อู๋ปัวส่ายนิ้วใส่ชายหนุ่มชุดบัณฑิตตรงหน้าแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้องจาง เจ้าระวังคำพูดไว้หน่อย ไม่ได้เป็นเพราะเจียงโม่หานทำตัวหยิ่งยโสเกินไปจึงโดนพวกอันธพาลที่เห็นแล้วขัดหูขัดตาทุบตีเข้าหรือ ? ”
“ใช่ ใช่ ! ดูปากข้าสิ ! ” บัณฑิตผู้นั้นรีบตบปากตนเองสองที “เป็นพวกอันธพาล ไม่เกี่ยวข้องกับพี่อู๋ ! ”
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าแม่ของบัณฑิตเจียงผู้นั้นโดนโรงปักผ้าของพี่อู๋ปฏิเสธรับซื้องานปักจึงหันไปทำผลไม้อบแห้งขาย ! บัณฑิตเจียงก็ตระหนี่เสียจริง ที่บ้านทำผลไม้อบแห้งก็ไม่หยิบมาให้สหายร่วมห้องกินบ้าง…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ! บัณฑิตเจียงของเราทำตัวสูงส่งมาโดยตลอด แต่ก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะปกปิดเรื่องนี้ เขาจะปล่อยให้ผู้อื่นรู้ว่ามีมารดาเป็นแม่ค้าต่ำต้อยได้อย่างไร ? โอ๊ย…”
ทันใดนั้นบัณฑิตที่หัวเราะดังที่สุดก็ยกมือปิดปากแล้วร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเลือดก็ไหลออกมาตามร่องนิ้วของเขาด้วย
“เป็นอันใด ? ” มีสหายสองสามคนรีบเข้ามาล้อมตัวเขาทันที
หลังจากเอามือที่ปิดปากออกแล้ว ‘พู่’ เขาพ่นฟันหน้าสองซี่ออกมา ในความเป็นจริงคือหลินเว่ยเว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงหยิบลูกท้อออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณแล้วปาไปที่ฟันหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง !
หัวเราะหรือ ! หัวเราะสิ ! ต่อไปเวลาพูดลับหลังคนอื่น ข้าจะรอดูว่าเจ้ายังกล้าอ้าปากกว้างแล้วหัวเราะอย่างไร้ยางอายอีกหรือไม่ ?
เมื่ออู๋ปัวเห็นตำแหน่งหลุมดำตรงฟันหน้าของสหายแล้ว เขาก็รีบยกมือปิดปากตนเองทันที จากนั้นก็หันไปมองโดยรอบด้วยแววตาตื่นตระหนก “ผู้ใด ? ถ้าเป็นบุรุษก็ก้าวออกมา หดหัวเป็นเต่าอยู่ในกระดองเช่นนี้ยังจะเป็นลูกผู้ชายอันใดอีก ! ”
หลินเว่ยเว่ยที่แกล้งก้มมองเหอเปา1อยู่ก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ข้าไม่ใช่ผู้ชายและไม่ใช่ลูกผู้ชายด้วย ข้าจะออกไปยืดอกยอมรับด้วยเหตุใด ? พูดนินทาลับหลังคนอื่นแล้วโดนเอาคืนแค่ฟันหน้าสองซี่ก็ถือว่าข้าใจดีมากแล้ว เพราะแม้แต่ลิ้นของเจ้า ข้าก็ตัดได้ รู้ไว้ด้วย !
“กู่เหนียง เหอเปาในมือท่านเป็นลายต้นไผ่งามสง่า เหมาะจะมอบให้คนรักที่สุด ! ” คนขายเหอเปาเป็นหญิงอายุสามสิบกว่าปี นางเห็นหลินเว่ยเว่ยหยิบเหอเปาสีเขียวอ่อนขึ้นมา ‘ดูไม่วางตา’ เมื่อครู่กู่เหนียงเพิ่งส่งบัณฑิตรูปงามคนหนึ่งเข้าสำนักศึกษา นางจึงเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายจะซื้อให้ชายในดวงใจจึงแนะนำให้อย่างกระตือรือร้น
มอบให้คนรัก ? ดวงตาข้างไหนของเจ้าเห็นข้ามีคนรัก ? แต่ว่า…สีนี้ ลายปักนี้…นับว่าเหมาะกับบัณฑิตหนุ่มมาก…ช่างเถิด ไม่จำเป็นต้องซื้อหรอก น้าเฝิงปักได้งดงามกว่านี้อีก !
หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มให้แม่ค้าแล้ววางเหอเปาลงตามเดิม นางเดินเล่นบนท้องถนนต่อจนมาถึงร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้
“หลงจู๊ พวกเจ้าทำนมแพะย่างเป็นหรือไม่ ! เหตุใดจึงมีกลิ่นคาวน่าขยะแขยงเช่นนี้” ชายคนหนึ่งนำห่อกระดาษน้ำมันในมือมาวางกระแทกลงโต๊ะเบื้องหน้าหลงจู๊
“นมแพะบ้านไหนไม่คาว ? นมแพะย่างก็มีกลิ่นเช่นนี้! อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็เรื่องของเจ้า ! ” หลงจู๊แสดงท่าทีแข็งกร้าว กระทั่งเรียกคนงานมาอีกสองคนราวกับพร้อมมีเรื่องเสมอ
“พ่อหนุ่ม นมแพะย่างเป็นของที่พวกเขาเลียนแบบมาจากร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ ! แม้ราคาถูกกว่า แต่รสชาติเทียบกันไม่ติด ! ถ้าอยากกินนมแพะย่างของแท้ต้องไปที่ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ ! ” ชายสูงวัยคนหนึ่งเดินผ่านมาที่หน้าร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้ เมื่อเห็นคนโดนหลอก เขาก็ส่ายศีรษะแล้วเดินต่อไปทางร้านของหนิงตงเซิ่ง
ชายหนุ่มผู้นั้นถอนหายใจ “ภรรยาข้าตั้งครรภ์ ข้าจึงอยากซื้อนมแพะย่างสักสองชิ้นไปให้นางกิน คาดไม่ถึงว่า…จะแพ้ท้องหนักกว่าเดิม ! เฮ้อ ไม่น่าโลภของราคาถูก ซื้อขนมร้านของพวกเจ้าเลย ! ”
“ร้านตระกูลอู๋มีชื่อเสียงเก่าแก่นานนับทศวรรษ แต่โดนบุตรชายไม่ได้เรื่องทำพัง เสียชื่อเสียงที่สั่งสมมาหมด ! ” พักนี้ร้านค้าที่อยู่โดยรอบได้เห็นเรื่องสนุกทุกวัน หลังจากร้านค้าของตระกูลหนิงทำขนมชนิดใหม่ออกมาสองสามอย่างแล้วก็สามารถกล่าวได้ว่าสถานการณ์ของร้านตระกูลอู๋ก็แย่ลงทุกวัน
หลินเว่ยเว่ยเข้าไปเดินวนในร้านหนึ่งรอบ ขนมโบราณสองสามอย่างถูกวางไว้บนชั้นอย่างลวก ๆ ตราชั่งที่ใช้ชั่งขนมก็มีคราบสีดำเคลือบอยู่ ไม่รู้ว่ามีคราบน้ำมันสะสมกันอยู่กี่ชั้น กระดาษที่ใช้ห่อขนมก็กองซ้อนกันอย่างไม่เป็นระเบียบ…เมื่อก่อนตอนยังไม่มีร้านขนมอื่นผุดขึ้นมา การค้าก็เป็นไปด้วยดี แต่ในสายตาของหลินเว่ยเว่ยคือที่นี่ไม่มีจุดแข็งอันใดในสนามแข่งขันนี้ !
ฮึ ! ตอนนี้บัณฑิตหนุ่มมีนางคอยคุ้มกัน หากคิดจัดการเขาก็ถือว่าเป็นศัตรูกับนางด้วย ! หลินเว่ยเว่ยไม่ชอบหาเรื่องแต่ก็ไม่กลัวการมีเรื่อง ! มาสิ การแข่งขันรอบแรกก็เริ่มจากการทำลายร้านขนมนี้แล้วกัน !
หลังออกมาจากร้านตระกูลอู๋แล้ว นางก็เดินตรงไปที่ร้านตระกูลหนิง เมื่อได้ยินว่าคุณชายหนิงยังอยู่ นางก็ให้คนงานเชิญเขาออกมา “คุณชายหนิง ข้าอยากทำการค้ากับท่าน ! ”
หนิงตงเซิ่งไม่เคยเห็นนางทำสีหน้าจริงจังเช่นนี้มาก่อน เขาจึงเก็บรอยยิ้มและทำท่าตั้งใจฟังทันที
“ข้าจะมอบสูตรขนมให้ท่านโดยไม่คิดเงินเป็นเวลาครึ่งปี แต่ภายในครึ่งปีนี้ท่านต้องช่วยข้าล้มร้านค้าแห่งหนึ่ง ! ” เมื่อชาติที่แล้วหลินเว่ยเว่ยเคยทำงานที่ร้านขนมอยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นขนมสไตล์จีนหรือตะวันตกของร้านนั้นก็มีการผลิตออกมาอย่างเป็นระบบ เรื่องสูตรขนมนั้นนางก็คิดออกประมาณ 8-10 อย่างแล้ว !
“หืม ? ผู้ใดช่างไม่มีตามาทำให้หลินกู่เหนียงขุ่นเคืองได้ ? ” ทุกครั้งที่หนิงตงเซิ่งเจอหลินเว่ยเว่ย นางมักจะยิ้มจนหน้าบานและมีท่าทางเป็นมิตร คาดไม่ถึงว่าลูกแมวก็มีช่วงเวลากางกรงเล็บใส่มนุษย์เช่นกัน !
“ผู้ที่ทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้ายังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามารังแกคนข้างกาย ข้าต้องให้มันได้ลิ้มรสบทเรียนที่อาบไปด้วยโลหิต ! ” หลินเว่ยเว่ยยกเปลือกตาขึ้นพลางคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในชั่วอึดใจนั้นลูกแมวได้กลายเป็นเสือขึ้นมาทันที ทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งอันตราย
หนิงตงเซิ่งไม่เคยดูแคลนสตรีคนนี้มาก่อนและตอนนี้ก็ต้องมองอีกฝ่ายใหม่ด้วย “ไม่ทราบว่ากู่เหนียงอยากล้มร้านค้าใด ? ”
“ไม่ต้องห่วง เพราะเป้าหมายของพวกเราเหมือนกัน ! คุณชายหนิง ท่านไม่รู้สึกว่าร้านตระกูลอู๋ควรหายไปตั้งนานแล้วหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นแล้วหมุนเล่นบนฝ่ามือ
หนิงตงเซิ่งได้ยินเช่นนั้นก็แอบถอนหายใจ ร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้ไม่มีทางให้เดินต่อนานแล้ว เรื่องนี้เพียงรอเวลาเท่านั้น แน่นอนว่าหากมีสูตรขนมของหลินกู่เหนียง ผลลัพธ์ก็ต้องเพิ่มเป็นสองเท่าโดยใช้แรงเพียงครึ่งเดียว !
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ! สูตรที่หลินกู่เหนียงจะให้โดยไม่คิดเงินครึ่งปีหมายถึงครึ่งปีต่อจากนี้ใช่หรือไม่ ? ” นี่ต่างหากคือเรื่องที่หนิงตงเซิ่งสนใจ !
“เมื่อครบกำหนดครึ่งปีแล้ว ข้าต้องได้รับเงินปันผลจากร้านตระกูลหนิงสามในสิบส่วน ! ” หลินเว่ยเว่ยทำนิ้วเป็นเลขสามโดยไม่เกรงใจ
หนิงตงเซิ่งเลิกคิ้วแล้วถามว่า “ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าหลินกู่เหนียงจะเอาสูตรออกมากี่สูตร ? ”
“สิบสูตร ! ข้ารับประกันได้เลยว่ารสชาติและยอดขายของขนมทุกชนิดไม่แพ้นมแพะย่างแน่นอน ! ” เทพธิดาหลินเว่ยเว่ยมาเองทั้งทีจึงไม่กลัวว่าจะโดนปฏิเสธแม้แต่น้อย
ยอดขายของนมแพะย่างเป็นขนมขายดีที่สุดในบรรดาขนมทั้งสามชนิด สามารถเรียกได้ว่าสินค้าขาดตลาดทุกวัน โดยเฉพาะร้านสาขาในตัวอำเภอ บ้านใดมีแขกมาเยือนต้องรับรองด้วยขนมจากร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นจะโดนผู้อื่นดูถูกและไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ไร้กังวลแล้วว่าจะไม่ได้ค่าสูตรขนมคืน มิหนำซ้ำยังได้กำไรมาอีกเล็กน้อยด้วย ! การที่ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้สามารถตั้งหลักอยู่ในตัวอำเภอได้อย่างรวดเร็วก็เพราะผลไม้อบแห้งและเนื้อแผ่นของหลินเว่ยเว่ย นอกจากนี้ก็ยังมีขนมสามชนิดนั้นด้วย !
บัดนี้ร้านทั้งสองสาขาล้วนมีชื่อเสียงแล้ว หากฉวยโอกาสนี้คว้าชัยชนะโดยการเปิดตัวขนมใหม่อีก 10 ชนิด ความหวังที่เขาจะได้ไปเปิดร้านในตัวเมืองจงโจวก็คงอยู่อีกไม่ไกลใช่หรือไม่ ?
1 เหอเปา หรือกระเป๋าบัว เป็นกระเป๋าเล็กรูปร่างหลากหลาย มีไว้สำหรับใส่ของจุกจิกติดกาย
ตอนต่อไป