ตอนที่ 233 บุตรสาวโง่

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 233 บุตรสาวโง่

ติงฉางซื่อจากไปแล้ว มีบ่าวรับใช้ของจวนท่านหญิงพาเขาไปเปลี่ยนชุด

เซียวฮูหยินมองเยียนอวิ๋นเกออย่างไม่เห็นด้วยนัก “เพื่อเส้นสายและข่าวภายในวังหลวง เจ้าก็รับปากช่วยชีวิตเขาหรือ ไม่ฉลาดนัก”

ถึงแม้นางจะคัดค้านการตัดสินใจของเยียนอวิ๋นเกอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยขึ้นต่อหน้าของติงฉางซื่อ

นางยังคงเคารพความคิดและการตัดสินใจของบุตรสาว

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ภายในสงครามนี้ ติงฉางซื่อเป็นเพียงบุคคลไม่สำคัญ มีคนต้องการฆ่าเขา ก็เพื่อระบายความโกรธที่ทำอันใดฮ่องเต้ไม่ได้ แต่การแตะต้องคนข้างกายฮ่องเต้ย่อมไม่มีปัญหา

ติงฉางซื่อจะเป็นหรือตาย ความจริงแล้วไม่มีคนสนใจ หากเขาตาย ในวังอย่างมากก็แค่ขาดคนทำงาน หากเขามีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค จวนท่านหญิงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ข้ามั่นใจว่ากลุ่มคนที่ร้องบอกว่าจะเอาชีวิตของติงฉางซื่อไม่กล้าลงมือกับจวนท่านหญิง อีกทั้งพวกเขายังไม่กล้ามาสร้างปัญหา เพียงแค่เอ่ยวาจาข่มขู่เพียงไม่กี่คำเท่านั้น”

เซียวฮูหยินส่ายหน้าระรัว เอ่ยเตือน “แต่เจ้าอย่าลืม เวลานี้พวกเขาไม่กล้าลงมือกับจวนท่านหญิงไม่เท่ากับไม่กล้าในภายภาคหน้า พวกเขาจะหาโอกาสเหยียบย่ำพวกเราในไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปทำให้คนของตระกูลขุนนางขุ่นเคืองเพียงเพราะติงฉางซื่อแค่คนเดียว”

เยียนอวิ๋นเกอมีความคิดที่แตกต่างกัน “แต่ถึงแม้ข้าจะไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง พวกเขาย่อมคิดจะเหยียบย่ำเมื่อมีโอกาสอยู่ดี ระยะหนึ่งถึงสองปีนี้ เรือนพักร่ำรวยเกิดปัญหาบ่อยครั้ง ข้าไม่เชื่อว่าไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง”

เซียวฮูหยินยิ้มขมขื่น “สุดท้ายแล้ว เจ้าช่วยติงฉางซื่อ นอกจากต้องการเส้นสายในวังหลวงของเขาแล้ว ยังต้องการแก้แค้นตระกูลขุนนางเหล่านั้น ภายในใจของเจ้ามีความขุ่นเคือง”

“ข้ามีความขุ่นเคืองจริง” เยียนอวิ๋นเกอยอมรับอย่างเปิดเผย “ข้าไม่ได้ทำการค้าทางทะเล ไม่ได้ทำการค้าเครื่องประดับ ไม่ได้ทำการค้าขนสัตว์ หรือแม้แต่แตะต้องตลาดเสบียงในเมืองหลวง มีแต่เกณฑ์ผู้อพยพไปทำนา เพียงเท่านี้ก็เกะกะสายตาของบางคน หากเรือนพักร่ำรวยไม่ได้มีองครักษ์นับพันเฝ้าอยู่ มันคงจะถูกคนกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูก พวกเขาไม่ให้ข้ามีชีวิตที่เงียบสงบแม้แต่วันเดียว เหตุใดข้าต้องเกรงใจต่อพวกเขา ชีวิตของติงฉางซื่อไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือไม่อาจทำให้ตระกูลขุนนางได้ใจเกินไป”

“ระวังเกิดปัญหา!”

“ถึงแม้ข้าไม่ช่วยติงฉางซื่อ หายนะที่ควรมายังคงจะมา”

“เจ้าได้เตรียมตัวรับมือกับหายนะแล้วหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนัก “ท่านแม่วางใจ ข้าจะส่งติงฉางซื่อไปปักหลักในเรือนพักร่ำรวยวันนี้ ทางเรือนพักร่ำรวยมีเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เพียงแค่มีคนกล้าโจมตีเรือนพักร่ำรวย ย่อมต้องทำให้พวกเขามีไปไม่มีกลับ ฆ่าทิ้งให้หมดนำมาทำปุ๋ย”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “มั่นใจว่าเตรียมการไว้หมดแล้วหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอออดอ้อน “ท่านแม่วางใจเถิด ข้าเก่งอยู่แล้ว ท่านเคยเห็นข้าเสียเปรียบหรือ”

“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเสียเปรียบใหญ่ แต่เรื่องที่เสียเปรียบเล็กน้อยกลับไม่น้อย”

“เสียเปรียบเล็กน้อยเพื่อผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่า คิดจะเอาแต่ผลประโยชน์เล็กน้อยย่อมต้องเสียเปรียบมาก ข้ารู้ดีแก่ใจ”

“ได้ๆๆ เจ้าพูดมีเหตุผล ข้าได้ยินว่าเซียวอี้ช่วยเจ้านำเงินจำนวนหนึ่งมาจากราชสำนัก อีกทั้งยังขอแรงงานและอุปกรณ์มาจากสำนักแรงงาน เพื่อช่วยเจ้าสร้างเขื่อนหรือ”

“ท่านแม่ข่าวว่องไวนัก”

“หากข่าวของข้าว่องไว ข้าคงไม่ถามเจ้าในเวลานี้ เจ้ามักพบหน้ากับเซียวอี้หรือ”

เซียวฮูหยินจ้องมองนาง ไม่ให้พลาดสีหน้าของนางแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าระรัว นางปฏิเสธ “ปีหนึ่งพบเพียงหนสองหน เขายุ่ง ข้ายุ่งกว่า พบหน้าล้วนเพราะมีความจำเป็น”

“อ่อ! เจ้าทำการค้าร่วมกับเขา เพียงเพราะสาเหตุนี้ เขาจึงยอมช่วยเจ้าเพียงนี้โดยไม่ได้ผลตอบแทนหรือ”

“ข้าติดหนี้บุญคุณเขา ต้องคืนในภายภาคหน้า” เหตุผลของเยียนอวิ๋นเกอดีมากแข็งแกร่งมาก

เซียวฮูหยินหัวเราะ “ชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงานช่วยเหลือหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานโดยไม่มีผลตอบแทน ยอมทนเหนื่อย อีกทั้งยังต้องใช้เส้นสายของตนเองเพื่อความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ของเจ้า”

เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าฉงน “ท่านแม่อย่าได้คาดเดาไปเรื่อยเปื่อย ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ถูกท่านพูดราวกับข้ามีความสัมพันธ์ที่เปิดเผยไม่ได้กับเขาอย่างนั้น”

เซียวฮูหยินยื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากของนาง “เจ้าบริสุทธิ์ใจต่อเขา แต่เขาไม่แน่ ข้าดูแล้วเซียวอี้กำลังสนใจเจ้าอย่างเห็นได้ชัด มิฉะนั้นเหตุใดเขาจึงไม่ช่วยเหลือหญิงสาวอื่น แต่ช่วยเจ้า เอาเงิน เอาแรงงานและอุปกรณ์จากราชสำนัก ย่อมต้องใช้เส้นสาย ไม่แน่ว่าอาจต้องมีข้อแลกเปลี่ยน หากช่วยเจ้าเช่นนี้ นอกจากต้องการตัวเจ้า คงหาเหตุผลที่สองไม่ได้”

“เป็นไปไม่ได้!”

เยียนอวิ๋นเกอปฏิเสธ ก่อนจะพูดเสียงอ่อน “แม้เขาจะมีความต้องการ ข้าก็ไม่หวั่นไหว”

เซียวฮูหยินกลอกตา “หากเขาตามตื๊อ ประกาศความสัมพันธ์ของพวกเจ้าต่อด้านนอก เมื่อถึงเวลานั้น นอกจากเจ้าจะแต่งงานกับเขาก็ไม่มีหนทางที่สองอีก เซียวอี้เจ้าเล่ห์ บังอาจวางแผนหลอกลวงเจ้า เจ้าก็โง่ที่ยอมรับความช่วยเหลือของเขา อีกทั้งยังร่วมมือกับเขาขุดเหมือง หากเจ้าไม่มีความคิดใดต่อเขาก็รีบตัดขาดจากเขาเสีย อย่าให้เขามีโอกาส”

เยียนอวิ๋นเกอพูดเสียงเบา “ท่านแม่ บุตรสาวของท่านหรือข้าไม่ได้งดงามเหมือนที่ท่านคิด ข้าไม่ใช่เทพธิดาจุติลงมา ชาติตระกูลก็ไม่ได้เลิศเลอ ชื่อเสียงเสื่อมเสีย…”

“เจ้าหุบปากเสียเถิด! เจ้าไม่ต้องหาข้ออ้าง เจ้าไม่ดี เซียวอี้ดีนักหรือ ไร้พ่อไร้แม่ อีกทั้งยังถูกท่านอ๋องตงผิงตัดออกจากวงศ์ตระกูล ตัวคนเดียว แม้แต่พี่น้องที่คอยช่วยเหลือก็ยังไม่มี พึ่งพาท่านโหวผิงอู่ สืออุนย่อมเท่ากับอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น ต้องดูสีหน้าของผู้อื่น”

“อีกอย่าง พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นฮูหยินท่านโหวผิงอู่ จากสถานะนางเป็นท่านป้าของเซียวอี้ หากเจ้าอยู่กับเซียวอี้ สถานะคงยุ่งเหยิง”

เซียวฮูหยินกังวลใจอย่างมาก

เจ้าบุตรสาวโง่รู้จักแต่การค้า ไม่พิถีพิถันเรื่องชายหญิงแม้แต่น้อย

เซียวอี้บีบเค้นทุกย่างก้าว วางกับดักล่อลวง ใช้ทุกวิถีทาง

บุตรสาวยังซื่อบื้อ คิดว่าตนเองไม่หวั่นไหวก็สามารถตัดขาดความคิดของอีกฝ่ายได้หรือ

ซื่อบื้อ!

เยียนอวิ๋นเกอฉงน ในหัวมีแต่ความสับสน “เหตุใดท่านแม่ต้องเอ่ยถึงพี่ใหญ่ ข้ากับเซียวอี้เป็นไปไม่ได้จริงๆ ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่มีการติดต่อ หากท่านแม่ไม่วางใจ ต่อจากนี้เรื่องการค้า ข้าให้พ่อบ้านไปเจรจา ข้าไม่ออกหน้า”

เซียวฮูหยินมองนางด้วยความสงสัย “เจ้าไม่มีความคิดต่อเซียวอี้จริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนัก นางกลัวมารดาไม่เชื่อนาง “ไม่มีความคิดจริงๆ ! ข้าไม่เคยคิดจะแต่งงาน กับผู้ใดก็ไม่แต่ง”

ดี!

ยังไม่เข้าใจอีก

เซียวฮูหยินถอนหายใจ “เจ้าน่ะ จะบอกว่าเจ้าฉลาดเจ้าก็โง่เขลา จะบอกว่าเจ้าโง่เขลา เจ้ากลับคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่งกว่าผู้ใด เจ้าจะเติบโตจริงๆ ได้เมื่อใดกัน”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ข้าเติบโตแล้ว บัดนี้ข้าเป็นคนที่สูงที่สุดในบรรดาพี่น้อง”

เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “โตแต่ตัว แต่ใจของเจ้าไม่โตไปด้วย เจ้าน่ะ ช่างทำให้คนกังวลใจที่สุด”

เยียนอวิ๋นเกอไม่เห็นด้วย

นางคิดเสมอว่าตนเองเป็นคนที่ไม่ต้องกังวลที่สุด

“พี่สองต่างหากที่น่ากังวลที่สุด”

“ฮึ! พี่สองของเจ้าไม่น่ากังวลเหมือนเจ้า ในใจของพี่สองเจ้ามีตาชั่ง ทำสิ่งใดก็มีขอบเขต มิฉะนั้นข้าก็ไม่วางใจทิ้งเขาไว้ในแคว้นซ่างกู่ ให้บิดาของเจ้ากลั่นแกล้งเขา แต่ข้าไม่อาจทิ้งเจ้าไว้ในแคว้นซ่างกู่ หากทิ้งเจ้าไว้ในจวนโหว ไม่รู้ว่าเจ้าจะก่อปัญหามากน้อยเพียงใด”

“ข้าไม่ได้ก่อปัญหา ข้าเพียงแค่เรียกร้องผลประโยชน์ของตนเอง”

“เรียกร้องผลประโยชน์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง เจ้าเป็นหญิงสาว ต้องรู้จักใช้ข้อดีของตนเอง”

“ข้อดีของข้าก็คือกำลังมหาศาล”

เซียวฮูหยิน “…”

สั่งสอนบุตรสาวยากเสียจริง!

ไม่ว่านางพูดสิ่งใด บุตรสาวก็สามารถหาเหตุผลมาโต้เถียงได้เสมอ

นางโบกมือไล่ “ไปตกปลา วันนี้อยากกินปลา”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มรับ “ท่านแม่อยากกินนึ่งหรือผัด”

“ข้าอยากกินทั้งหมด!”

เยียนอวิ๋นเกอ “…”

ฮือๆๆ …

ตกปลาท่ามกลางลมหนาว เย็นชื่นใจเสียจริง!

ติงฉางซื่อเปลี่ยนชุดเป็นคนรับใช้เรือนพัก ติดตามขบวนรถของตระกูลเยียนออกจากเมือง

เขาอกสั่นขวัญแขวน เหงื่อไหลอยู่ตลอดเวลา

เขากลัวว่าจะมีคนปรากฏตัวขึ้นมาเอาชีวิตของเขาอย่างกะทันหัน

จนกระทั่งออกจากเมืองหลวง เดินทางอยู่บนถนนหลวงอย่างราบรื่น เขาถึงได้โล่งใจ

ไม่คิดว่าจะออกจากเมืองหลวงได้ง่ายดายเพียงนี้

เพียงแค่เดินทางไปถึงเรือนพักร่ำรวย เขาก็จะรอด

แน่นอน เขาต้องมอบสิ่งที่มีมูลค่าที่สอดคล้องกันออกไป

เงิน รวมทั้งเส้นสายและแหล่งข่าวที่สะสมมาหลายปี

เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แอบคิดในใจ คุณหนูสี่ไม่เพียงใจกล้า จำนวนเงินที่เรียกร้องก็โหดร้าย

คนอื่นไม่กล้าช่วยเขา นางกล้า!

เงินที่คนอื่นไม่กล้าเอา นางกล้า!

ติงฉางซื่อไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้ายที่ได้พบกับเยียนอวิ๋นเกอ

แต่อย่างไรก็ตาม เขามีชีวิตรอดชั่วคราวก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี

หลิงฉางจื้อดื่มสุรากับเยียนอวิ๋นฉวน

“ได้ยินว่าคุณหนูสี่ช่วยติงฉางซื่อเอาไว้”

เยียนอวิ๋นฉวนได้ยินจึงหัวเราะเสียงขมขื่น “นางเป็นเช่นนี้แต่เด็ก ไม่กลัวก่อเรื่อง มักสร้างปัญหาใส่ตัวเป็นประจำ”

หลิงฉางจื้อเลิกคิ้วยิ้ม “คุณหนูสี่ช่างสง่าผ่าเผย แม้แต่บุรุษก็เทียบนางไม่ได้”

“เวลานี้นางใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย แต่ไม่รู้ทำให้คนมากน้อยเพียงใดขุ่นเคือง ภายภาคหน้านางย่อมต้องได้รับบทเรียน”

เยียนอวิ๋นฉวนส่ายหน้า เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเยียนอวิ๋นเกอ

ติงฉางซื่อเป็นแค่ขันที ตายไปก็ตายไป

เยียนอวิ๋นเกอช่วยคนเอาไว้เป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง

แต่เขาไม่อาจควบคุมเยียนอวิ๋นเกอได้ จึงทำได้เพียงยิ้มอย่างระอา

เมื่อเห็นจอกสุราว่างเปล่า หลิงฉางจื้อจึงรินสุราใส่จอกของเยียนอวิ๋นฉวนต่อ

“หลายวันนี้พี่อวิ๋นฉวนไม่ราบรื่นนักใช่หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉวนหัวเราะเสียงขมขื่น “เยียนอวิ๋นเกอสร้างปัญหา แต่คนที่รับผิดชอบกลับเป็นข้า สหายต่างถามข้า ตระกูลเยียนจะเป็นปรปักษ์กับทุกคนใช่หรือไม่ ข้าอธิบายนับครั้งไม่ถ้วนถึงทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าการช่วยติงฉางซื่อเอาไว้เป็นความคิดของเยียนอวิ๋นเกอแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับตระกูลเยียน”

“ลำบากพี่อวิ๋นฉวนแล้ว เหตุใดพี่อวิ๋นฉวนจึงไม่เดินทางไปชี้แจงที่จวนท่านหญิง อย่างไรแล้วท่านไม่อาจรับคำต่อว่าพวกนี้เปล่าๆ”

“ไร้ประโยชน์” เยียนอวิ๋นฉวนถอนหายใจ “ฮูหยินรักใคร่เยียนอวิ๋นเกอ เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว การที่ข้าไปพร่ำบ่นมีแต่จะเป็นผลเสีย ภายหน้าหากมีโอกาสค่อยเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย”

“พี่อวิ๋นฉวนใจกว้าง ท่านคิดได้อย่างถูกต้อง เวลานี้ก็ขาดแต่คู่หมายที่ถูกใจ”

หัวใจของเยียนอวิ๋นฉวนเต้นระรัว

เขาจ้องมองหลิงฉางจื้อ หรือว่าจะมีข่าวเรื่องงานแต่งของเขาแล้ว