บทที่ 206 ลูกหลานคนทรยศ

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 206 ลูกหลานคนทรยศ

บทที่ 206 ลูกหลานคนทรยศ

หลายวันต่อมาบนยอดเขาหอกอันสงบสุข ลู่หยวนผนึกห้องโถงที่ตนอาศัยอยู่ ค่ายกลนับไม่ถ้วนถูกติดตั้งเอาไว้และกลายเป็นสถานที่เก็บตัว

โดยมีชิวชิงหลีอยู่ในยอดเขาหอก คอยทำหน้าที่ปกป้องเขา

ถึงจะบอกว่าปกป้อง แต่ความจริงแล้วชิวชิงหลีไม่สามารถเข้าใกล้ห้องโถงหลักได้แม้แต่ครึ่งก้าว

หากนางพยายามรุกล้ำอาณาเขตที่ชายหนุ่มอยู่ ยันต์ค่ายกลจะทำงาน ยั่วยุให้มังกรเจินหลงเดือดดาลจนระเบิดพลังออกมา

ชิวชิงหลีไม่อยากรบกวนการเก็บตัวของลู่หยวนจึงฝึกฝนด้วยตัวเอง

ฉู่เชิ่งได้ตระกูลของนางช่วยเอาไว้และถูกย้ายไปที่ปลอดภัย ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

บุตรศักดิ์สิทธิ์นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถงปิดสนิท ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยพลังมารแข็งแกร่งที่อาบย้อมทั่วบริเวณดังกล่าว

หลังจากกลืนกินเพลิงม่วงครามของซุนอวิ๋นถิงกับเพลิงเหมันต์สงัดของฉู่เชิ่ง หอคอยอสูรสวรรค์จึงเริ่มหลอมพวกมัน

พลังมารโคจรอยู่รอบหอคอยอสูรสวรรค์ เปลวเพลิงสีน้ำเงินและม่วงห้อมล้อมมันเอาไว้

วิญญาณเพลิงถูกกลืนกิน พลังมารปั่นป่วน

ลู่หยวนฉวยโอกาสดังกล่าวเพื่อหลอมรวมพลังเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย

ยิ่งเวลาผันผ่าน พลังวิญญาณก็ยิ่งผันผวน

ผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ บุตรศักดิ์สิทธิ์จึงลืมตาขึ้น พลังมารพลันโกลาหล ก่อนจะถูกดูดกลับมา เมื่อหอคอยอสูรสวรรค์หมุนคว้างไปครู่หนึ่ง ทำให้เปลวเพลิงทั้งหมดถูกหลอมจนสิ้น

ลู่หยวนยกมือขึ้น เพียงหนึ่งความคิด เปลวเพลิงสีม่วงแกมน้ำเงินจึงปรากฏขึ้นในมือของเขา

“หอคอยอสูรสวรรค์ถึงกับหลอมรวมเพลิงม่วงครามกับเพลิงเหมันต์สงัดได้งั้นหรือ?”

เปลวเพลิงในมือของชายหนุ่มยังคงแผดเผา แต่สีน้ำเงินอ่อนของมันค่อนข้างเลือนราง

“อย่างไรมันก็เป็นแค่การดูดกลืนเปลวเพลิงบางส่วนจากเพลิงเหมันต์สงัด หากว่ายึดครองเพลิงเหมันต์สงัดทั้งหมดมา และค่อยให้หอคอยอสูรสวรรค์หลอมรวม เมื่อนำมาใช้งาน เปลวเพลิงในมือนี้จะยิ่งแข็งแกร่งทรงอำนาจ!”

ดวงตาของลู่หยวนมืดมน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ฉู่เชิ่งหนอฉู่เชิ่ง เจ้าอย่าตายเสียก่อนล่ะ!”

เมื่อชายหนุ่มกำลังจะออกจากห้องโถง พลังมารสายหนึ่งพลันเคลื่อนผ่านในจิตเทวะ หอคอยอสูรสวรรค์เริ่มสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าใครบางคนที่อยู่ข้างในกำลังเรียกหาเขา

บุตรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว ก่อนเข้าสู่จิตเทวะ และมุ่งหน้าสู่หอคอยอสูรสวรรค์

ทันทีที่เข้ามาก็ได้พบสือจิ่วผู้นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ แขนขนาดเล็กทั้งสองสวมกอดเข้าหากัน สายตาของเขาจึงหันไปหาหญิงสาวผู้ถูกโซ่พันธนาการอย่างจริงจัง

“นายท่าน!”

เมื่อสือจิ่วเห็นชายหนุ่มก็ส่งเสียงเรียกอย่างเชื่อฟัง

ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง “เรียกข้าเข้ามามีอะไรหรือ?”

“ข้าไม่ได้เรียกนายท่าน นางต่างหาก!”

สือจิ่วชี้ไปที่เจิ้งชิงเทียนผู้ขดตัวอยู่บนพื้น นางกำลังซุกตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง โดยที่ร่างกายไม่อาจหยุดสั่นสะท้าน

ผู้ถูกพันธนาการเงยหน้าขึ้นพลางเผยดวงตาคู่งามสีแดงที่ไม่อาจหักห้ามอารมณ์ได้ “นายท่าน”

“มีอะไร?”

ลู่หยวนไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อเจิ้งชิงเทียน เนื่องจากอีกฝ่ายคือผู้กลายเป็นมารแต่ยังมี ‘วิถีคุณธรรม’ ทำให้นางไม่มีทางจงรักภักดีต่อเขาได้

ส่วนสาเหตุที่ทำไมนางยังอยู่ที่นี่ นั่นเพราะตัวตนของเจิ้งชิงเทียนยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ในบางโอกาส เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง!

“ข้าขอถามนายท่าน ช่วงนี้ท่านได้พบใครที่พิเศษหรือไม่?”

ได้ยินดังนั้นลู่หยวนจึงขมวดคิ้ว เขาผนึกหอคอยอสูรสวรรค์เอาไว้ สือจิ่วและเจิ้งชิงเทียนที่อยู่ข้างในจึงไม่สามารถตรวจสอบโลกภายนอกได้

เจิ้งชิงเทียนกล่าวต่อว่า “นายท่าน ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิถีคุณธรรม กลิ่นอายนี้คล้ายกับผู้สืบทอดวิถีเดียวกับข้าเมื่อครั้งอดีต!”

ดวงตาของนางพลันกลายเป็นสีชาด ทั่วกายาดูหวาดหวั่นขึ้นมา “นายท่าน คนผู้นั้นน่าจะเป็นผู้สืบทอดวิถีคุณธรรม เป็นลูกหลานของชิวสิง!”

“ชิวสิงคือผู้ที่ทรยศวิถีคุณธรรมของข้าในตอนนั้น และใส่ร้ายข้าว่าเป็นมาร!”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พลังมารที่เต็มไปด้วยจิตสังหารกระจายออกไปทั่วร่างของนาง

นางมองด้วยสายตาคมปลาบ ก่อนก้าวมาตรงหน้าของลู่หยวนสองสามก้าว “นายท่าน ช่วยข้าฆ่ามันที! ฆ่ามัน! ขอเพียงฆ่ามันได้ ข้ายอมทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง!”

ลู่หยวนเย้ยหยันว่า “ทุกอย่างงั้นหรือ? เจิ้งชิงเทียน เจ้ายังมีอะไรจะให้ข้าอีก?”

“ต่อให้เจ้าเคยเป็นเจ้าแห่งวิถีคุณธรรม ผู้คนชื่นชมนับหมื่น แต่ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงผู้กลายเป็นมารที่ถูกขังอยู่ในหอคอยอสูรสวรรค์”

“นอกจากร่างกายและการบ่มเพาะที่พิกลพิการแล้ว เจ้ามีอะไรให้ข้าได้อีก?”

ดวงตาของเจิ้งชิงเทียนที่ยังคงเป็นสีชาดและคลุ้มคลั่งพลันมืดมน

ใช่แล้ว นางยังจะมีอะไรอีก?

นางในตอนนี้ มีคุณสมบัติอะไรที่จะเจรจากับลู่หยวน?!

ตอนนี้ผ่านมาสามแสนปี ชิวสิงน่าจะตายไปนานแล้ว แต่ลูกหลานของเขายังคงอยู่บนแผ่นดินนี้ และใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย!

ดวงตาของผู้ถูกจองจำปรากฏสีชาดขึ้นวาวโรจน์ อดีตทั้งหมดยังคงฉายชัดอยู่ในใจ

ในตอนแรก ชิวสิงให้ความเคารพนางอย่างล้นเหลือ!

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชิวสิงย่อมยืนอยู่ข้างนาง และให้การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไข

เจิ้งชิงเทียนถึงขั้นคิดว่า… ชิวสิงคือคนที่เชื่อใจได้

ทว่าวันที่มหาสงครามเริ่มขึ้น ตอนที่ตนสังเวยการบ่มเพาะ ชิวสิงเป็นคนแรกที่ทรยศสำนักวิถีคุณธรรม ก่อนชักกระบี่ยาวแทงเข้าที่หัวใจของเจิ้งชิงเทียน

ผู้ถูกจองจำไม่คาดคิดว่าชิวสิงจะกลายเป็นสมาชิกของตระกูลอื่นไปแล้ว

ผู้อยู่รอบตัวเจิ้งชิงเทียนตายอย่างน่าเวทนาคนแล้วคนเล่า เป็นเหตุให้นางเสียสติกลายเป็นมารต่อหน้าทุกคน

อดีตเจ้าวิถีคุณธรรมจำได้ว่า หลังจากกลายเป็นมารแล้ว นางก็โจมตีมือขวาของคนทรยศ

เดิมทีนางคิดว่าหลังสิ้นสุดมหาสงคราม ทั่วทั้งวิถีคุณธรรมจะมลายหาย ผู้คนในแผ่นดินหลักจะขัดขืนวิถีคุณธรรม แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน คาดไม่ถึงว่านางจะตรวจพบร่องรอยของวิถีนี้

คนธรรมดาย่อมไม่สามารถรับรู้กลิ่นอายนี้ได้ แต่ตอนนี้นางยังคงมี ‘วิถีคุณธรรม’ อยู่ในร่างกาย จึงอ่อนไหวต่อมัน

กลิ่นอายวิถีคุณธรรมนั่นช่างคล้ายกับชิวสิงอย่างน่าประหลาด แสดงว่าจะต้องเป็นรุ่นลูกหลาน!

ลู่หยวนไม่รีบร้อน สายตายังจ้องมองเจิ้งชิงเทียน

ความจริงยังคงมีบางสิ่งที่ชายหนุ่มอยากได้จากอีกฝ่าย นั่นก็คือเศษเสี้ยวสุดท้ายของ ‘วิถีคุณธรรม’ ในตัวนาง!

มันคือของดีที่หาได้ยาก!

ถึงแม้ลู่หยวนในตอนนี้จะมียันต์ที่ได้มาจากอู่หมิงเสวี่ยผู้เป็นมารดา แต่มันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์!

หากได้ ‘วิถีคุณธรรม’ มาปกป้องด้วย ขอเพียงไม่ปล่อยพลังมารรั่วไหลออกไป เขาก็จะไม่ต่างจากเซียนสวรรค์ที่ไม่มีผู้ใดมองออก!

ยิ่งกว่านั้น ขอเพียงเจิ้งชิงเทียนสูญเสียกลิ่นอายของ ‘วิถีคุณธรรม’ ไป นางก็จะกลายเป็นมารอย่างสมบูรณ์!

ผ่านไปสักพัก ลู่หยวนมองเจิ้งชิงเทียนผู้ยังคงครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนโพล่งออกมาว่า “เจิ้งชิงเทียน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าช่วยก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าต้องทำคือมอบ ‘วิถีคุณธรรม’ สุดท้ายมาให้ข้า เพื่อกลายเป็นหุ่นเชิดมารของข้าแต่โดยดี”

เจิ้งชิงเทียนเงยหน้าขึ้น แววตาเผยความขัดขืน นางย่อมรู้ว่าหากเสียเศษเสี้ยวพลังวิถีคุณธรรมไป นางจะกลายเป็นมารอย่างสมบูรณ์!

“ข้าจะให้เวลาเจ้าคิด พอคิดเสร็จแล้ว ค่อยมาคุยกับข้า”

หลังจากกล่าวจบ ลู่หยวนสะบัดแขนเสื้อก่อนจะออกจากหอคอยอสูรสวรรค์

เมื่อกลับสู่ความเป็นจริง ชายหนุ่มคลายผนึกหอคอยอสูรสวรรค์ ทำให้สือจิ่วและเจิ้งชิงเทียนสามารถมองเห็นภายนอกได้อย่างชัดเจน

คนที่แทงข้างหลังเจิ้งชิงเทียนในตอนนั้นมีชื่อว่าชิวสิง

ชิวชิงหลีเป็นลูกหลานของคนผู้นั้น!

คาดไม่ถึงว่านางจะมีกลิ่นอาย ‘วิถีคุณธรรม’ อยู่กับตัว!

หนึ่งร่างสองวิญญาณ …วิญญาณวิถีคุณธรรม

หญิงสาวผู้นี้มีของดีมากมาย!