าและถอนหายใจออกมาอย่างยาวนาน

แล้วก็

“…ฉันอยากที่จะกลับบ้านจริงๆนะคะ”

“ยัยบ้านี่ จริงเลย!”

ด้วยความกลัวในสิ่งที่เทเลอร์จะพูดตามมา เฮโลนี่ได้พุ่งออกไปจากห้องในทันทีเส้นผมสีม่วงของเธอสยายไปในอากาศมองไปที่แผ่นหลังของเฮโลนี่ในขณะที่เธอวิ่งไกลออกไปเรื่อยๆเทเลอร์ได้แต่ส่ายหน้าของเธอราวกับว่าเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“นี้เธอจะเป็นนักร้องไปเพื่ออะไรกันแน่เนี่ยในเมื่อเธอมันเป็นพวกคนที่กลัวการจ้องมองไปที่ดวงตาของคนอื่นแบบนี้…”

หลังจากนั้นแล้วเธอก็ได้มองไปที่สมาร์ทโฟนของตัวเองอีกครั้งและบ่นพึมพำออกมา

“เห้อ…ฉันอยากกลับเกาหลีจัง”

……………………………………………………..

……………………………………………………..

ทุกสิ่งทุกอย่างได้ดำเนินไปได้ด้วยดี

ถึงแม้ว่าฉันจะไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกลายมาเป็นคนดังแบบนี้ก็เถอะ

“ฮันเตอร์ยูซอดัมครับ! ที่คุณไปต่อสู้กับมอนสเตอร์แรงค์ SS ตัวคนเดียวเป็นเพราะว่าคุณกังวลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมที่เหลือใช่ไหมครับ?”

ไม่อะ ไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด

“ใช่แล้วหละครับ”

แต่แกล้งทำเป็นว่ามันเป็นเพราะอย่างนั้นแล้วกัน

“ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมต้องทำนะครับ”

ฉันเคยได้ยินมาว่ามันมีบางประโยคที่มันจะทำให้คุณดูเป็นคนที่ยอดเยี่ยมหากว่าเราเพิ่มมันเข้าไปในบทสัมภาษณ์พวกนั้น มันเป็นครั้งแรกที่ฉันกำลังพูดคำพูดแบบนี้ในชีวิตที่ผ่านมา แต่คำพวกนั้นกลับดูเป็นธรรมชาติอย่างน่าประหลาดใจ ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเกือบทุกอย่างที่ฉันจำเป็นที่จะต้องพูดออกไปมันได้ถูกกำหนดได้ก่อนแล้วหรอกเหรอ?

ผมทำแบบนี้ก็เพื่อทีมของผมครับ!

ผมได้ทำมันลงไปเพราะว่าผมตระหนักในหน้าที่ของตนเองครับ!

ผมได้ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะว่าสหายร่วมรบ,ครอบครัว,เพื่อนพ้องของผม และก็ผู้คนทั้งหลายครับ!

ถ้าหากว่าผมล้มลงไปแล้วหละก็ ผมคิดว่าจะต้องมีใครสักคนที่ตายลงครับดังนั้นผมไม่เคยมีความคิดที่จะก้าวถอยหลังเลยครับ!

เพื่อที่จะพูดโกหกหน้าแบบตายประโยคต่อประโยคเช่นนี้นั้นก็เหมือนกับการโรยเกลือลงไปบนกล้วย

พวกคุณไม่คิดว่ามันจะอร่อยใช่ไหมหละ?

มันจะทำให้คุณประหลาดใจเลยหละหากว่าคุณได้ลองทำมันดูสักครั้ง

พูดตามจริงแล้ว พัคซึงโฮได้ช่วยฉันเตรียมพร้อมบทพูดของตนเอง เนื่องจากว่าเขาเคยเป็นอดีตรองประธานสมาคมฮันเตอร์ของสาขาเกาหลี

ฉันจำเขาได้ก็เพราะว่าแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแรงค์ F เหมือนกับฉันก็ตาม ตำแหน่งของเขาก็ค่อนข้างที่จะสูงเป็นอย่างมากแต่ในปัจจุบันนี้นั้นเขาได้ทำงานเป็นเลขานุการให้กับกิลด์แปลกๆบางกิลด์

หลังจากที่ได้หลบหนีออกมาจากรอยแยกลึกลับนี้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็ได้มีเหล่านักข่าวจำนวนนับไม่ถ้วน,เจ้าหน้าที่จากกิลด์อื่นๆ,บริษัทต่างๆ และเหล่าเจ้าหน้าที่อื่นๆที่ต้องการจะเจอกับฉันแต่ฉันได้ตัดสินใจที่จะเจอกับเหล่าฮันเตอร์แรงค์ F เป็นกลุ่มแรกเพราะว่าฉันคิดว่าคนพวกนี้นั้นน่าจะสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่ฉันจะสื่อได้

แต่โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ส่วนมากของพวกเขานั้นเข้าหาฉันด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้นในใจของพวกเขา คนพวกนี้นั้นไม่รู้ในสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ

และท่ามกลางคนทั้งหมดนี้เอง พัคซึงโฮโดดเด่นออกมามากที่สุด

‘ทำไมคุณถึงไม่คิดที่จะใช้ข้อได้เปรียบจากภาพลักษณ์ของคุณเองในตอนนี้หละครับ?’

‘นี้คุณยังจะพูดแบบนี้อยู่อีกหรือครับ? ถ้าคุณยังจะทำแบบนี้อีกหละก็ผมจะ…’

‘ผมไม่หมายความว่าจะใช้มันในทางลบนิครับ ด้วยการใช้ภาพลักษณ์ของคุณด้วยการสร้างเกียรติของฮันเตอร์แรงค์ F ที่ถูกเหยียบย้ำขึ้นมาใหม่’

‘………!’

ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เขาได้เข้ามาหาฉันก็เพื่อประโยชน์ของเหล่าฮันเตอร์แรงค์ F ทั้งหลายไม่ได้ใช้สำหรับเรื่องธุรกิจหรืออะไรจำพวกนั้น

ดังนั้นฉันเลยรับฝังคำแนะนำของเขาจนถึงขั้นที่ว่าฉันรู้ว่าฉันควรที่จะต้องพูดอะไรออกไปต่อหน้าสื่อเหล่านี้ แน่นอนว่าฉันไม่ได้เชื่อใจในสิ่งที่เขาได้พูดออกมาอย่างสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เพราะงั้นฉันเลยได้ขอคำแนะนำจากคนอื่นๆอีกหลายคนเพราะว่าเขาอาจจะซ่อนความหมายบางอย่างไว้ภายใต้สิ่งที่เขาสอนฉันก็ได้

หลังจากสามวันสามคืนของการค้นคว้าจำนวนมาก ฉันได้ตัดสินใจที่จะทำให้ใน “สิ่งที่ฉันควรจะทำ”

ในตอนนี้ฉันไม่รู้เลยว่า

มันจะมีเหล่าฮันเตอร์แรงค์ F มากมายขนาดไหนที่รอคอยวินาทีที่จะมีฮันเตอร์แรงค์ F เช่นฉันได้โดดเด่นขึ้นมาเช่นนี้อยู่

ไม่ว่าจะเป็นเหล่าฮันเตอร์ผู้ไม่มีพลังพิเศษที่ได้เกษียณอายุไป,คนที่ถูกทำร้ายโดยเหล่าฮันเตอร์ยอดมนุษย์ในอดีตได้โน้มน้าวความคิดเห็นของผู้คนให้มาสนับสนุนตนเองด้วยการใช้ผลกระทบที่ฉันได้สร้างขึ้นมา

ฮันเตอร์เหล่านั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับฉันดังนั้นภาพลักษณ์ที่สูงส่งยิ่งนักของฉันในสายตาสาธารณชนเลยไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือใดๆกับพวกเขาแม้จะเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคนพวกนี้ก็ยังคงพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับฮันเตอร์แรงค์ F ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นผ่านการถ่ายทอดสดหรืองานแถลงข่าว

นอจจากนี้แล้ว…ฉันก็ไม่ได้พูดไปมากนักเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของ ‘พลัง’ ของฉันแต่ถึงอย่างนั้นประชาชนทั้งหลายยังคงพอใจเป็นอย่างมากกับคำอธิบายของฉันเพราะว่าฉันได้เปิดเผยออกไปว่าพลังที่ฉันได้ใช้ออกไปนั้นอาศัยพรสวรรค์ไม่เหมือนกับพลังพิเศษอื่นๆซึ่งอาศัยการฉีดอีเทอร์เข้าไป 100% แถมคนพวกนี้ยังพูดเพิ่มอีกด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามสามารถที่จะเรียนรู้ทักษะของฉันได้ตราบเท่าที่พวกเขาได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้รับผลลัพธ์เช่นนั้น

เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้มีผู้คนมากมายกำลังติดต่อมาที่ฉัน ตั้งแต่พวกคนที่ต้องการจะเป็นฮันเตอร์ซึ่งได้ยอมแพ้ความฝันของตนเองไปแล้วการกลายเป็นนักกีฬามืออาชีพและนักดาบcmo

ฉันแม้แต่ได้รับการติดต่อยืนข้อเสนอมาจากกิลด์ยักษ์ใหญ่ที่โดยปกติแล้วจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับตัวตนของฮันเตอร์แรงค์ F ด้วยซ้ำ

แม้ว่าหลังจากที่ความสนใจทั้งหมดที่ฉันได้รับนี้แล้ว ฉันยังคงรู้สึกไม่พึงพอในอยู่ดีเป็นเพราะว่าฉันรู้ว่าพวกเขาไม่ปฏิบัติกับฉันแบบนี้หากว่าไม่ใช่เพื่อที่จะได้รับ ‘พลัง’ ที่ฉันครอบครองอยู่

ถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะสร้างโรงฝึกเพื่อที่จะสอนเวทมนตร์และวิชาดาบให้กับคนเหล่านั้นที่ถูกเหยียบย้ำเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีความสามารถพิเศษแล้วหละก็

‘แต่ว่าด้วยระดับของเวทมนตร์และวิชาดาบของฉันมันยังไม่ถึงขั้น’

ฉันจำเป็นที่จะต้องมีวิชาดาบที่เหมาะสมถ้าหากว่าฉันต้องการที่จะสอนมันให้กับคนอื่นจะต้องไม่ใช่ ‘เพลงดาบสีดาบ’ แต่ต้องเป็นเพลงดาบอย่างอื่นที่สามารถจะจัดทำเป็นหนังสือเรียนได้และสำหรับเรื่องของเวทมนตร์นั้นฉันสามารถที่จะเอาบางส่วนที่อยู่ในห้องสมุดของแม่มดขาวออกมาสอนได้แต่ปัญหาก็คือความเข้าใจในเรื่องเวทมนตร์ของฉันนั้นยังไม่เพียงพอที่จะสอนให้กับคนอื่นๆ

เลเวลของฉันในตอนนี้คือ 45

ด้วยระบบการจัดลำดับพลังพิเศษแล้ว เลเวลของฉันนั้นเทียบเท่ากับแรงค์ D หรือไม่ก็ ‘ระดับนักดาบฝึกหัด’ ในโลกของนักดาบและในขอบเขตของเวทมนตร์แล้วฉันเทียบได้กับจอมเวทย์ขั้นที่ 1

เพื่อที่จะสอนใครสักคน คุณต้องเป็นอย่างน้อยก็จอมเวทย์ขั้นที่ 4 (แรงค์ B) ในเรื่องของเวทมนตร์ และผู้เชี่ยวชาญดาบ (แรงค์ A ) ในเรื่องของวิชาดาบ

สำหรับตอนนี้แล้วฉันจะต้องนัดเจอกับผู้คนอีกมากมายเพื่อที่จะสร้างเครือข่ายของตนเองให้มากเท่าที่เป็นไปได้

การปรากฏตัวขึ้นของรอยแยกนี้นั้นได้นำพาผลประโยชน์จำนวนมากมาให้กับเหล่าฮันเตอร์ มันสามารถที่จะเพิ่มระดับเวทมนตร์และทักษะดาบของพวกได้อย่างง่ายดายเพื่อพวกเขาได้ทำการโจมตีรอยแยกแบบนี้ ในครั้งหน้า ฉันจะโจมตีมันพร้อมกับลูกศิษย์บางคนที่ฉันเชื่อใจ

ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะนำผู้คนจำนวนมากนักแต่ว่าฉันจะให้เหล่าลูกศิษย์ของฉันนั้นการส่งผ่านเทคนิคไปสู่คนอื่นอีกทีเพื่อที่จะได้ขยายขนาดค่ายฝึกของฉัน ส่วนเหตุผลที่แท้จริงที่ฉันจะสร้างค่ายฝึกขึ้นมาก็เพื่อที่จะรับสมัครเหล่าชนชั้นสูงจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะโจมตี ‘เฮลเกต’

……………………………………………………..

……………………………………………………..

“…ครับ ครับ แล้วผมจะติดต่อกลับไปในครั้งหน้านะครับ”

ในช่วงเช้าตรู่นี้เอง

หลังจากที่ได้เสร็จสิ้นบทสัมภาษณ์พิเศษจากนักข่าวชื่อดังที่มาจากสื่อชื่อดังฉันได้ออกมาจากคาเฟ่พร้อมด้วยกาแฟที่ยังอยู่ในมือของฉัน

นักข่าวคนนั้นดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นที่ได้สัมภาษณ์ฉันแต่ในความเป็นจริงแล้วฉันนั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าเขาเสียอีกในเมื่อมันจะมีโอกาสสักกี่ครั้งกันที่ฉันจะได้รับการสัมภาษณ์โดยใครบางคนที่โด่งดังอย่างเขาอีกครั้งรึป่าวก็ไม่รู้?

เมื่อฉันออกมาจากคาเฟ่แล้ว สายลมที่เย็นยะเยือกในยามเช้าได้พัดเข้ามาหาฉันแต่หลังจากที่ได้เลเวลอัพมาหลายต่อหลายครั้งแล้วร่างกายของฉันไม่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิภายนอกอีกต่อไป ในความเป็นจริงแล้วสายลมนี้แค่ทำให้ฉันรู้สึกสดชื้นมากขึ้นเท่านั้น

ฉันได้เดินไปไปที่บ้านของตนเองอย่างต่อเนื่องแต่แล้วในทันใดนั้นเอง…

“หยุดอยู่ตรงนั้นซะ”

“…..!”

ในจังหวะนี้เอง

ที่ขนของฉันต่างพากันลุกชันไปทั่วร่างกาย

ตึก-ตึก! ตึก-ตึก! ตึก-ตึก!

ร่างกายของฉันทั้งร่างตึงเครียดขึ้นมาในพริบตา มันเป็นเพราะว่าสัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวฉันได้ส่งสัญญาณเตือน ไม่สิ- มันเป็นเพราะสกิล ‘สัมผัสที่หก (F)’ ของฉัน

ห้ายขยับ ห้ามทำเรื่องโง่ใดๆ! นายไม่สามารถที่จะต่อต่อต้านเขาได้ที่นี้

[สกิล นักล่าตัวเอกได้รับการยกระดับอีกครั้งที่เลเวล 3]

[ฟังก์ชันบางอย่างของนักล่าตัวเอกเลเวล 3 ได้รับการปลดล็อคความสามารถของคุณจะได้รับการยกระดับขึ้นเมื่อได้ทำการต่อสู้กับตัวเอก]

[คุณได้พบกับตัวเอกที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้ด้วย]

[กำลังเตรียมการมาตรการเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีฉุกเฉิน]

อีกหลายวินาทีได้ผ่านไป ฉันแทบจะไม่สามารถที่จะขยับร่างกายของตนเองเพื่อไปสบตากันเขาได้

“อะไรกัน? นี่แกไม่ใช่คนที่มาจากมูริมอย่างนั้นเหรอ?”

ในตอนนั้นเองที่ฉันสามารถที่จะเห็นมันได้

ดู_เหมือนว่า_พ่อ_ของ_ฉัน_จะเป็น_เดอมาร์สูงสุด

สมัยใหม่ ผู้หวนคืน

ธรรมะ มูริม

ฮาเรม ชีวิตประจำมัน

แฮชแท็กของตัวเองได้ลอยขึ้นอยู่ที่ด้านบนหัวของเขา

……………………….

………….

…..

(ผู้แปล : เดอมาร์(Dharma) แปลว่าธรรมะนะครับแต่จะใช้คำทับศัพท์ไปเลยเนื่องจากว่าถ้าใช้คำว่าธรรมะสูงสุดแล้วมันขัดหูข้าพเจ้ายิ่งนักนะครับ)