ตอนที่ 234 ถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 234 ถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ

“พี่อวิ๋นฉวนยังไม่ได้ข่าวหรือ”

“ข่าวใดหรือ”

ภายในใจของเยียนอวิ๋นฉวนตื่นเต้น

หรือว่าเขาจะพลาดข่าวใดไป

ไม่น่าจะเป็นไปได้!

หลิงฉางจื้อยิ้มอย่างมีเลศนัย “ระยะนี้ราชสำนักวุ่นวายยิ่งนัก พี่อวิ๋นฉวนมีแผนการใดหรือไม่”

“ไม่รู้ว่าพี่ฉางจื้อมีแผนการใดหรือ”

“รับเงินเดือนจากพระองค์ ย่อมต้องบรรเทาความทุกข์แทนพระองค์” หลิงฉางจื้อพูดอย่างสมเหตุสมผล ไม่ว่าผู้ใดก็หาข้อบกพร่องไม่ได้

เยียนอวิ๋นฉวนก้มหน้า มุมปากกระตุกเล็กน้อย

เพียงแค่อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าที่หลิงฉางจื้อใช้อยู่ มีสิ่งใดที่พอใช้จ่ายตามเงินเดือนบ้าง

เงินเดือนสิบงานก็ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของหลิงฉางจื้อคนเดียวได้

หากจะบอกว่ารับเงินเดือนจากฮ่องเต้ สู้บอกว่ารับเงินเดือนจากตระกูลย่อมต้องดิ้นรนเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลจะดีกว่า

เขายกมือแสดงสีหน้าชื่นชม “พี่ฉางจื้ออุทิศตนเพื่อส่วนรวม ข้าชื่นชมยิ่งนัก”

“พี่อวิ๋นฉวนเกรงใจ! ราชสำนักไม่มั่นคง มีคนแอบยุยงให้เกินปัญหาลับหลัง กองกำลังขบวนหนึ่งของกองทัพเหนือถูกส่งออกไปสยบการจลาจล การเฝ้าระวังของเมืองหลวงไม่เข้มงวดเหมือนแต่ก่อน พี่อวิ๋นฉวนกังวังใจหรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉวนตากระตุกเล็กน้อย “พี่ฉางจื้อมีสิ่งใดก็พูดมาเถิด”

ใบหน้าของหลิงฉางจื้อเปื้อนยิ้ม “พี่อวิ๋นฉวนยินดีที่จะเป็นน้องเขยของข้าหรือไม่”

หัวใจของเยียนอวิ๋นฉวนเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมา

เขาสูดลมหายใจเขา พยายามทำสมาธิให้มั่น จากนั้นพูดอย่างหนักแน่น “หากตระกูลหลิงไม่รังเกียจชาติตระกูลอันต่ำต้ายของข้า ข้ายินดีที่จะแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิงอย่างมาก”

“ข้าเชื่อคำพูดของพี่อวิ๋นฉวน แต่ผู้ใหญ่ในตระกูลยังมีความกังวลมากมาย”

“ไม่รู้ว่ากังวลด้านใด” เยียนอวิ๋นฉวนถามอย่างร้อนใจ

หลิงฉางจื้อจับข้อมือของเยียนอวิ๋นฉวน “พี่อวิ๋นฉวนยินดีที่จะเดินเคียงข้างข้าหรือไม่”

เอ๊ะ?

เยียนอวิ๋นฉวนผงะไปเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือข้อมือของเขาถูกจับเอาไว้ ทำให้เขาเหม่อลอยไปเล็กน้อย

จากนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างหนัก

“ข้ายินดีที่จะเดินเคียงข้างพี่ฉางจื้อ หากมีเรื่องใดที่ต้องการข้า พี่ฉางจื้อสั่งข้ามาได้เลย”

“ดีมาก! ข้าเชื่อพี่อวิ๋นฉวน ข้าหวังว่าพี่อวิ๋นฉวนจะไม่ทรยศต่อความเชื่อใจของข้า”

หัวใจของเยียนอวิ๋นฉวนร้อนรุ่ม เรื่องงานแต่งที่ยืดเยื้อมานานเพียงนี้ ในที่สุดก็มีบทสรุป

เขากลับจวนไปด้วยความดีใจ แต่นาทีที่พบกับหวังกุนซือ เขาก็สงบลงในที่สุด

“ซินแส ระยะนี้มีจดหมายของท่านพ่อหรือไม่”

หวังกุนซือส่ายหน้า “ไม่เคยได้รับจดหมายจากท่านโหว เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”

เยียนอวิ๋นฉวนพูดทันที “เรื่องงานแต่งของข้าราวกับมีบทสรุป นายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงเปิดเผยกับข้ามาเล็กน้อย เรื่องนี้น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพียงแค่ข้าไม่เคยได้รับจดหมายจากท่านพ่อ ในใจของข้ายังไม่มั่นใจ”

หวังกุนซือพูด “บางทีจดหมายของท่านโหวอยู่ระหว่างทาง นายน้อยก็ทราบ เวลานี้ไม่สงบนัก ทุกที่ล้วนปรากฏการจลาจล บางทีจดหมายอาจล่าช้าระหว่างทาง”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น! เพียงแต่ข้ารับปากนายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงแล้วว่าจะอยู่เคียงข้างเขา”

หวังกุนซือทำหน้าฉงน “เคียงข้าง? เคียงข้างอย่างไร เขาต้องการให้นายน้อยทำอันใด”

“เขาไม่ได้พูด เขาเพียงแค่ต้องการคำสัญญาของข้า”

หวังกุนซือโล่งใจในทันที “ต่อจากนี้นายน้อยอย่าได้รับปากนายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงอย่างง่ายดาย อย่าให้คำมั่นสัญญาอย่างง่ายดาย คนอย่างนายน้อยหลิงมีความทะเยอทะยาน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเกิดความวุ่นวายบนแผ่นดิน หากนายน้อยขึ้นเรือลำเดียวกับเขาแล้วอยากจะลงจากเรืออีกคงจะเป็นการยากแล้ว”

เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “หากข้าแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิงก็เท่ากับข้าขึ้นเรือไปครึ่งลำแล้ว”

หวังกุนซือพูดอย่างหนักแน่น “อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะแต่งงานกับณหนูตระกูลหลิง นายน้อยอยู่ให้ห่างจากเขาเสียดีกว่า สองวันนี้ตาของข้ากระตุกเป็นประจำ ข้ารู้สึกว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เวลานี้ นายน้อยต้องระมัดระวัง อย่าได้สร้างปัญหาให้ตัวเองเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่น”

“ขอบคุณซินแสที่ตักเตือน ข้าจะระมัดระวัง”

ไฟไหม้ที่ประตูเมือง

มีคนถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ ทำให้กองทัพเหนือสังหารสมาชิกราชวงศ์

เยียนอวิ๋นเกอเหมือนเผชิญศึกหนัก

เสียงตะโกนเข่นฆ่าดังมาแต่ไกล

ภายในเมืองหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิง

องครักษ์ของจวนท่านหญิงสวมใส่ชุดเกราะเตรียมพร้อม

เซียวฮูหยินพูดเสียงดัง “มันเป็นการก่อกบฏ! ฮ่องเต้ทรงเสียสติเพียงใด ก็ไม่มีทางออกพระราชโองการให้กองทัพเหนือสังหารสมาชิกราชวงศ์ ย่อมต้องมีคนสร้างความเข้าใจผิดให้กองทัพเหนืออย่างแน่นอน”

“ท่านแม่วางใจ ข้าย่อมต้องปกป้องท่าน”

เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างหนักแน่น

เซียวฮูหยินกัดฟัน “ไม่ได้ทูลรายงานต่อฝ่าบาทหรือ คนในวังหลวงตายหมดแล้วหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจสถานการณ์ในวัง เสียงตะโกนเข่นฆ่าใกล้เข้ามา คันธนูถูกติดตั้งไว้บนกำแพง ไม่ว่าจะเป็นกำลังของฝ่ายใด หากบังอาจทำร้ายจวนท่านหญิงย่อมต้องเจอดี

พระราชวัง

“เสียงใดกัน”

“ฝ่าบาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! กองทัพเหนือก่อกบฏแล้ว!”

“เหลวไหล!”

ฮ่องเต้หย่งไท่เปิดผ้าห่มออก ลุกขึ้น เดินออกมาดูยังแท่นสูง

เมืองหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิง เสียงตะโกนเข่นฆ่าดังมาจากระยะไกล

สีหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่ดำทะมึน

เขากัดฟันพูด “กองทัพเหนือไม่มีทางทรยศข้า ในนี้ย่อมต้องมีเรื่องผิดปกติ ผู้ใดก็ได้ ถ่ายทอดรับสั่งของข้า ให้กองทัพเหนือหยุดมือ แม่ทัพเดินทางมาพบข้า ให้องครักษ์จินอู่เฝ้าระวังพระราชวัง”

ข้าหลวงน้อบรับคำสั่งจากไป

มือทั้งสองข้างของฮ่องเต้หย่งไท่กำแน่น ฝ่ามือมีเหงื่อออก

เขาหันกลับไปมองซุนปังเหนียน “กองทัพเหนือไม่มีทางทรยศข้า ใช่หรือไม่”

ซุนปังเหนียนไม่กล้ารับปาก “ฝ่าบาท หากประเดี๋ยวเสียงตะโกนหายไป แสดงว่ากองทัพเหนือได้รับพระราชโองการ อีกทั้งยังปฏิบัติตามพระราชโองการ ดังนั้นเรื่องที่กองทัพเหนือสังหารคนในเมืองหลวงย่อมมีความผิดปกติ”

ตรงกันข้าม หากกองทัพเหนือได้รับพระราชโองการ แต่เสียงตะโกนเข่นฆ่ายังดังอยู่ พวกเขาย่อมต้องระวังกองทัพเหนือก่อกบฏ

เมื่อถึงเวลานั้น ทำได้เพียงเรียกกองทัพใต้เข้าเมืองมาปกป้องวังหลวง

ดวงตาของฮ่องเต้หย่งไท่แดงก่ำ เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงด้านนอกพระราชวัง

บริเวณรรอบด้าน องครักษ์เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

ทั้งตำหนักซิงชิ่ง แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็บินเข้ามาไม่ได้

ฮ่องเต้หย่งไท่แอบคำนวณเวลาในการส่งพระราชโองการไปยังแม่ทัพของกองทัพเหนือต้องใช้เวลาเท่าใด

“ฟัง! เสียงลดลงแล้วใช่หรือไม่”

ฮ่องเต้หย่งไท่พยายามข่มความตื่นเต้นภายในใจ เกรงว่ามันจะเป็นเพียงความฝัน เกรงว่ามันจะเป็นเขาที่หูฝาด

ซุนปังเหนียนไม่กล้าชะล่าใจ เขาเงี่ยหูฟัง “ราวกับเบาลงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่เผยสีหน้าดีใจเพียงชั่วครู่ “รีบส่งคนไปดูสถานการณ์ เมื่อมีข่าวรีบมารายงาน”

“รีบไปๆ”

ซุนปังเหนียนโบกมือให้คนไปสืบข่าว

บรรยากาศทั้งตึกเครียดทั้งกังวล

ทุกคนต่างรอข่าวจากด้านนอกวังหลวง

เสียงตะโกนเข่นฆ่าลดลงแล้ว ทุกคนสามารถมั่นใจได้

แต่ก่อนที่จะได้ข่าวอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างไม่กล้าวางใจ

หากมีคนใช้กลอุบาย…

“ทูล…”

“ทูลรายงานฝ่าบาท กองทัพเหนือปฏิบัติตามพระราชโองการ บัดนี้ได้หยุดการใช้อาวุธแล้ว”

“จริงหรือ”

“จริงพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพกองทัพเหนืออยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้ถามหรือไม่ว่าเหตุใดกองทัพเหนือจึงสังหารคนในเมืองขึ้นมาอย่างกะทันหัน”

“ทูลฝ่าบาท แม่ทัพกองทัพเหนือบอกว่าพวกเขาปฏิบัติตามพระราชโองการ ในวังมีพระราชโองการรับสั่งให้พวกเขาลงมือสังหารสมาชิกราชวงศ์ในเวลาเที่ยงคืน อีกทั้งยังกำชับว่าเรื่องนี้ไม่ต้องเผยแพร่ออกไป”

อ๊าก!

ฮ่องเต้หย่งไท่กระอักเลือดออกมา

“ฝ่าบาททรงระวังพระวรกายพ่ะย่ะค่ะ!” ซุนปังเหนียนกังวลอย่างมาก

“มีคนบังอาจถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ!”

สีหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่ซีดเผือด “เหตุใดกองทัพเหนือจึงไม่รู้ว่าเป็นพระราชโองการเท็จ ผู้ใดบังอาจถ่ายทอดพระราชโองการ ผู้ใดสามารถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ อีกทั้งยังหลอกลวงแม่ทัพกองทัพเหนือให้สังหารสมาชิกราชวงศ์ตามใจได้ ผู้ใด”

เสียงตะโกนด้วยความโกรธทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน

ฮ่องเต้หย่งไท่กุมหน้าอกเอาไว้แน่น

เขาแน่นหน้าอก เลือดลมสูบฉีด

เขารู้สึกถึงความกลัว ความตกตะลึง หรือแม้กระทั่งความอาฆาต!

มีความสามารถถ่ายทอดพระราชโองการเท็จ หลอกลวงทุกคน ย่อมสามารถสังหารฮ่องเต้อย่างเขาได้อย่างง่ายดาย

เขาหันหน้ากลับไปกวาดตามองทุกคน

ผู้ใด?

ผู้ใดสมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอก

หากไม่มีคนด้านใน จะถ่ายทอดพระราชโองการเท็จได้อย่างไร

ฮ่องเต้หย่งไท่ทั้งโกรธและกลัวอย่างมาก!

ศัตรูอยู่ข้างกาย สามารถคร่าชีวิตของเขาได้ทุกเวลา เขาจะไม่กลัวได้อย่างไร

“สืบ! สืบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด! อย่าปล่อยไปแม้แต่ผู้เดียว หากน่าสงสัย ยอมประหารผิดดีกว่าปล่อยผ่าน”

องครักษ์จินอู่น้อมรับคำสั่ง ภายในดวงตาประกายความตื่นเค้นที่จะได้ทำคดีใหญ่

คดีใหญ่ของแผ่นดินเป็นโอกาสที่องครักษ์จินอู่จะได้เปล่งประกาย พวกเขาย่อมจะสังหารขุนนางตระกูลขุนนางให้เลือดไหลนองเป็นสายน้ำ

ซุนปังเหนียนกวาดตามองบรรดาองครักษ์จินอู่ พลันพูดในใจ ‘คนเสียสติ’

มีเพียงคนที่เสียสติจึงจะชอบการเข่นฆ่า

อีกทั้งมีเพียงคนที่เสียสติจึงจะชอบให้เลือดไหลนองเป็นสายน้ำ

ค่ำคืนนี้ย่อมเป็นคืนที่ไม่หลับไหล

มีคนจำนวนมากรอคอยที่จะได้รับข่าวดี

เมื่อเสียงตะโกนเข่นฆ่าเงียบหายไปเป็นเวลานาน เยียนอวิ๋นเกอจึงได้มั่นใจว่ากองทัพเหนือล่าถอยไปแล้ว

แต่นางยังคงไม่กล้าชะล่าใจ นางจัดแบ่งองครักษ์ให้หมุนเวียนกันเพื่อเฝ้าระวัง

เซียวฮูหยินทำหน้าบึ้ง พลันพูด “ฮ่องเต้ในวังหลวงได้รับข่าวแล้ว จึงยับยั้งการสังหารของกองทัพเหนือได้ทันเวลา เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของกองทัพเหนือมีความผิดปกติ สงสารแต่เพียงวิญญาณที่ตายอยู่ใต้ดาบของกองทัพเหนือ ค่ำคืนนี้ไม่รู้ต้องมีคนบริสุทธิ์ตายไปมากน้อยเพียงใด”

คนที่ตายล้วนเป็นสมาชิกราชวงศ์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาล้วนเป็นญาติทางสายเลือดของเซียวฮูหยิน

สุดท้ายกลับถูกคนเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเหมือนหั่นผัก ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธ

ผู้ใดเป็นคนวางแผนการสังหารในคราวนี้

ผู้ใด!

“ท่านแม่อย่ากังวล ข้าส่งคนไปสืบเรื่องราวแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอปลอบประโลม

เซียวฮูหยินมองทิศทางที่เปลวเพลิงยังไม่มอดดับ “ไม่นานนัก เมืองหลวงจะมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ส่งคนไปดูในตรอกของราชวงศ์ คนตายฟื้นคืนกลับมาไม่ได้ แต่พวกเขาไม่อาจตายเปล่าได้ เรื่องในคืนนี้ต้องชำระ”