บทที่ 206 แพทย์หลวงตระกูลกั๋ว
บทที่ 206 แพทย์หลวงตระกูลกั๋ว
อวี้ชิงเหอรู้อยู่แล้วถึงความน่ากลัวของโจวอี้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่ากลุ่มอันธพาลปิดล้อมโจวอี้ เขาก็แสดงสีหน้าสงสารทันที และนึกเสียใจที่ตัวเองเคยไปยั่วยุโจวอี้
เขาอยู่ที่งานประมูลวัตถุดิบยาเช่นกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาได้เห็นการแสดงที่หลอกลวงของโจวอี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขารู้ว่าผลหลิงหลงที่ถูกนำขึ้นมาประมูลแท้จริงแล้วเป็นของโจวอี้ สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก เพราะผลหลิงหลงเป็นผลไม้ที่หายากมาก
สุดท้ายโจวอี้ก็ทำเงินได้มากมาย และกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงาน แถมยังได้ผูกมิตรกับพวกผู้มีอำนาจมากมาย
“หัวหน้า เรายังขาดวัตถุดิบยาอีกชนิดหนึ่ง เราจะทำยังไงดี?” บอดี้การ์ดถาม
“ให้วัตถุดิบยาล้ำค่าที่เราซื้อมากับเขาก่อน อันที่ยังหาไม่เจอ ให้ลองหาดูอีกรอบ” อวี้ชิงเหอกล่าว
ห่างออกไปไม่ไกลนัก
โจวอี้ได้ปะทะกับเหล่าชายฉกรรจ์สิบกว่าคนแล้ว
ฉากที่เกิดขึ้นดูคล้ายว่าเขากลายร่างเป็นเสือที่ดุร้ายกระโจนเข้าใส่ฝูงแกะ ทุกหมัดทำให้คนกระเด็นไปไกล ชายหนุ่มสิบกว่าคนที่มีอาวุธครบมือถูกโจวอี้ทุบตีจนเละเทะอยู่ราวสิบวินาที
ไม่มีใครสักคนในกลุ่มนั้นที่ยังยืนอยู่ได้
กั๋วเสี่ยวเทียนจ้องมองที่โจวอี้ราวกับว่าเขาถูกครอบงำโดยเทพเจ้าแห่งสงคราม ปากของเขาอ้าค้าง ดวงตาของเขาเผยความเหลือเชื่อ
“คิดไม่ถึงล่ะสิ?” โจวอี้ค่อย ๆ ดึงเข็มเงินออกมา และมองไปที่กั๋วเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“แก…” กั๋วเสี่ยวเทียนต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลืนมันกลับลงไปในคอ
เขาไม่แปลกใจ แต่กลัว!
เขากลัวคนอย่างโจวอี้ผู้ฝึกยุทธ์!
บอดี้การ์ดของปู่เขาล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน และความแข็งแกร่งของแต่ละคนก็ร้ายกาจ
โจวอี้เห็นชัดว่าอีกฝ่ายต้องการหนี ดังนั้นในพริบตา ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะแทงเข็มเงินเจาะร่างกายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแม่นยำพร้อมกับฉีดพลังปราณเข้าไป
จากนั้นโจวอี้ก็ดึงเข็มเงินออกมาและเย้ยหยันว่า “กลับไปบอกไอ้แก่ปู่ของคุณด้วยว่า ถ้ามาหาเรื่องผมอีก ผมก็ยินดีที่จะฆ่ามันด้วยมือของผมเอง!”
จากนั้นโจวอี้ก็หันไปโบกมือให้อวี้ชิงเหอซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“คุณโจว ผมได้ซื้อวัตถุดิบยามาบ้างแล้ว แต่ผมยังมีของที่ผมยังหาซื้อไม่ได้อยู่” อวี้ชิงเหอวิ่งเข้ามาหาโจวอี้ มอบกระเป๋าเดินทางสีดำแล้วพูดว่า “ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อซื้อวัตถุดิบยาที่เหลือให้คุณโดยเร็วที่สุด”
“ไม่เลวนี่!” โจวอี้เห็นอวี้ชิงเหอในงานประมูลเช่นกัน และรู้ว่าอีกฝ่ายใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อสมุนไพรเหล่านี้ “บอกหมายเลขบัญชีธนาคารของคุณมา ผมจะโอนเงินค่าของพวกนี้ให้”
ฮะ?
โอนเงินให้?
อวี้ชิงเหอตกตะลึง
เขาโบกมือซ้ำ ๆ พลางกลืนน้ำลาย จากนั้นก็พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ไม่ ไม่ ผมควรจะซื้อยาให้คุณ ไม่ต้องโอนเงินผมหรอก”
“อย่าพูดไร้สาระ คุณทำผิด ผมก็เลยใช้ให้ไปหาของมาให้เพื่อชดเชยความผิด แต่ไม่ได้บอกให้ออกเงินให้ เพราะงั้นส่งเลขบัญชีธนาคารมาเร็ว ๆ” โจวอี้ตวาดอย่างหงุดหงิด
“ก็ได้ ๆ” อวี้ชิงเหอบอกเลขบัญชีธนาคารของเขาให้โจวอี้
โจวอี้โอนเงินห้าล้านหยวนให้อวี้ชิงเหอและพูดว่า “ถ้าซื้อวัตถุดิบยาที่เหลือครบ ก็ส่งไปที่เมืองจินหลิง ผมจะรอการติดต่อจากคุณ”
“ครับ ได้ครับ” อวี้ชิงเหอรีบพยักหน้า
ทันใดนั้นเขาก็เหลือบมองโจวอี้
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าโจวอี้ไม่ได้ขาดแคลนเงิน เพราะแค่การขายผลหลิงหลงเพียงอย่างเดียวในการประมูลก็ได้ไปถึงสองพันล้านหยวน
แต่การที่อีกฝ่ายโอนเงินจำนวนนี้ให้เขามันแสดงให้เห็นว่าโจวอี้ไม่มีความคิดที่จะเอาเปรียบแม้ว่าจะโกรธในสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ ทว่ากลับต้องการลงโทษเขาเพียงสถานเบาเท่านั้น
คนแบบนี้น่าคบหาจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ฉันตาบอดจริง ๆ ฉันไม่ควรทำให้เขาขุ่นเคืองเลย!
อวี้ชิงเหอมองโจวอี้และคนอื่น ๆ ขึ้นรถออกไป จากนั้นเขาก็ละสายตาและมองย้อนกลับไปที่พวกอันธพาลอายุน้อยนับสิบคนที่กลิ้งไปมากับพื้น ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
กั๋วเสี่ยวเทียนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่ร่างกายของกั๋วเสี่ยวเทียนสั่นไหวรุนแรง และใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวด
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย!”
ในที่สุดกั๋วเสี่ยวเทียนก็ล้มลงกับพื้น
ตอนแรกเขาแค่รู้สึกคันตามตัว เหมือนมีแมลงนับไม่ถ้วนไต่ตอมอยู่ในตัว แต่เพียงไม่กี่นาที อาการคันก็กลายเป็นแสบ
ก่อนหน้านี้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากเข็ม
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเข็มทิ่มเสียอีก ความเจ็บปวดทำให้ร่างกายของเขากระตุกและอดไม่ได้ที่จะร้องโหยหวน
“ฉันไม่สามารถช่วยนายได้หรอก”
อวี้ชิงเหอส่ายหัว
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังทุกข์ทรมานจากความรู้สึกที่ว่ามีชีวิตอยู่เลวร้ายยิ่งกว่าตาย และเขาเคยประสบกับความรู้สึกนี้มาก่อน!
ห่างออกไปสองกิโลเมตร
ที่หน้าต่างบนชั้นสี่ของอาคาร กั๋วฉินเซิงขมวดคิ้ว วางกล้องส่องทางไกล ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขโทรศัพท์ แล้วพูดกับคนในสายว่า “ตามมันไป ค้นหาว่ามันไปที่ไหน”
“ครับ!” เสียงเข้มดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ
กั๋วฉินเซิงวางโทรศัพท์มือถือของเขาลงและจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เขตที่อยู่อาศัยในเมืองฉู่
ภายในคฤหาสน์ที่ล้อมด้วยกำแพงสูงซึ่งมีทางเข้าสองทางและทางออกสองทาง เก้าอี้ไม้วางอยู่กลางห้องหลังคากระเบื้อง แต่กั๋วฉินเซิงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น เขากลับยืนอยู่หน้ากำแพงหลังเก้าอี้และมองดูภาพวาดบุคคลที่แขวนอยู่บนผนัง
ในภาพวาดนั้นเผยให้เห็นชายชราสวมเสื้อคลุมขุนนางสมัยราชวงศ์ชิง ชายชราคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้แกะสลักงดงามด้วยท่าทีองอาจอย่างยิ่ง ใบหน้ามองตรงอย่างมีเกียรติ
ใต้ภาพวาด… ติดกับผนังเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยม
นอกจากเครื่องเซ่นไหว้และกระถางธูปแล้ว ยังมีตำราแพทย์โบราณสองเล่มและป้ายชื่อบรรพชนอีกป้ายตั้งอยู่บนโต๊ะ
“ท่านบรรพบุรุษ ฉันได้ผลหลิงหลงมาแล้ว แต่ฉันไม่ได้หญ้าเสวียนหมิงมา แม้ว่าผลหลิงหลงจะมีผลประโยชน์กับฉันมาก แต่หญ้าเสวียนหมิงเป็นวัตถุดิบยาที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันในการหลอมยาชนิดนั้น ฉันหวังว่าคุณจะอำนวยพรให้ฉันฆ่าไอ้สารเลวแซ่โจวนั่นได้สำเร็จและเอาหญ้าเสวียนหมิงมา!”
“ฉันสัญญาว่า ตราบใดที่ฉันหลอมยาได้สำเร็จ สายเลือดแพทย์หลวงกั๋วของเราจะได้รับประโยชน์มากมายนับไม่ถ้วน และสามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเหมือนในอดีตอีกครั้ง”
“ในตอนนั้น ฉันจะฆ่าไอ้พวกทรยศสำนักโอสถทีละคน และล้างความอัปยศอดสูของบรรพบุรุษออกไป”
กั๋วฉินเซิงค่อย ๆ คุกเข่าลง
ก่อนจะก้มกราบและบูชา
แววตาที่อาฆาตแค้นและความทะเยอทะยานที่ซ่อนอยู่ทำให้เขาดูราวกับว่าถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศที่มืดมน
ทันใดนั้นชายร่างกำยำก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลัง
“นายท่าน พวกเขากลับมาแล้ว แต่…” ชายร่างกำยำดูลังเล
“แต่อะไร?” กั๋วฉินเซิงยืนขึ้นและถามโดยไม่หันกลับไปมอง
“ร่างกายของนายน้อยดูเหมือนจะอยู่ในสภาพผิดปกติบางอย่าง ราวกับว่าเจ็บปวดอย่างมาก”
“ฮะ?” กั๋วฉินเซิงหรี่ตาและหันมองออกไปนอกประตู ก่อนจะเห็นกั๋วเสี่ยวเทียนหลานชายของเขากองอยู่ที่พื้น
หลานชายของเขาดิ้นทุรนทุรายร้องโหยหวน แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่เขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เขาก้าวเข้าไปหาก่อนจะนั่งยอง ๆ ลง และจับชีพจรของกั๋วเสี่ยวเทียน