บทที่ 207 ทางเลือกจากกั๋วฉินเซิง
บทที่ 207 ทางเลือกจากกั๋วฉินเซิง
กั๋วฉินเซิงมีทรัพย์สินมากมาย ธุรกิจส่วนใหญ่ของเขาอยู่ในต่างประเทศ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนร่ำรวยมากคนหนึ่ง
นอกจากนี้! เขายังเป็นแพทย์แผนจีนโบราณที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาได้สอบผ่านแพทย์ระดับหมิง แต่เพราะสถานะตัวตนของเขาจึงทำให้เขาไม่อาจทดสอบแพทย์วิญญาณได้ อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าถ้าเขาเข้าร่วมการทดสอบ เขาจะสามารถสอบผ่านและกลายเป็นหนึ่งในแพทย์วิญญาณไม่กี่คนของประเทศจีนอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ของกั๋วเสี่ยวเทียนในเวลานี้ เขาคิดว่าเขาน่าจะสามารถแก้ปัญหาของกั๋วเสี่ยวเทียนได้
แต่ผลที่ได้กลับทำให้เขาหน้าซีด
เข็มเงิน?
พลังปราณที่ปะปนมาด้วย?
ไอ้สารเลวที่แซ่โจวไม่เพียงแต่เป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจเท่านั้น? แต่อีกฝ่ายยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถใช้พลังปราณได้อีกงั้นเหรอ?
กั๋วฉินเซิงนึกถึงฉากที่เขามองผ่านกล้องส่องทางไกลก่อนหน้านี้ และเขารู้สึกวิตกขึ้นมา
แต่มันก็เป็นเพียงความกลัวเท่านั้น
เขาเกลียดโจวอี้ และต้องการฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ
และเขาต้องการหญ้าเสวียนหมิง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะฆ่าโจวอี้
เพียะ!
กั๋วฉินเซิงตบหน้าหลานชายและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะให้แกเลือกสองทาง แกได้ยินฉันชัดเจนไหม”
“อย่างแรก แกต้องทนความเจ็บปวดนี้ด้วยตัวเอง อย่างมากสุดก็แค่สามสี่ชั่วโมงเท่านั้น”
“สอง ฉันสามารถช่วยแกหยุดความเจ็บปวดนี้ได้ แต่แกต้องเสียแขน”
“เลือกอย่างแรกหรืออย่างที่สอง? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
กั๋วเสี่ยวเทียนได้ยินคำพูดของปู่อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการแบกรับความเจ็บปวดไว้แม้แต่วินาทีเดียว หากเขายังมีเรี่ยวแรงอยู่ เขาคงอดใจรอไม่ไหวที่จะฆ่าตัวตายทันที
ดังนั้นเขาแทบไม่ต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขากัดฟันและคำรามออกมาว่า “สอง!”
กั๋วฉินเซิงแสดงความผิดหวัง และมองหลานชายด้วยสายตาเย็นชามากขึ้น
ตระกูลกั๋วของเขาขณะนี้ไม่ใช่ตระกูลใหญ่ โดยเฉพาะลูกหลานของเขาที่มีหลานเพียงสองคนและหลานสาวสามคนเท่านั้น กั๋วเสี่ยวเทียนเป็นหลานชายที่เขาทุ่มเทให้มากที่สุด แต่หลานโง่คนนี้กลับไม่ได้เรื่อง ราวกับหัวสมองมีกำแพงกั้น ฝึกบ่มเพาะไม่ได้ แถมยังไม่เอาอ่าวในเรื่องวิชาการแพทย์
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำตามที่แกขอ”
กั๋วฉินเซิงดึงมีดออกมาจากฝักที่ผูกซ่อนอยู่ในขากางเกง แล้วแทงเข้าที่แขนซ้ายของกั๋วเสี่ยวเทียนโดยปราศจากความเมตตา
ในเวลาเดียวกัน นิ้วอีกข้างของเขากดลงบนจุดที่กั๋วเสี่ยวเทียนถูกแทงด้วยเข็มเงิน
ส่งพลังปราณอัดเข้าไปตรงจุดที่โจวอี้แทงเข็ม พลังปราณที่เหลืออยู่ในจุดฝังเข็มในร่างของกั๋วเสี่ยวเทียนจึงกระจายออกไปทันที
เมื่อมีดที่ปักคาถูกตวัด แขนข้างหนึ่งของกั๋วเสี่ยวเทียนก็ถูกตัดออก
ท่ามกลางเลือดที่สาดกระเซ็น กั๋วฉินเซิงตบกั๋วเสี่ยวเทียนกลางอกตรงหัวใจ ด้วยการระเบิดของพลังที่ทรงพลังนี้ กั๋วเสี่ยวเทียนถึงกับพ่นเลือดออกมาแล้วสลบไป
ร่างกายของเขาไม่สั่นอีกต่อไป
เขาจะไม่รู้สึกถึงความรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
กั๋วฉินเซิงส่ายหัว หลังจากลุกขึ้นก็ไม่อยากมองหน้าหลานชายอีกต่อไป เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ส่งเขาไปหาทาสยาชรา! บอกทาสยาชราว่า ไม่ให้เขามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก ฉันไม่ต้องการเห็นขยะไร้ประโยชน์อยู่ในสายตา”
“ครับ”
ชายร่างกำยำอุ้มกั๋วเสี่ยวเทียนขึ้นมาเหมือนสุนัขที่ตายแล้วและเดินออกไปข้างนอก
บนทางด่วนปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้
รถเบนซ์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว
เชาหมิงคุนนั่งที่เบาะหลังโดยมีบุหรี่อยู่ที่หว่างนิ้ว เขามองรถตู้ข้างหน้าผ่านกระจกหน้าแล้วถามว่า “ตอนนี้เรากำลังไปไหน”
“เรากำลังไปในทางจินหลิง” คนขับเป็นชายหนุ่มร่างผอมที่มีแผลเป็นที่มุมปาก
“ดูเหมือนว่าน้องโจวต้องการสร้างความบันเทิงให้ฉันในจินหลิง! แบบนี้ดีเลย ฉันวางแผนจะไปที่จินหลิงพอดีเพื่อพบเพื่อนเก่า” เชาหมิงคุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ส่งเสียงเตือนข้อความ
โจวอี้เป็นผู้ส่งข้อความมา อีกฝ่ายบอกให้เขาตรงไปยังเฮฟเว่นคลับในเมืองจินหลิงก่อน
เชาหมิงคุนรู้ว่าโจวอี้ได้ซื้อวัตถุดิบยาในตลาดวัตถุดิบยาเมืองฉู่ แม้แต่ในการประมูลก็ใช้เงินไปมากกว่าสองร้อยล้านเพื่อซื้อวัตถุดิบยาชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแมงมุมผีเสื้อก่อนที่จะยอมมาดื่มกับเขา ดังนั้นอีกฝ่ายคงต้องการส่งวัตถุดิบยากลับไปก่อน
“ไม่ต้องตามรถตู้ที่อยู่ข้างหน้าเราแล้ว ไปที่เฮฟเว่นคลับในเมืองจินหลิงแทน” เชาหมิงคุนสั่งคนขับรถ
โจวอี้รีบกลับไปที่ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า และเก็บวัตถุดิบยาไว้ในที่ปลอดภัยในห้องหนังสือของเขา จากนั้นเขาก็เล่นกับถังเหมียวเหมี่ยวและถังเสี่ยวรุ่ยสักพัก
เขาทำอาหารเย็นไว้ แต่เนื่องจากวันนี้เขามีแขกต้องดูแล เขาจึงไม่ได้อยู่กินอาหารค่ำกับลูกสาว
เฮฟเว่นคลับ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนในเครื่องแบบสีดำมองเชาหมิงคุนที่ลงจากรถอย่างเย็นชาโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะไปบริการเปิดประตูให้
“หากต้องการเข้าคลับ คุณต้องแสดงบัตรสมาชิกของคุณ มิฉะนั้นเราจะไม่รับบุคคลภายนอก!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดเสียงห้วนพลางจ้องไปที่เชาหมิงคุน
“ไม่มีข้อยกเว้น?” เชาหมิงคุนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่มีข้อยกเว้น เจ้านายของเราเป็นผู้กำหนด” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างเย็นชา
“ถ้างั้นโปรดติดต่อเจ้านายของคุณ และบอกว่าฉันชื่อเชาหมิงคุน หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มการแพทย์ในเซินเจิ้น กวนหมิงกรุ๊ป ฉันมาที่นี่เพื่อรอเพื่อนตามคำเชิญ” เชาหมิงคุนกล่าว
เขาไม่ได้โกรธที่ถูกปฏิเสธ
ตรงกันข้าม ด้วยตำแหน่งของเขา เขาจึงรู้หลายสิ่งหลายอย่าง
ตัวอย่างเช่น คลับส่วนตัวระดับไฮเอนด์บางแห่งมีกฎเข้มงวด พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปหาความบันเทิงเพียงแค่เพราะพวกเขามีเงิน แต่ต้องดูที่ตัวตน ภูมิหลัง สถานะทางสังคมว่ามีบุคคลอ้างอิงหรือไม่
แน่นอนว่าเฮฟเว่นคลับแห่งนี้ก็เป็นแบบนั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเชาหมิงคุน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เตรียมที่จะรายงานต่อหัวหน้าผ่านวิทยุ แต่ขณะเดียวกันนั้นรถของหลี่หงอี้ขับเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่หงอี้ลดกระจกลงมองไปที่เชาหมิงคุน
“เจ้านาย เขาบอกว่าเขาคือเชาหมิงคุน หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มการแพทย์ในเซินเจิ้น กวนหมิงกรุ๊ป เขาต้องการเข้าคลับของเราเพื่อไปรอเพื่อน ผมกำลังจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณพอดี!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินไปที่ประตูรถของหลี่หงอี้และโค้งคำนับ
หลี่หงอี้ตกตะลึงและผลักประตูรถเปิดออกทันที
เขาไม่รู้จักเชาหมิงคุน แต่เขารู้จักกวนหมิงกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มการแพทย์ขนาดใหญ่ในเซินเจิ้น
“คุณคือเชาหมิงคุน?” หลี่หงอี้ถาม
“ใช่ ฉันชื่อเชาหมิงคุน คุณรู้ชื่อผมงั้นเหรอ?”
“หัวหน้าเชา ยินดีที่ได้รู้จัก” หลี่หงอี้จับมือกับอีกฝ่ายและยิ้ม “ผมหลี่หงอี้ เป็นเจ้าของคลับนี้”
“หัวหน้าหลี่ ยินดีที่ได้รู้จัก” เชาหมิงคุนยิ้มแล้วพูดว่า “เพื่อนคนหนึ่งของผมให้ผมมารอที่นี่ก่อน เขาบอกว่าจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้ ผมสงสัยว่าจะเข้าไปรอก่อนได้ไหม”
“ได้แน่นอน” หลี่หงอี้พยักหน้าทันที จากนั้นเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ว่าแต่ไม่ทราบว่าหัวหน้าเชา บอกผมได้ไหมว่าเพื่อนของคุณคือ…”
“แซ่ของเขาคือโจว ชื่อโจวอี้”
“อ้อ! ที่แท้พี่เชาเป็นเพื่อนของน้องโจวนี่เอง! ถ้าคุณบอกพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่นี่ว่าเป็นเพื่อนของน้องโจวตั้งแต่แรก คุณจะไม่ถูกห้ามเลย เพราะพวกเขาทุกคนต่างรู้จักน้องโจวกันหมด พวกเขาจะต้อนรับพี่เชาอย่างดีแน่นอน” หลี่หงอี้เผยสีหน้าเป็นมิตรมากขึ้น “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ให้ผมนั่งรถเข้าไปด้วยกันไหม?”
“ดี!”
เชาหมิงคุนเห็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของหลี่หงอี้ และตระหนักได้ว่าโจวอี้คงมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับเจ้าของเฮฟเว่นคลับนี้ เขาจึงไม่ปฏิเสธความเป็นมิตรของหลี่หงอี้