เงินทุนเพียง 100 ตำลึงก็เปิดร้านทั้งหมด 3 สาขาได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี แถมผลกำไรของแต่ละสาขายังมหาศาล แม้เป็นทายาทที่สืบทอดกิจการโดยตรงก็ยังทำไม่ได้ใช่หรือเปล่า ?
หนิงตงเซิ่งนึกถึงคำทำนายในอดีตว่าผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลต้องเป็นหนิงตงหยู แต่ในปีแรกที่ออกจากบ้านก็ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ไม่ได้ ! ห้ามตื่นเต้นมากเกินไป ต้องใจเย็นเข้าไว้ ! หลังปรับสภาพจิตใจเรียบร้อยแล้ว หนิงตงเซิ่งก็เจรจาการค้าต่อ “ข้าสามารถแบ่งเงินปันผลให้กู่เหนียงสามในสิบส่วนได้ ทว่าจะไร้ข้อแม้เลยก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ ? ”
“สูตรขนมสิบชนิดแลกกับเงินปันผลของร้านคุณชายสิบปี หลังจากสิบปีแล้วพวกเราสิ้นสุดสัญญาต่อกัน ท่านเห็นว่าอย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยรู้ดีแก่ใจว่าสูตรขนม 10 ชนิดถ้ายึดตามราคาเก่า นางจะได้เงินแค่ 2,000 ตำลึง
นางไม่สงสัยแม้แต่น้อย เพราะด้วยความสามารถในการทำการค้าของหนิงตงเซิ่ง กอปรกับขนมใหม่อีก 10 ชนิดนี้ เงินปันผลสามในสิบส่วนตลอด 10 ปีจะต้องเกินกว่า 2,000 ตำลึงแน่นอนและเป้าหมายในการทำลายร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้ของนางก็จะสมความปรารถนาด้วย การค้าครั้งนี้…ไม่ขาดทุนแม้แต่น้อย !
สำหรับหนิงตงเซิ่งแล้ว การทำลายร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลา เมื่อร้านนั้นปิดตัวลง ตลาดขนมในเขตเริ่นอันก็จะโดนตระกูลหนิงครอบครอง สำหรับเขาคือมีแต่ได้กับได้ แล้วเหตุใดจะไม่ตกลง ?
ส่วนเงินปันผลที่เพิ่งเอ่ยปากขอตลอด 10 ปีของหลินเว่ยเว่ยก็อยู่ในความคาดหมายของเขาแล้ว หลายคนที่กุมสูตรลับเอาไว้จะเรียกร้องข้อเสนอเยอะแยะไปหมดย่อมมีอยู่ถมเถ ดังนั้นเขาจึงคาดเดาไว้ต่ำสุดที่ 20 ปีด้วยซ้ำ และคำขอของหลินกู่เหนียงก็ถือว่าดีมาก
เจรจากับคนนิสัยดีย่อมรู้สึกดีตามไปด้วย หนิงตงเซิ่งจึงแสดงท่าทางว่าจะร่วมมืออย่างมีความสุข
ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็มอบสูตรขนมให้เขา 5 สูตรก่อน นางเป็นคนพูด ส่วนหนิงตงเซิ่งเป็นคนจดบันทึก สูตรแรกคือขนมดอกบัว วัตถุดิบหลักคือแป้ง ขนมดอกบัวที่ทำออกมาแล้วด้านนอกจะมีรูปร่างเหมือนดอกบัว โครงสร้างชัดเจน ชั้นแป้งบางเหมือนปีกจักจั่น รูปลักษณ์เหมือนดอกบัวที่กำลังผลิบาน แค่มองก็ทำให้น้ำลายไหล
สูตรที่สองคือขนมถั่วหยก วัตถุดิบหลักคือถั่วลันเตา แป้งข้าวเหนียวและโป้เหอ ( สะระแหน่ ) ทำออกมาเป็นขนมถั่วสีเขียวราวกับหยก สีสันเขียวละมุน รสชาติสดชื่นนุ่มลิ้น
นอกจากนี้ยังมีขนมเห่งยิ้งเกล็ดหิมะ เค้กข้าวผลไม้รวมและขนมกุ้ยฮวาไส้เมล็ดสน ขนมไม่กี่อย่างล้วนเป็นขนมพื้นฐานของจีนซึ่งถูกปรับปรุงเรื่องสี รูปทรงและรสชาติให้ดีขึ้น
ขณะฟังนางอธิบาย หนิงตงเซิ่งก็รู้สึกว่าน้ำลายของตนไหลออกมาเร็วกว่าเดิม เมื่อลองมองไปที่สูตรขนมอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันเป็นนามธรรมไปหน่อย ไม่รู้ว่าแม่ครัวจะทำขนมเหล่านี้ออกมาได้หรือไม่
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าช่วงนี้หลินกู่เหนียงมีเวลาว่างพอจะมาสอนพวกแม่ครัวทำขนมได้หรือไม่…”
หลินเว่ยเว่ยนึกถึงเงินปันผลของในอีก 10 ปีนับจากนี้ พูดตามตรงคือถ้าให้แม่ครัวลงมือทำเอง นางก็ไม่ค่อยวางใจสักเท่าไร นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงยินดีว่า “แน่นอน ! หน้าที่ของตนเองจะผลักให้ผู้อื่นไม่ได้ ! ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ท่านเรียกแม่ครัวฝีมือดีที่สุดของร้านมาสิ ประเดี๋ยวข้าจะสอนนางทำขนมสองชนิดก่อน ! ”
เห่งยิ้งและผลไม้อบแห้งต่าง ๆ ล้วนมีในร้านอยู่แล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงเริ่มสาธิตวิธีทำ ‘ขนมเห่งยิ้งเกล็ดหิมะ’ เป็นลำดับแรกโดยนำเห่งยิ้งที่คั่วเสร็จแล้วไปแช่น้ำ จากนั้นก็กรองน้ำออกแล้วบดให้ละเอียด กรองน้ำเห่งยิ้งอีกรอบ จากนั้นก็เติมน้ำตาลสีขาวและแป้งข้าวเหนียวที่ละลายน้ำไว้ลงไปแล้วคนจนกว่าพวกมันจะเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเหนียวข้นแล้วก็เทใส่แม่พิมพ์ รอจนกว่ามันจะเย็น ต่อจากนั้นก็โรยผงงาขาวคั่วทั่วแป้งชั้นนอก รสชาติหอมหวานเข้ากัน และขนมเห่งยิ้งเกล็ดหิมะราวหยกขาวก็เสร็จสิ้น
หนิงตงเซิ่งหยิบขึ้นมากินหนึ่งชิ้น ตัวขนมนุ่มละมุน กลิ่นเห่งยิ้งหอมฟุ้งกระจายทั่วปากและจมูก ผงงาขาวคั่วที่โรยอยู่บนชั้นแป้งข้าวเหนียวช่วยเพิ่มสัมผัสเหนียวหนึบของขนมและกลิ่นหอมขึ้นกว่าเดิม สองรสชาติผสมกันลงตัว ให้กินกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ !
“ขนมเห่งยิ้งเกล็ดหิมะนี้ หากกินบ่อย ๆ จะช่วยบำรุงปอด บรรเทาอาการหอบหืดและป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย ! หากสตรีกินจะทำให้ผิวพรรณเนียนละเอียด ใบหน้ามีสีเลือดฝาดและอิ่มน้ำ…” ถ้อยคำด้านการตลาดในชาติที่แล้ว หลินเว่ยเว่ยท่องได้อย่างคล่องแคล่ว
ทันใดนั้นหนิงตงเซิ่งก็ใช้แววตาประหลาดใจมองนาง “หลินกู่เหนียงรู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะแห้งไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็อธิบายว่า “ข้าเรียนมาจากท่านหมอเหลียงในหมู่บ้านโดยผิวเผินจึงพอรู้วิธีดูแลสุขภาพอยู่บ้าง…”
ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็สอนทำเค้กข้าวผลไม้รวม วัตถุดิบคือแป้งข้าวเหนียว พุทราแดง น้ำตาล ถั่วสมอง ลูกเกด เมล็ดสน งาคั่ว ผลไม้หวาน ฯลฯ หลังแช่ถั่วสมองในน้ำเดือดจนได้ที่แล้ว นางก็นำพวกมันออกมาแกะเปลือกแล้วนำไปผัดในกระทะให้สุก จากนั้นก็นำไปสับอีกรอบ ส่วนผลไม้อบแห้ง ผลไม้เชื่อมต่าง ๆ ก็ถูกสับแล้วนำไปพักไว้เช่นกัน จากนั้นนางก็นำพวกมันใส่ภาชนะ เติมน้ำตาลลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน จบด้วยการนวดแป้งข้าวเหนียวให้เป็นก้อนกลม นำไปนึ่งจนสุกแล้วยกออก หลังพักให้เย็นแล้วก็ใส่น้ำตาล ทาน้ำมันงาแล้วพับแป้งทบไปทบมา จากนั้นก็นวดอีกรอบแล้วทาน้ำมันงาอีกครั้งเพื่อคลี่แป้งออก ชั้นน้ำตาลและชั้นแป้งซ้อนทับกันสองสามชั้นเมื่อหั่นเป็นชิ้นแล้วรสชาติเข้มข้นเกินบรรยาย เปรี้ยวหวานถูกปากยิ่งนัก
เมื่อหนิงตงเซิ่งลองชิมแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้ “หลินกู่เหนียงตรงกับสำนวนที่ว่าฮุ่ยจื่อหลานซิน1 ยิ่งนัก ขนมที่ทำออกมาไม่เพียงมีรสชาติดีแต่ยังดูดีด้วย”
“คุณชายหนิงชมเกินไปแล้ว…ไอหยา ! สายขนาดนี้แล้วหรือ ? ข้านัดกับผู้อื่นไว้ว่าจะกลับบ้านพร้อมกัน…” ทว่านี่ก็เลยจากเวลานัด 2 เค่อแล้ว ไม่รู้ว่าบัณฑิตหนุ่มจะรอจนหงุดหงิดหรือไม่ ? หรือจะโมโหจนกลับไปก่อนแล้ว ?
หนิงตงเซิ่งเห็นนางรีบวิ่งออกไปจึงรีบวิ่งตามแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นให้ข้าสั่งคนขับรถม้าไปส่งท่านกลับดีหรือไม่ ? ”
“ไม่ต้อง พวกเรามีเกวียน ! ” หลังกล่าวทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็พุ่งออกไปจากประตูร้านราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ แต่แล้วนางก็หยุดกระทันหันจนเกือบชนร่างอันสูงโปร่งด้านนอกประตู
“อะ…เฮ้เฮ้ ! บัณฑิตน้อย เหตุใดเจ้ามารออยู่ที่นี่ ? ไม่ได้นัดว่าจะเจอกันที่หน้าประตูเมืองหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มแล้วเหลือบมองสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
เจียงโม่หานกวาดสายตามองนางและเงียบไม่พูดไม่จา หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นเกวียนแล้วนั่งตรงที่นั่งคนขับเพื่อขับเกวียนเทียมล่อไปยังนอกประตู ทำให้เกวียนเทียมล่อแสนธรรมดากลายเป็นรถม้าคันหรูเพราะเขา
“รอข้าก่อน ! ” เกวียนเคลื่อนตัวไม่เร็วนัก หลินเว่ยเว่ยจึงวิ่งตามทัน นางกระโดดขึ้นเกวียนทั้งที่ใส่กระโปรงอยู่ จากนั้นก็ขยับไปใกล้บัณฑิตหนุ่มทีละนิดและยิ้มอย่างโง่งมขณะที่มองเขา
เจียงโม่หานมองไปข้างหน้าเพื่อบังคับเกวียนเทียมล่อให้รีบวิ่งกลับฉือหลี่โกว หลินเว่ยเว่ยจับขอบเกวียนไว้เพื่อไม่ให้กลิ้งตกลงไป
นางลองถามหยั่งเชิง “บัณฑิตน้อย เหตุใดวันนี้เจ้าเป็นคนขับ ? อาว่ายจื่อหายไปไหน ? เขาคงไม่ได้กลับไปแล้วกระมัง”
เจียงโม่หานทำราวกับไม่ได้ยิน เขาทำหน้าไม่แยแส เฮอะ นิสัยขี้โมโหกำเริบอีกแล้ว ต้องรีบเอาใจเสียหน่อย !
หลินเว่ยเว่ยจึงรีบอธิบาย “ข้าไม่ได้ตั้งใจออกมาช้า ตอนนั้นข้ากำลังชี้แนะการทำขนมสองชนิดให้แม่ครัวแห่งร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้อยู่ อาจเพราะตั้งใจไปหน่อยจึงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแล้ว”
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจียงโม่หานยังดูเย็นชาอยู่ นางก็ขอโทษจากใจจริง “ข้ารู้ ข้าทำให้เจ้ารอนานถึงเพียงนี้ ข้าผิดเอง ! ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ครั้งนี้เจ้ายกโทษให้ข้าได้หรือไม่ ? ”
“เจ้า…ขาดแคลนเงินนักหรือ ? ” เจียงโม่หานคาดไม่ถึงว่าการออกไปเดินเล่นที่นางกล่าวถึงจะเป็นการกลับไปที่ร้านตระกูลหนิงและยังโดนกล่อมจนยอมขายสูตรขนมไปอีกสองสูตร…เด็กโง่ ไม่รู้ว่าสูตรลับมีค่าและสำคัญเพียงใดเลยหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม “คราวนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน…ไอหยา ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง วางใจได้เลย หรือเจ้าเห็นข้าเหมือนคนที่จะโดนเอาเปรียบได้ง่าย ? ”
1 ฮุ่ยจื่อหลานซิน หมายถึง ผู้หญิงที่มีจิตใจบริสุทธิ์และฉลาดหลักแหลม
ตอนต่อไป