“อะไรนะคะ? นี่พ่อต้องการให้หนูเข้ากิลด์ของคุณยูซอดัมอย่างนั้นเหรอคะ?”

ฉันได้เจอกับอีดงจุนและลูกสาวของเขา ชินเฮจีอีกครั้งตอนสุดสัปดาห์ ในครั้งนี้ฉันนได้เอาสัญญามาให้กับพวกเขา

“ใช่แล้ว นี้จะเป็นตัวช่วยชั้นดีสำหรับลูกเลยหละ”

“ถ้านี้เป็นสิ่งที่พ่อต้องการหละก็…”

การตกลงครั้งนี้ฉันกับอีดงจุนสองคนได้ตกลงกันเองแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการตัดสินใจของชินเฮจี

“พ่อรู้ไหมค่ะ…ว่าหนูได้ข้อเสนอจากกิลด์เวลเว็ท,รัฐบาลจีน,ลอสเดย์ และอิงแลนด์ไนท์คลับด้วยนะคะ”

“พ่อรู้ๆ แต่ว่ามันจะไม่ดีกว่าหรือถ้าหากว่าลูกเข้ากิลด์ของเขาเพราะว่าลูกจะได้ไม่ต้องซ่อนมูกงของตัวเองอีกต่อไปแล้วไง”

“…..!”

การแสดงออกของชินเฮจีเปลี่ยนแปลงไปในทันทีที่เธอได้ยินคำพูดนั้นเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะกิลด์ไหนก็ตามไม่สามารถที่จะทำให้เธอได้ซึ่งเป็นการสร้างสภาพแวดล้องที่ทำให้ชินเฮจีสามารถที่จะพัฒนาพลังของเธอเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด

มูกงเป็นสิ่งที่ต้องซ่อนไว้ นั้นเป็นสิ่งที่พ่อของเธอสอนมาและเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เขาใช้ในการล่อเธอ

“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถใช้มูกงได้ ฉันก็มีบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับมันดังนั้นฉันเลยกำลังคิดว่าจะตั้งค่ายฝึกที่ฉันสามารถจะสอนพลังของตนเองให้กับคนอื่นได้ในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ มิสชินเฮจีก็จะมาเป็นลูกศิษย์คนแร-ไม่สิคนที่สองของฉัน ฉันสามารถที่จะการันตีได้เลยว่าต่อจากนี้ไปเธอจะสามารถใช้งานมูกงได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป”

“หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูตกลงเข้ากิลด์นี้ค่ะ”

ในความเป็นจริงแล้วฉันได้ผลิตนักเรียนยอดมนุษย์ชั้นยอดที่ชื่อว่าเซเลสเต้ คอสแตนตีนิมาแล้ว ในตอนนี้เซเลสเต้กำลังยุ่งอยู่กับการเดินทางไปรอบโลกไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศษ,อังกฤษ และประเทษอื่นๆอีกหลายประเทศ เธอได้รับการต้อนรับชั้นยอดไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามที่เธอได้ไปถึงแม้ว่าแรงค์พลังพิเศษของเธอจะยังไม่ได้รับการอัพเดตก็ตาม

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเนื่องจากว่าเธอเป็นยอดมนุษย์อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นลูกศิษย์ฉันทำให้ฉันไม่ได้รับความสนใจมากนักเพราะจุดนี้

แต่ว่าชินเฮจีนั้นต่างออกไป

เธอเคยเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังพิเศษใดๆ และเธอได้กลายมาเป็นยอดมนุษย์หลังจากที่ได้เรียนรู้สิบสามดาบแห่งพุทธธรรม ถ้าหากใช้จุดนี้เป็นตัวโฆษณามันจะดีแค่ไหนกันน้า? ตัวตนของชินเฮจีจะมีส่วนช่วยเหลืออนาคตของกิลด์ฉันเป็นอย่างมากเลย

มันเป็นเพราะอีดงจุนที่ได้สอนและดูแลเธอทำให้เธอกลายมาเป็นคนที่เป็นที่รู้จักหลังจากที่ได้แสดงพลังของเธออกมาในสถาบันแห่งนี้แต่มูลค่าที่มาจากชื่อของเธอนั้นมีแค่ฉันเท่านั้นที่สามารถจะใช้งานมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

“ในตอนนี้ ฉันพึ่งจะลงทะเบียนกิลด์กับสมาคมไปเท่านั้น มิสชินเฮจีจะกลายมาเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการหลังจากที่เธอจบการศึกษาอย่างไรก็ตามมิสชินเฮจีจะสามารถใช้พลังทั้งหมดของเธอได้ในทันทีเลยหลังจากที่เธอได้ประกาศว่าเธอจะเข้าร่วมกิลด์ของฉันในอนาคตและเซ็นสัญญาฉบับนี้”

คำว่า ‘มูกง’ นั้นเป็นความลับระหว่างเธอและพ่อของเธอนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงได้ต้องยังมือไว้ตลอดในตอนที่ใช้พลังของตัวเองแต่ในตอนนี้ เมื่อเธอมีโอกาสที่จะใช้งานมันอย่างอิสระแล้วฉันพนันได้เลยว่าเธอต้องรู้สึกกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก

เธอไม่ได้จำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนใดๆไม่ว่าจะจากกิลด์ไหนก็ตาม เหล่าผู้คนทั้งหลายจากมูริมก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนจากมูริมเต็มตัว แต่อะไรหละที่เป็นความแตกต่างระหว่างพวกเขากับเธอในเมื่อทั้งคู่ก็เรียนรู้มูกงเหมือนกัน?

“เอาเลยค่ะ! เอาตามนั้นเลย! แต่ก่อนอื่นโปรดแสดงสัญญาให้หนูดูก่อนเลยค่ะ”

ฉันให้สัญญากับเธอเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ฉันได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมากจากพัคซึงโฮ อดีตรองผู้อำนายการสมาคมฮันเตอร์สาขาประเทศเกาหลีและลีจุนซอกจากกิลด์เวลเว็ทในขณะที่ฉันยังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างกิลด์ของตนเองขึ้นมา

ชินเฮจีตรวจสอบสัญญาอย่างระมัดระวังรวมไปถึงคำสัญญาการรักษาความลับระหว่างกันและขมวดคิ้วเล็กน้อยด้านข้างของเธออีดงจุนถามออกมาด้วยใบหน้าที่แข็งกร้าว

“นายต้องการใช้ฉันผูกติดอยู่กับกิลด์ของนายอย่างน้อยตั้ง 7 ปีเลยอย่างนั้นเหรอ?”

ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะชอบข้อกำหนดที่ข้อได้เสนอไปหรอกแต่ฉันได้เตรียมข้ออ้างไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

“ใช้แล้ว เดวฉันจะบอกนายอีกครั้งละกันนะว่ากิลด์ของฉันนะเป็นที่กิลด์พิเศษมากๆ นอกจากนี้มันยังเป็นสถาบันที่ใช้สอนคนธรรมดาที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นยอดมนุษย์ดัวยการใช้ ‘พลัง’ ของฉัน แน่นอนว่าชินจีก็สามารถที่จะเรียนทักษะอันต่ำต้อยของฉันได้เช่นเดียวกันกับความสามารถอันยอดเยี่ยมของพ่อเธอ”

พลังของฉันช่างด้อยค่าห่างไกลจากระดับพลังของธรรมสูตรที่พ่อเธอมียิ่งนักแต่ว่ามันจะไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าฉันไม่ได้สอนเพียงแค่ศิลปะการต่อสู้เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงเวทมนตร์ด้วย

“งั้น เออ ‘พลัง’ นั้นเรียกว่าอะไรหรือคะ?”

เมื่อชินเฮจีถามออกมา แทนที่จะตอบกลับไปยูซอดัมกางมือของตัวเองออกและวาดวงเวทย์ขนาดเล็กไปบนอากาศแน่นอนว่าเจ้าดอกไม้เป็นคนที่ทำทุกๆอย่างอยู่เบื้องหลัง

– ฉันต้องการโซจูแก้วหนึ่ง

ชินเฮจีและอีดงจุนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพวกเขาได้เห็นสายลมขนาดเล็กที่เริ่มหมุนวงเข้ามาอยู่บนฝ่ามือของฉัน

“นี้เป็นพลังที่คล้ายคลึงกับมูกง”

ชินเฮจีมีความรู้เกี่ยวกับมูกงแต่เธอไม่เคยที่จะได้เห็นเวทมนตร์เช่นนี้มาก่อน ได้จ้องไปที่สายลมที่กำลังร่ายรำไปมาบนมือฉันอย่างเหม่อลอยและเซ็นต์สัญญาไปในทันที

ฉันยิ้มออกมาและยืมมือออกไปเพื่อเชคแฮนกับเธอ

“ฉันรอคอยที่จะได้ร่วมงานกันเธออยู่นะ”

ชินเฮจีจะเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีเลยสำหรับการเติบโตของกิลด์ฉันในอนาคต

……………………………………………………..

……………………………………………………..

หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ฉันได้เจอกับชินเฮจีและอีดงจุน

ฉันได้ดูคลิปวิดีโอที่ถูกส่งมาโดยสถาบันเหล่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์

-ปุก ปัก!!

-โอ้มายก็อด นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย

-เธอล้มรองประธานชั้นปีที่ 3 เอลเทียน่าลงได้…

-ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกฝึกมาโดยฮันเตอร์ยูซอดัมนี้มันโอเคแล้วใช่ไหมที่จะเผยแพร่เพลงดาบเช่นนี้ออกมา?

ชินเฮจีเดิมที่แล้วก็เป็นนักเรียนระดับท็อปท่ามกลางนักเรียกชั้นปีที่หนึ่งทั้งหมดอยู่แล้ว ทักษะของเธอนั้นไร้คู่แข่งอย่างชัดเจนแต่ว่าก็ยังมีคนมากมายที่บอกว่าเธอด้อยกว่ารุ่นพี่ชั้นปีที่สองหรือสามของเธอมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ในเมื่อเธอได้เก็บซ่อนความสามารถส่วนมากที่เป็น ‘มูกง’ เอาไว้แต่ว่าในตอนนี้ด้วยข้อจำกัดพวกนั้นที่หายไปเธอสามารถที่จะจัดการกับพวกรุ่นพี่ทั้งหมดของเธอได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป

‘โลกมันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย’

นักเรียนชั้นปีที่สามคนนั้น เอลเทียน่าและนักเรียนรุ่นพี่ทั้งหมดล้วนมีความคิดเดียวกันเมื่อมองไปที่ชินเฮจี

ถึงแม้ว่าฉันจะได้ขอให้อีดงจุนสอนฉันก็ตามทั้งหมดที่ฉันสามารถเรียนรู้ได้จากเขาในตอนนี้ก็คือฟุตเวิร์คและวิธีการหายใจไม่เหมือนกับชินเฮจีที่มี ‘หนึ่งเดียวสูงสุด’ คนนี้เป็นพ่อของตนเองหรือเอลเทียน่าที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์

(ผู้แปล : ซอดัมน้อยใจ 55555)

ทั้งสองคนนี้สามารถที่จะต่อสู้ได้อย่างชำนาญราวกับมืออาชีพได้ด้วยอายุที่น้อยเช่นนี้

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสนามประลองถูกจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจนภายในคลิปวิดีโอ ทั้งร่องรอยของเวทมนตร์และรอยดาบสามารถที่จะเห็นได้โดยรอบของสนามประลองแห่งนี้ไม่สำคัญว่าฉันจะแข็งแกร่งมาขึ้นเท่าไรก็ตามในตอนนี้ แต่สำหรับบางอย่างเช่นนี้แล้วมันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน

ชินเฮจีแข็งแกร่งกว่าฉันแน่นอนส่วนคู่ต่อสู้ของเธอ เอลเทียน่าก็แข็งแกร่งกว่าฉันเช่นเดียวกัน

‘ฉันคงต้องไปฝึกแบบโคตรหนักพิเศษสักสองปีต่อจากนี้แล้วสินะ’

ด้วยการที่เป็นหนึ่งในคนที่สร้างกิลด์ขึ้นมา มันไม่ใช่ว่าฉันควรที่จะแข็งแกร่งกว่าคนที่จะมาเป็นผู้ฝึกสอนภายในกิลด์ฉันไม่ใช่หรือไง?

‘อันดับแรกเลย ฉันจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพลงดาบอย่างอื่นเพิ่ม’

รูปแบบของเพลงดาบสีขาวไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะสอนใครต่อใครได้ มันเป็นสกิลที่สร้างขึ้นราวกับว่าเป็นเพลงดาบแขนงใหม่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สำหรับเขาโดยเฉพาะ ในอีกความหมายก็คือเขาจะต้องได้รับสกิลอื่นไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้หรือเพลงดาบที่สามารถจะสอนให้กับคนอื่นได้

ฉันไม่ได้กังวลในส่วนนี้มากนักหรอก ในเมื่อตอนนี้ฉันได้รับสกิลช่องเก็บของมาแล้วแม้ว่าฉันจะไม่สามารถฉกสกิลมาจากตัวเอกเพิ่มได้ ฉันก็ยังสามารถที่จะนำไอเทมที่แตกต่างกันไปซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้หรือเพลงดาบต่างๆกลับมาได้

คลื้น คลื้น!!

ในช่วงนี้สมาร์ทโฟนของฉันสั่นตลอดเวลา นักดาบจำนวนมากและเหล่าผู้มีแนวโน้มที่จะเป็นฮันเตอร์ได้ติดต่อมาหาฉัน มันเป็นปกติอยู่แล้วเพราะว่าหากเพิ่มเซเลสเต้เข้าไปด้วยบวกกับลูกศิษย์คนใหม่ ชินเฮจี นักเรียนระดับท็อปจากสถาบันผู้มีพลังเหนือมนุษย์ซึ่งได้แสดงความแข็งแกร่งที่โดดเด่นออกมา

ท่ามกลางคนพวกนี้ซึ่งเป็นคนที่ต้องการที่จะได้รับการสอนโดยฉัน แต่ฉันเพียงแค่เลือกหนึ่งคนที่มีความตั้งใจที่บริสุทธิ์ที่สุดจากพวกเขาออกมาสอนเท่านั้น

“ฉันต้องการไอเทมบางอย่างพวกแนวๆดาบยาว,กริซ,ดาบคู่ อะไรพวกนั้นได้หมดเลย เพราะงั้นแสดงโลกที่เกี่ยวข้องกับดาบขึ้นมาที”

[กำลังทำการค้นหา…]

[…การค้นหาเสร็จสิ้น]

[กำลังแสดงผลลัพธ์]

นี้_เจ้า_ตาย_อีกแล้ว_งั้นเหรอ? งั้นก็_มา_เริ่ม_ใหม่_กัน

แฟนตาซี ย้อนเวลา

เติบโต ดำเนินเรื่องช้า

ไซเดอร์

ดาบ_ไร้ขีดจำกัด

แฟนตาซี ย้อนเวลา

ดำเนินเรื่องช้า เติบโต

นั้น_คือ_เหตุผล_ที่ว่า_ฉัน_กลายมา_เป็น_ดาบ_ได้ยังไง

มูกง เด็ก

ล้างแค้น นัวร์

(ผู้แปล : นัวร์(noir) เป็นลักษณะของตัวละครในนิยายอาชญากรรมที่โดนเหยียดหยามชีวิตอาพับ)

รายการได้แสดงตัวเอกขึ้นมากมายนับไม่ถ้วนที่ได้ใช้ ‘ดาบ’ เป็นอาวุธของพวกเขารายการพวกนี้นั้นไม่มีที่สิ้นสุดส่วนมากของตัวเอกทั้งหลายมักจะใช้ดาบเพราะว่ามันเป็นความซ้ำซากของพล็อตเรื่องแน่นอนว่ามันยังมีตัวเอกอีกหลายคนที่ใช้อาวุธอื่นๆเช่นหอก,ธนู,ค้อนศึก และขวานแต่จำนวนของคนพวกนี้ก็น้อยมาก

“นี้มันเยอะโคตร”

แน่นอนว่าตัวละครหลักที่เพียงแค่ใช้ดาบแบบผิวเผินนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในรายการนี้ สิ่งที่เขาต้องการเป็นสถานที่ที่โลกใบนั้นมีความเกี่ยวข้องกับดาบอย่างลึกซึ้งด้วยตัวมันเอง

ฉันได้เลือกตัวเลือกที่ฉันพบว่ามันน่าจะเป็นตัวเอกที่เหมาะสมที่จะจัดการ

ดาบ_ไร้ขีดจำกัด

แฟนตาซี ย้อนเวลา

ดำเนินเรื่องช้า เติบโต

“เอาอันนี้แหละ”

[ตัวเอกชื่อว่า อโดเนน มีเลเวลเท่ากับ 51]

[คุณต้องการที่จะตรวจสอบพล็อตเรื่องนี้หรือไม่?]

“แสดงขึ้นมาเลย”

……………………………………………………..

……………………………………………………..

<พล็อตเรื่อง>

อโดเนน ชายหนุ่มที่ไม่มีพรสวรรค์ใดๆ ไม่มีเส้นสาย และไม่มีอาจารย์

ความฝันของเขาคือการกลายเป็นที่สุดในโลกด้วยดาบเพียงเล่มเดียวในมือ

“เจ้าฝึกดาบมาเป็นสิบปีแล้วอย่างนั้นนะหรือ? มันช่างดูน้อยนิดยิ่งนักหากเทียบกับที่ข้ามาเพียงแค่หนึ่งปีเสียอีก”

“เอื้อก!”

แต่ว่าเขาอันได้มาเจอเข้ากับ ‘อัจฉริยะตัวจริง’ และได้ตายลงเข้าเสียก่อน

“นี้มันอะไรนะ?”

อยู่ๆเขาก็ย้อนกลับมาเมื่อวานนี้อย่างนั้นเหรอ?

……………………………………………………..

……………………………………………………..

“หืม……”

ตามเดิมเลยมันไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนักจากพล็อตเรื่องเพียงอย่างเดียวแต่มันจะยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

“ก่อนอื่นเลย มันเกี่ยวกับการย้อนเวลาแน่นอน ถ้างั้นสกิลนักล่าตัวเอกสามารถที่จะตรวจจับการย้อนเวลาได้ใช่ไหม?”

<ใช่ค่ะ>

“โอเค งั้นไปกันเถอะ เลเวล 51 ฉันน่าจะเอาอยู่”

[กำลังเดินทาง สู่ ทวีปรอสติสลาฟ โลกของตัวเอกเลเวล 51 อโดเนน]

[10…9…8…]

[2…1…0]

[การเคลื่อนย้ายเสร็จสมบูรณ์]

[คุณได้กลายมาเป็นคนพเนจรบนทวีปรอสติสลาฟ]

[ความแตกต่างด้านเวลาจากโลกเดิมคือ 3.1414 เท่า]

[วันที่ ณ ปัจจุบัน : 18 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 17.39]

“เหอะ พวกนี้แกล้อเล่นรึป่าวเนี่ย? ทำไมแกถึงได้ต้องการที่จะต่อสู้กัน?”

“ข้าจริงจัง! ดึงดาบของแกออกมาเดวนี้!”

“ดูที่ไอ้ขยะนี้มันพูดกลับมาดิ!”

ฉันพบว่าตัวเองอยู่ที่ใจกลางของห้องโถงซึ่งดูคล้ายกับบริเวณแผนกต้อนรับของโรงเตี๊ยมในยุคกลาง

“อะไรกันวะเนี่ย?”

คนพเนจรสอง สามคนที่อยู่ในเสื้อเกราะหนังได้ดึงดาบของพวกเขาออกมาจากฟักต่อหน้าต่อตาของฉัน คนพวกนี้ดูเหมือนว่าจะมีความขัดแย้งกันเอง ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะไม่ถูกลากเข้าไปเกี่ยวในการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นฉันได้สไลด์ตัวถ้อยกลับไปและออกไปจากที่นี้

เมื่อฉันได้ออกมาจากที่นั้นมาที่ถนนด้านนอกพึ่งจะตอนนี้เท่านั้นเองที่ฉันได้รับรู้ถึง ‘กฎ’ ของโลกใบนี้

“อะไรน้า? นี้แกต้องการให้ข้าลดราคามากกว่านี้อย่างนั้นเหรอ?”

“ไอ้สารเลวนี้! ตามข้ามาด้านนอกและมาสู้กันเดวนี้เลย!”

นี้เป็นโลกที่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึ้งจะอยู่รอด มันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างถูกและผิดถ้าหากว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับใครก็ตามแล้วเขาไม่ได้ชอบมัน คนๆนั้นสามารถที่จะพิสูจน์คำพูดของเขาได้ผ่านการต่อสู้กันมันเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่แข็งแกร่งที่จะอยู่รอด

“โลกบ้าอะไรกันวะเนี่ย ที่นี่มันนองเลือดสุดๆไปเลย”

มากไปกว่านั้นในบางครั้งมันก็มักมีคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นดั้งนั้นแล้วผู้คนทั่วไปจึงชอบที่จะหลีกเลี่ยงคนอื่นๆมากกว่าเพราะว่าพวกเขากลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปเอี่ยวด้วย

ดาบและก็ดาบ มันเป็นโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องกับดาบ

ค่าเงินของพวกเขาก็เป็นดาบและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดก็มีรูปร่างคล้ายกับดาบ ยังไม่หมดนะยังมีชายคนหนึ่งที่ตัดผมตัวเองเป็นทรงดาบด้วย

ตัวเลือกของฉันได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันถูกต้อง มันมีผู้คนมากมายบนถนนเส้นนี้ที่ทั้งต้องการที่ขายดาบของพวกเขาหรือไม่ก็ต้องการที่จะสอนเพลงดาบของตนเองฉันมองดูไปที่พวกเขาที่ละคนๆราวกับว่ากำลังจ่ายตลาดอยู่

และแล้ว

“ว้าวว ทำไมเจ้าไม่พยายามให้มากขึ้นกว่านี้อีกหน่อยหละ?”

[ตัวเอก อโดเนน]

[เลเวล : 51]

ฉันพบตัวเอก

ตัวเอกคนนี้ อโดเนน ดูแบบผิวเผินแล้วเขาดูราวกับมีชายหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่ยี่สิบปีนิดๆ เขากำลังต่อสู้กับชายวัยกลางคนอยู่กลางถนนและผู้คนโดยรอบต่างพากันเดาะลิ้นของตนในขณะที่พวกเขาผ่านไป

“เหมือนว่าไอ้เจ้านั้นกำลังขวางถนนเส้นนี้เอาไว้แล้วฆ่านักดาบที่ผ่านทางทุกคนเลยสินะ”

“เขาช่างกล้าเสียจริง เขายังฆ่าผู้คนอยู่อีกแม้ว่าเขาจะถูกระบุว่าเป็นฆาตกรโดยพวกเจ้าหน้าที่แล้วก็ตาม”

“เขาคงต้องเจอกับปรมาจารย์ตัวจริงสักทีจะได้หยุดกำแหงเช่นนี้”

“ข้าต้องผ่านเส้นทางนี้ แต่เขากำลังขวางทางนี้อยู่…”

เมื่อมองใกล้เข้าไป ในขณะที่คนรอบข้างกำลังพูดอยู่เขาก็ยังสังหารคนต่อไป ไม่สำคัญว่าคุณจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตามการฆ่าไม่เลือกเช่นนี้ไม่ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องนอกจากนี้แล้วมันจะต้องมีนักดาบซึ่งแข็งแกร่งกว่าเลเวล 51ที่อยู่รอบๆนี้อยู่แล้ว งั้นแล้วเขาไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน?

แต่คำถามของฉันก็ได้รับการแทนที่อย่างรวดเร็วด้วยอีกความคิดหนึ่ง

มันนับเป็นโอกาสที่ดีเลยนิ

ในโลกใบนี้ที่คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอดมันไม่เหมือนกับโลกอื่นที่ตัวเอกจะไม่มีทางถูกแทงข้างหลังแล้วตายไปแบบโง่ๆอยู่ข้างถนน

‘แม้ว่าฉันจะฆ่าตัวเอกในตอนนี้เลย ฉันก็ยังอยู่ในโลกนี้ได้นานเท่าที่ฉันต้องการ’

แล้วฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกแล้วสำหรับการฆ่าตัวเอกที่เติบโตจากการกลืนกินพรของโลกใบนี้

มันค่อนข้างที่จะน่ากังวลนิดหน่อยที่รายละเอียดของสกิลย้อนเวลาของตัวเอกคนนี้ไม่ได้รับการเปิดเผยแต่จากสิ่งที่ฉันได้รู้มาโลกประเภทนี้นั้นเป็นประเภทที่ตัวเอกสามารถจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วยการครอบครองเทคโนโลยีและความรู้จากอนาคตไว้แต่เพียงผู้เดียว มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะฆ่าเขาก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้นไปมากกว่านี้

ฉันเอาระเบิดออกมาจากช่องเก็บของและขว้างมันไปทางอโดเนน อโดเนนที่กำลังพูดกับทุกๆคนที่ต่อสู้กับเขาหากว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะผ่านถนนเส้นนี้ไป พบเมื่อสายไปแล้วว่ามีวัตถุทรงกลมสีดำได้กลิ้งมาอยู่ที่ใต้ขาของเขา

ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!

“นี้มันอะไรนะ?”

ตูมมมมมมมม!!

ลูกระเบิดได้ระเบิดออกมา ดูเหมือนว่ามันค่อนข้างที่จะมีประสิทธิภาพเพราะว่ามันทำให้เกิดบาดแผลไปทั่วร่างกายของเขาแต่มันยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าเขาลงได้ ดังนั้นฉันได้ดึงปืนพกออกมาและเหวี่ยงดาบไปที่เขา

ตึง!

“เอื๊อก! แกไอ้สารเลว! แกเป็นใครกัน? แน่จริงก็มาสู้กันแบบแฟร์ๆสิวะ”

แฟร์กับตูดเอ็งสิ! ฉันไม่คิดเลยว่านี้จะเป็นสิ่งที่ชายที่กำลังขวางถนนเส้นนี้ไว้และเริ่มต้นสังหารผู้คนจะมีสิทธิพูดออกมาได้

ฉันตัดดาบของอโดเนนเป็นสองส่วนด้วยการใช้ดาบอีเทอร์แล้วเล็งปืนของฉันแล้วยิงออกไปเพื่อสร้างช่องว่างหลังจากนั้นก็สลับกลับมาเป็นดาบอีเทอร์แล้วตัดไปที่คอของเขาอย่างหมดจด

ฉันยกเลิกการใช้งานดาบอีเทอร์ทันทีที่หัวของอโดเนนตกลงสู่พื้น ตัวเอกเลเวล 51 คนนี้เป็นช่างเป็นตัวตนที่สามารถจะฆ่าได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีทีเผลอเท่านั้นเอง

ติ๊ง!

[วันที่ ณ ปัจจุบัน : ปฏิทินจักรพรรดิ 18 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 18:50]

[…เส้นเวลาของโลกเริ่มเกิดการบิดเบือน]

[สกิล ‘นักล่าตัวเอก เลเวล 3’ เปิดใช้งานเพื่อทำการตรวจจับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเส้นเวลาของโลก]

[ตัวเอกอโดเนนเรียกใช้งานสกิล ‘ย้อนกลับสู่ค่าตั้งต้น (URS)’ และย้อนกลับไปยัง 10 ชั่วโมง 37 นาทีก่อน]

[วันที่ ณ ปัจจุบัน : ปฏิทินจักรพรรดิ 18 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 9:53]

ติ้ง!

[วันที่ ณ ปัจจุบัน : ปฏิทินจักรพรรดิ 18 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 18:50]

[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A73]

“…หืม?”

ทันใดนั้นเองร่างกายของอโดเนนก็หายไป ถึงแม้ว่ามันจะเคยมีศพของเขาอยู่ตรงนี้ตัวเป็นๆเมื่อเสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ก็ตาม

มีบางอย่างผิดปกติ

ผู้คนที่อยู่รอบๆฉันก็กำลังเปลี่ยนไป ชายคนที่สวมผ้าพันคอสีแดงก่อนหน้านี้ได้หายไปและในจุดที่เขาเคยอยู่ก็กลายเป็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ ชายผมสีบลอนด์สองคนที่เคยมองที่อโดเลนและวิภาพวิจารณ์ในตอนนี้ก็กำลังเดินไปด้วยกับแบบไหล่แทบจะชนกันอยู่แล้ว

“ตายยยย!!!!!!”

มันมีบางคนที่กำลังพัวพันอยู่กับการต่อสู้กัน

“เยี่ยม ไอ้ขยะนั้นสู้กันอีกแล้ว”

นักดาบบางคนได้พูดขึ้นขณะที่เดินผ่านไป

“ช่างน่ากลัว…”

และมีชายแก่คนหนึ่งที่เดินถอยห่างออกไปจากการต่อสู้ของผู้คนเหล่านี้ด้วยความหวาดกลัว

ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสักคนที่สัมผัสได้ถึง ‘การเปลี่ยนแปลง’ นี้เลย

‘นี้เป็นผลของการ ‘ย้อนเวลา’ อย่างนั้นเหรอ?’

ยูซอดัมมองไปที่ฝูงชนเหล่านี้อย่างเหล่อลอย แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

“ข้ามองหาแกมาทั้งวันเลยตั้งแต่ที่ข้าตายไป”

“…..!”

ยูซอดัมรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว อโดเนนที่พึ่งจะถูกแยกเป็นสองส่วนด้วยดาบของเขาเมื่อตะกี้นี้กำลังยืนอยู่

“แต่นี้มันแปลกยิ่งนัก แกไม่ได้อยู่ที่นี้จนกระทั้งถึงเมื่อกี้นี้ มันราวกับว่าเจ้าปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ นี้แกเป็นตัวอะไรกันแน่?”

อโดเนนพูดพร้อมกับถ่มน้ำลายลงไปที่พื้น

[ตัวเอกอโดเนน เปิดใช้งานสกิล ‘ขโมยเพลงดาบ (SS)’]

[สกิล ขโมยเพลงดาบ (SS) : วิเคราะห์และระบุตัวตนของเพลงดาบของคนที่ฆ่าเจ้าของสกิลและทำให้เพลงดาบนั้นกลายมาเป็นของตนเอง]

[ความคืบหน้า : 2.79%]

อโดเนนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และดึงดาบของตนออกมา

“ถ้างั้นแล้วทำไมแกไม่แสดงให้ข้าได้เห็นถึงเพลงดาบของเจ้าให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยหละ?”

(ผู้แปล : สำหรับคนที่งงๆตรงการย้อนเวลานะครับ ผมเดาว่า 18:50 น่าจะเป็นเหมือนกับเวลาเกิดจากการแทรกแซงระบบที่ซอดัมมีนะครับทำให้ซอดัมย้อนไปตอนนั้น แต่ว่าสกิลของตัวเอกส่งเขาย้อนไปก่อนหน้า 20:30 เป็นเวลา 10 ชั่วโมง 37 นาที ก็น่าจะช่วง 9:53 นะครับ)