การได้เป็นนักบินอวกาศคือความฝันสูงสุด นั้นคือสิ่งที่เขามักจะบอกกับทุกคนที่เคยได้เจอ แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นของไม่ได้พูดโกหกก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้พูดความจริงด้วยเช่นกัน

ก็นะเอาจริงแล้วไอ้การเป็นนักบินอวกาศเนี่ยเขาก็ไม่ได้อยากจะเป็นมันจริงๆ ด้วยซ้ำ เพราะความฝันที่แท้จริงของเขานั่นก็คือการได้ท่องอยู่ท่ามกลางดวงดาวต่างหาก

แน่นอนว่าจริงๆ มันยังมีอาชีพอย่างอื่นอีกหลายอาชีพที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับดวงดาวได้ แต่ไอ้ทุกอาชีพที่ว่ามาเนี่ยนอกจากนักบินอวกาศแล้ว มันดันไม่มีอาชีพไหนเลยที่สามารถเข้าถึงดวงดาวได้เลยแม้อาชีพเดียวและด้วยเหตุผลแบบนั้น มันจึงทำให้อาชีพนักบินอวกาศกลายเป็นเป้าหมายในชีวิตของเขาไปโดยปริยาย

แน่นอนว่าการจะเป็นนักบินอวกาศได้นั้นมันเป็นอะไรยากมากๆ เลยก็จริง แต่ถ้ามันสามารถทำให้เขาได้เข้าใกล้ดวงดาวที่ใฝ่ฝันแล้วละก็ ต่อให้เส้นทางมันจะยากแค่ไหนเขาก็จะต้องเป็นนักบินอวกาศให้จงได้

ทั้งยอมทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ปฏิเสธพ่อและปู่ที่คาดหวังในพรสวรรค์ในตัวเขา แถมยังทำให้คุณแม่กับเจ้เจ้าของร้านต้องมาค่อยช่วยเหลือตัวเขาอยู่เสมอๆ เพื่อที่ทำให้ความฝันของเขามันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ตัวเขานะพยายามอย่างมากเลยนะกว่าจะไต่ถึงจุดจุดนี้ได้

“ถึงฉันจะดีใจก็เถอะที่ขึ้นมาในอวกาศได้สำเร็จโดยไม่ต้องไม่แข่งกับใคร แต่ว่านะ… แต่ว่านะ!! สุดท้ายแล้วความพยายามของฉันตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเนี่ย… มันเพื่ออะไรกันฟะ?”

ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนออกมาจนเกิดเสียงสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง จากนั้นตัวเขาที่ยืนอยู่ค่อยๆ ล้มลงไปนั่งที่โซฟาดังเดิมพร้อมกับเสียงท้องร้องที่ดังด้วยความหิว

“จะว่าไปเราไม่ได้กินอะไรมา… กี่วันแล้วฟะ? ช่างมันเถอะนั่งคิดไปก็เท่านั้น ยังไงตอนนี้คงต้องหาอะไรใส่ท้องให้ได้ก่อน”

ตัวเขาค่อยๆ ยืนลุกขึ้นพร้อมกับเดินกลับไปยังห้องบรรยายที่อิโซลาร์อยู่อย่างรวดเร็ว แต่ว่าเมื่อเขาเดินเปิดประตูเข้าไปข้างใน เขากับพบว่ามันไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเลยสักคนด้วย

“หายหัวไปไหนกันนะยัยนั้น…”

ตัวเขากวาดสายตามองภายในห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนที่จะค่อยๆ ถอยหลังออกมาจากห้องบรรยายพร้อมกับมองไปตามทางยาวสุดลูกหูลูกตาที่เต็มไปด้วยประตูมากมายจนนับไม่ไหว

“อะไรอีกฟะเนี่ย… สรุปไอ้ยานบ้านี้มันเป็นเขาวงกตหรือยังไงกัน?”

[ไม่ใช่ยานบ้าสักหน่อย แอสทรัล ต่างหาก]

ตัวชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังก้องขึ้นมา ก็รู้สึกสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะกลับตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว

“จู่ๆ อย่ามาทำให้ตกใจกันแบบนี้สิฟะ!! แล้วอีกอย่างตอนนี้เธออยู่ไหนเนี่ย?”

ชายหนุ่มพูดตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมกับพยายามมองไปรอบๆ

[ตอนนี้ข้าจัดระบบภายในของแอสทรัลอยู่น่ะ รอสักครู่นะ…]

ทันใดนั้นเองกำแพงรอบๆ ตัวเขาก็เริ่มเกิดความบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหยุดลงอย่างรวดเร็ว ทางลาดยาวที่เต็มไปด้วยประตูมากมายได้หายไปพร้อมกับปรากฏประตูบานหนึ่งขึ้นมาตรงหน้าของเขาแทน

[เอาละในที่สุดก็เตรียมการเสร็จสักที ทีนี้ก็เข้ามาในห้องได้เลยศิวะ]

“อะไรอีกละวะเนี่ย?”

เขาพูดออกมาด้วยสีหน้างงงวยเล็กน้อย ก่อนที่จะเลิกใส่ใจกับเรื่องแปลกๆ ที่พึ่งเกิดขึ้น พร้อมกับเปิดประตูเข้าไปห้องอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาเข้ามาในห้องเขาก็พบว่าอิโซลาร์กำลังยืนรอเขาอยู่กลางห้องสีขาวโล่งกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งพอเขาลองสังเกตดูจุดที่อิโซลาร์ยืนอยู่ ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจหน่อยๆ เพราะรูปแบบของพื้นที่ยัยนั้นยืนอยู่ มันทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก

“หืม? มัวยืนเหม่ออยู่ทำไมละนั่น รีบๆ เดินเข้ามาในสนามทดสอบได้แล้ว”

เด็กสาวผมชมพูตะโกนออกมาเพราะเห็นว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่นอกสนามเอาแต่ยืนมองไม่เข้ามาหาเธอสักที

“เฮ้อ… สุดท้ายก็มาจบลงอีหรอบนี้สินะ โอเค… เข้าใจแล้ว มาชัดกันให้มันจบๆ ไปเถอะ”

ชายหนุ่มเริ่มถอดชุดผ้าคลุมออกจนเหลือเพียงกางเกงขายาวสีขาวตัวเดียว พร้อมกับเดินเข้าไปหาอิโซลาร์ด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“เป็นอะไรของเจ้านะศิวะ อยู่ๆ ก็ถอดเสื้อแบบนั้น… ร้อนหรือไง?”

อิโซลาร์พูดถามออกมาด้วยความสงสัยกับการกระทำแปลกๆ ของชายหนุ่มตรงหน้า

“อ้าว… ก็เดี๋ยวพวกเราจะสู้ตัดสินกันไม่ใช่หรือไง?”

“อ่อ… ที่เราพูดกันเมื่อตอนนั้นสินะ เฮ้อ… เอาเถอะ ยังไงก็ต้องทำการทดสอบความสามารถรวมๆ ของเจ้าอยู่แล้ว ถ้างั้นจะเข้ามาตอนไหนก็เข้ามาเลย!!”

“……”

เมื่อชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็พุ่งเข้าไปปล่อยหมัดขวาตรงไปที่อิโซลาร์อย่างรวดเร็ว แต่ตัวเธอกับรับมันไว้ด้วยการยืนมือออกมาเพียงเล็กน้อย

“อืมๆ ทั้งที่ตัวเจ้ายังไม่ได้ปลุกอาร์คแท้ๆ แต่แรงหมัดค่อนข้างใช้ได้เลยนะ ไม่เลวๆ ถ้างั้น…”

อิโซลาร์พูดออกมาด้วยสิน่าอารมณ์ดีก่อนที่เธอจะใช้มือเล็กๆ ของเธอง้างหมัดค้างไว้ก่อนที่จะต่อยมาที่เขา แน่นอนว่าชายหนุ่มเองก็ไม่คิดจะประมาทคนที่อยู่ตรงหน้า เขาจึงเปลี่ยนมาใช้มือทั้งสองข้างเพื่อตั้งรับหมัดของเธอไว้

แต่ในจังหวะเสี้ยววินาทีที่หมัดนั้นใกล้จะถึงตัวเขา ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงอะไรแปลกๆ จึงได้ถอนการป้องกัน แล้วเอียงตัวหลบหมัดของเด็กสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้เท้าของเขาเตะตัดขาของอีกฝ่ายจนเธอเริ่มเสียหลักล้มลงทำให้หมัดของเธอไปต่อยกับพื้นสนามจนเกิดรอยร้าวรอบตัวเธอ

“แค่หมัดเดียวเล่นซะพื้นแตกเลยเหรอ!? ถามจริง!! นั้นแรงคนหรือแรงควายฟะ!?”

“ประสาทก็สัมผัสดีเยี่ยม แต่ว่า…”

ทันใดนั้นเองรอบๆ ตัวของเด็กสาวตรงหน้าก็เกิดออร่าบางๆ ห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ก่อนที่ตัวเธอจะหายวับไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว

“หะ… หายไปแล้ว!! เมื่อกี้มันอะไรฟะนั้น!?”

ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความตื่นตกใจกับสิ่งที่ตนพึ่งจะได้เห็นไปหมาดๆ ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มรู้สึกเหมือนกับมีใครก็ไม่รู้มาอยู่ข้างหลังเขา

“ทั้งที่เป็นอย่างงั้น ตัวเจ้าในตอนนี้นั้นกลับยังไม่ได้ทำการปลุกพลังที่ผู้กล้าทุกคนควรจะมีเลยด้วยซ้ำ เพราะเหตุใดกัน?”

เด็กสาวที่ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังของชายหนุ่มพร้อมกับใช้มือเล็กๆ ของเธอเตรียมสับเบาๆ ไปที่หัวของเขา แต่ว่าตัวชายหนุ่มที่ไหวตัวทันก็ก้มตัวลงก่อนที่จะใช้แรงที่ขาเล็กน้อยเพื่อดีดตัวออกห่างจากเด็กสาวที่อยู่ข้างหลังเขา

“อืม… ความสามารถพื้นฐานก่อนปลุกอาร์คสูงจนดูผิดปกติ ถามจริงเถอะนี้เจอเป็นแค่พ่อครัวธรรมดาจริงๆ งั้นเหรอ?”

เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูตกใจเล็กน้อยกับความสามารถของชายหนุ่มที่อยู่หน้าของเธอ

“ถึงปัจจุบันฉันจะทำงานเป็นพ่อครัวก็จริง แต่เมื่อก่อนสมัยตอนเด็กๆ ฉันโดนถูกพ่อกับปู่จับไปฝึกวิชาต่อสู้อยู่บ่อยๆ น่ะ… ว่าแต่ไอ้เมื่อตะกี้มันอะไรกันฟะ? นี้เธอเป็นชาวไซo่าหรือยังไงกัน!?”

“อาร์คยังไงละ เดี๋ยวนะ… อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จักนะ?”

เด็กสาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง ก่อนที่จู่ๆ จะหายตัวไป แล้วมีปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของชายหนุ่มในระยะประชิดตัว

“ของพรรค์นั้นใครมันจะไปรู้จักฟะ!! เว้อ!?”

ตัวเขาที่เห็นว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็มาโผล่ตัวอยู่ข้างหน้า ตัวเขาจึงรีบกลิ้งตัวออกอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้

“ข้าขอถามให้แน่ใจอีกครั้ง เจ้าไม่รู้จักอาร์คจริงๆ งั้นเหรอ? จากที่ข้าฟังที่เจ้าพูดออกมาเมื่อสักครู่ ตัวเจ้าเองก็น่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับต่อสู้… ไม่สิ ถ้าดูจากความสามารถของเจ้าแล้ว ตัวเจ้านะน่าอยู่ในระดับเดียวกับพวกยอดฝีมือเลยไม่ใช่หรือไงกัน!? ทั้งที่เป็นผู้ที่มีฝีมือระดับนั้นแท้ๆ ทำไมถึงไม่รู้จักอาร์คได้กัน?”

“ไม่รู้จักโว้ย!! ไอ้พลังที่ดูบ้าบอคอแตกแบบนั้นน่ะ ตามปกติแล้วมันมีแต่ในการ์ตูนเท่านั้นละ!!”

“แล้วไอ้การ์ตูนที่พูดถึงเมื่อกี้มันคืออะไรกัน?”

“หา!? เอาจริงดิ? ไม่รู้จักการ์ตูนจริงดิ? อืม… ถ้าให้อธิบายว่ามันคืออะไรก็คงจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงละมั้ง?”

“อืม… เรื่องแต่งงั้นเหรอ… ไม่สิ ถ้าลองดูจากความไกลของระยะทางแล้ว แบบนี้ก็หมายความว่า… อ่า… เข้าใจแล้ว เป็นแบบนี้เองสินะ”

เด็กสาวทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักพร้อมกับพูดพึมพำเหมือนกับเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง

ตัวเขาที่เห็นว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็เปิดช่องว่างออกมา จึงได้รีบพุ่งเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ในวินาทีที่เขาปล่อยหมัดใส่ที่ข้างลำตัวของอีกฝ่ายซึ่งเป็นจุดที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะกันได้อย่างแน่นอนและมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ

แต่ในจังหวะที่หมัดของเขาได้กระทบลำตัวของอีกฝ่าย ตัวเขาก็ถึงกับต้องรีบชักมือออกในทันที เพราะตัวเขาคาดไม่ถึงเลยว่า ลำตัวของคนที่อยู่ตรงหน้าเขามันจะแข็งอะไรได้ขนาดนั้น มันแข็งมากๆ จนเหมือนกับเขาพึ่งเอามือเปล่าๆ ไปต่อยกับกำแพงเหล็กยังไงอย่างงั้น

“ชิ!! แรงควายยังไม่พอ ตัวยังแข็งจนต่อยไม่เข้าอีก ทำเอานึกถึงไอ้จิ้งเหลนเมื่อตอนนั้นเลยแฮะ ถ้างั้นลองเจอแบบนี้หน่อยเป็นไง!!”

ชายหนุ่มยืนมือไปจับแขนของอโซลาร์อย่างรวดเร็วพร้อมกับพยายามจับอีกตัวฝ่ายทุ่มลงพื้น

แต่ว่าทางฝ่ายของอิโซลาร์เองก็ไม่ได้คิดจะเป้านิ่งอยู่เฉยๆ ในจังหวะที่ร่างกายของเธอลอยขึ้นและใกล้จะแตะพื้น ตัวเธอได้ทำการม้วนตัวกลางอากาศจนเด็กสาวกลับมายืนที่พื้นได้ตามปกติ พร้อมกับจับแขนของชายหนุ่มตรงหน้าไว้ ก่อนที่จะใช่ท่าแบบเดียวกับที่เขาพึ่งใช้ใส่เธอไปเมื่อกี้ จนส่งผลให้ตัวของชายหนุ่มลงไปนอนคว่ำกับพื้นในทันที

“อะ… ไอ้ท่าม้วนตัวกลางอากาศอย่างกับหลุดมาจากการ์ตูนสายโชเน็นเมื่อกี้ มันอะไรกันฟะ!?”

ชายหนุ่มที่นอนก้มหน้าอยู่กับพื้น พูดตะโกนออกมาพร้อมกับพยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ว่าอีกฝ่ายกับใช้มือเล็กของเธอมากดกลางลำตัวเขาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

“เจ้านี้เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ เลยนะศิวะ… จากความสามารถพื้นฐานที่เจ้าพึ่งแสดงให้ข้าเห็นเมื่อกี้ ข้าแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยละว่าหลังจากที่เจ้าปลุกอาร์คได้เสร็จ ตัวเจ้านั้นจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน…”

อิโซลาร์พูดออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เธอปล่อยมือที่กดหลังของชายหนุ่มออกและเดินมาข้างหน้าของเขาพร้อมกับยืนมาทางเขาด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ

“ชิ… ขี้โกงชะมัด…”

ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะยืนมือของเขาไปจับมืออีกฝ่ายพร้อมกับลุกยืนขึ้น

“ฮ่าๆ เจ้าจะมาพูดว่าข้าขี้โกงไม่ได้หรอกนะศิวะ ถ้าจะโทษที่ไปโทษตัวเจ้าที่ไม่รู้จักอาร์คซะเถอะ”

เด็กสาวพูดหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมกับเดินไปตบหลังของเขาเบาๆ

“ชิ… แล้วเรื่องที่เธอพูดมาเมื่อกี้เนี่ย มันหมายความว่ายังไงเหรออิโซลาร์”

“อ่อ! หมายถึงเรื่องการปลุกอาร์คสินะ เอาละยืนมือมาสิเดี๋ยวข้าจะทำการปลุกอาร์คให้เอง”

เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าอารมณ์ดีพร้อมกับยืนมือมาหาเข้าอีกครั้ง

“เอ๋… ต้องจับมืออีกแล้วเหรอ? แล้วอีกอย่าง ก่อนอื่นช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม ว่าสรุปแล้วไอ้อาร์คที่เธอใช้ใส่ฉันไปเมื่อกี้เนี่ย มันคืออะไรกันแน่?”

“แทนที่จะให้ข้ามานั่งอธิบาย ข้าว่าเจ้าลองไปสัมผัสเองน่าจะเข้าใจได้เร็วกว่านะ”

“เอาจริงดิ? ถ้างั้น…”

เมื่อเขาได้ยินอิโซลาร์พูดแบบนั้น ตัวเขาจึงค่อยๆ ยืนมือไปจับมือของเธอในทันที

ในจังหวะที่มือของเขาได้สัมผัสกับมือของเธอ ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าร่างกายถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนทำให้ตัวเขาถึงกับเข่าทรุดลงไปกับพื้นในสภาพที่มือของเขายังจับมือของอิโซลาร์ไว้ ทำให้ชายหนุ่มยังคงประคองตัวเองเอาไว้ได้

ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบก็หยุดนิ่งลงอย่างฉับพลัน พร้อมกับปรากฏกล่องลูกบาศก์สีขาวขึ้นตรงหน้าของเขา

“กล่องสีขาว… เอ๊? สีเปลี่ยนไปแล้ว…”

เขาจ้องมองกล่องลูกบาศก์ตรงหน้าที่กำลังเปลี่ยนสีตัวมันเอง จากสีขาวเป็นสีแดง จากสีแดงเป็นสีทอง จากสีทองเป็นสีฟ้า ตัวของลูกบาศก์ตรงหน้ายังคงเปลี่ยนตัวมันเองไปเรื่อยๆ ตัวเขาจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย ก่อนที่จะค่อยๆ ยืนมืออีกข้างออกไปแตะมันด้วยที่ไม่รู้ตัว

ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาได้สัมผัสกับมัน ตัวลูกบาศก์ก็เริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นพร้อมกับแสงหลากสีที่ส่องประกายออกมาจากรอยร้าว ก่อนที่ตัวลูกบาศก์จะแตกกระจายออกและปรากฏอัญมณีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือและมีสีสันที่ไม่ซ้ำกันนับรวมได้ 9 เม็ด ลอยหมุนวนกันช้าๆ อยู่รอบข้อมือของเขา พร้อมกับบรรยากาศโดยรอบที่กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“อืมๆ ดูเหมือนว่าจะปลุกได้ตามปกติโดยไม่มีปัญหาอะไรสินะ”

เธอพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเลิกจับมืออีกฝ่าย ก่อนที่เริ่มสังเกตเห็นสิ่งที่กำลังลอยอยู่บริเวณข้อมือของชายหนุ่ม

“เป็นยังไงบ้างศิวะ? พอจะเข้าใจหรือยังว่าอาร์คคืออะไร”

“ไม่อะ… ไม่เข้าใจเลยสักนิด อยู่ก็มีกล่องสีแปลกๆ แตกออก แล้วก็มีเพชรแปลกๆ ลอยมาอยู่ตรงข้อมือ… เนี่ยอ่ะนะอาร์คอะไรนั้น”

ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้น ก็ได้จ้องมองไปยังกลุ่มก้อนอัญมณี 9 เม็ด ที่กำลังลอยอยู่บริเวณข้อมือของเขาด้วยใบหน้าที่มึนงง

“อืม… แย่ละสิ ถึงข้าจะเห็นอาร์คของพวกผู้กล้ามานับไม่ถ้วนก็ตาม แต่ข้าเองก็ไม่เคยเห็นพลังรูปแบบนี้มาก่อนเลย แต่สิ่งนี่ก็น่าจะเป็นพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอุดมคติแห่งความเป็นไปได้ของตัวเจ้าเองแน่นอน นี่ศิวะ… เจ้าพอจะรู้ไหมว่า ‘ยูนีค’ ของเจ้ามันทำอะไรได้บ้าง?”

เด็กสาวมองมาที่ข้อมือของเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

“ยูนีค? อะไรอีกละนั่น ไหนเธอบอกว่าจะปลุกอาร์คอะไรนั้นให้ฉันไม่ใช่เหรอ? แล้วไหงมันถึงกลายเป็นยูนีคอะไรนี้ไปได้ฟะ!!”

ชายหนุ่มพูดตะโกนออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่ตัวเขาจะลุกขึ้นไปเขย่าตัวของอีกฝ่ายเพื่อเค้นหาคำตอบ

“เฮ้อ… ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอีกแล้วสินะ”

*****