บทที่ 207 วิถีหอกอำมหิต

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 207 วิถีหอกอำมหิต

บทที่ 207 วิถีหอกอำมหิต

ด้วยเหตุนี้ ลู่หยวนตั้งใจจะให้เจิ้งชิงเทียนได้เห็นลูกหลานของศัตรูที่แทงข้างหลัง นางจะได้เห็นว่าอีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เป็นที่เคารพจากผู้คนทั้งหลาย!

ส่วนเจิ้งชิงเทียนผู้เป็นอดีตเจ้าแห่งวิถีคุณธรรม กลับต้องใช้ชีวิตได้แค่ในหอคอยขนาดเล็กที่ปนเปื้อนไปด้วยพลังมาร!

ลู่หยวนลุกขึ้นยืน พร้อมกับคลายค่ายกลทั้งหมดภายนอกห้องโถงหลัก เพียงยกมือขึ้น ประตูห้องโถงอันหนักอึ้งจึงเปิดออก พร้อมปรากฏแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา

เมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ก้าวออกจากห้องโถง เขาเห็นหลิงอวิ๋นยืนอยู่ข้างนอกโดยในมือถือหอกยาวเอาไว้ ใบหน้างดงามของนางเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง

เจตจำนงหอกที่เป็นของหลิงอวิ๋นรายล้อม นอกจากห้องโถงหลักของลู่หยวนแล้ว สิ่งปลูกสร้างที่เหลือพังทลาย แม้กระทั่งต้นหญ้าวิญญาณที่ถูกปลูกไว้ล้วนถูกทำลาย

ในกลางอากาศที่ไม่ไกลกันนัก ชิวชิงหลีถือกระบี่ยาว สีหน้าระแวดระวัง เหงื่อเย็นยังคงผุดขึ้นที่หน้าผาก

“เกิดอะไรขึ้น?”

ลู่หยวนสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมหลิงอวิ๋นกับชิวชิงหลีถึงสู้กันแบบนี้

เมื่อหลิงอวิ๋นเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมา กลิ่นอายของนางสงบลงไปบางส่วน เพียงพริบตา นางมาปรากฏตัวตรงหน้าศิษย์คนเดียวที่เหลืออยู่

บรรพชนหอกตรวจสอบเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นเอื้อมมือออกไปวางบนข้อมือของลู่หยวน ผ่านไปหลายอึดใจ นางเอ่ยปากถามว่า “ครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพหรือ?”

ลู่หยวนพยักหน้า “หลังจากท่านเก็บตัว ข้าก็ได้ทะลวงขั้นเช่นกัน”

“ช่างเรื่องนั้นก่อน อาจารย์ นี่มันเรื่องอะไร?”

ชายหนุ่มรู้สึกได้เลือนรางว่าหลิงอวิ๋นในตอนนี้แตกต่างจากทุกที

เจตจำนงหอกรอบตัวนางคล้ายกับเปลี่ยนไปมาก มันคมปลาบขึ้น จิตสังหารผันผวนมากขึ้น ราวกับน้ำแข็งจากทะเลทั้งเก้า ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

หลิงอวิ๋นปล่อยมือพร้อมขมวดคิ้วสีดำ แววเนตรจับจ้องลู่หยวน โดยในดวงตาไม่มีความอ่อนโยนหลงเหลืออีกต่อไป นางมองเขาด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือก

หลิงอวิ๋นเพียงชำเลืองชิวชิงหลีด้วยหางตา ก่อนหันหลังกลับไป และกระชับหอกในมือไว้มั่น “ข้าขอพูดอีกครั้ง ออกไปเสีย! ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ทันทีที่สิ้นเสียง พลังกฎเกณฑ์จำนวนหนึ่งในเจตจำนงหอกไร้เทียมทานปรากฏขึ้น แรงกดดันเคลื่อนลงมา ทั่วทั้งยอดเขาหอกเริ่มยุบตัวอย่างช้า ๆ

ชิวชิงหลีเผยสีหน้ายากจะอธิบาย สายตาหันมองลู่หยวนผู้พยักหน้าตอบกลับมาให้ยอมทำตามที่บรรพชนหอกสั่งการ

นางเห็นดังนั้น ร่างจึงวูบไหวออกจากยอดเขาหอกไป

ตอนนี้ลู่หยวนพอรู้แล้วว่าทำไมหลิงอวิ๋นถึงทำตัวผิดปกติ

“อาจารย์สำนัก ท่านก้าวเข้าสู่วิถีไร้ใจแล้วงั้นหรือ?”

หลิงอวิ๋นเก็บหอกพลางพยักหน้า ก่อนยกมือขึ้น ค่ายกลสีทองปรากฏขึ้นนอกยอดเขาหอก

ค่ายกลนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าที่ลู่หยวนตระเตรียมเอาไว้ อักขระสีทองร่ายรำ พื้นที่มากมายภายนอกยอดเขาหอกพลันแตกสลาย

“ภายภาคหน้า คนนอกที่ก้าวเข้ามาในยอดเขาหอกของข้า จะต้องตาย!”

หลิงอวิ๋นถือหอกยาวระดับราชัน จากนั้นถ่ายเทเจตจำนงหอกไร้พรมแดนเข้าไป หอกยาวพลันเคลื่อนลงมาปักบนปฐพี

วิ้ง!

พลังวิถีพลันระเบิดออก ไล่จากยอดเขาหอก ตรงขึ้นสู่ท้องนภา

ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งแดนมัชฌิมต่างสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงนี้

อาจารย์สำนักของยอดเขาบรรพชนแต่ละแห่งต่างพากันออกมา สายตาของพวกเขาจับจ้องพลังวิถีที่พุ่งตรงสู่ท้องนภา ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก่อเกิดขึ้นในใจ

หลิงอวิ๋น สำเร็จวิถีหอกไร้ใจอย่างสมบูรณ์แล้ว!

ย่างก้าวเข้าสู่ขั้นสูงกว่าวิถีไร้ใจ… วิถีหอกอำมหิต

เฉิงไท่ยืนอยู่บนยอดภูผาพร้อมสายตามองมาที่ยอดเขาหอก พลางพึมพำว่า “ในที่สุดอาวุธครึ่งก้าวสู่ระดับสวรรค์ก็กำลังจะปรากฏขึ้นจากผู้สืบทอดวิถีหอกแล้ว มันอาจจะได้รับเจ้าของใหม่ก็เป็นได้”

ภายหลังหลิงอวิ๋นปล่อยมือ อาวุธระดับราชันยังคงปักอยู่บนยอดเขาหอก เจตจำนงหอกไร้เทียมทานปรากฏขึ้นจากยุทธภัณฑ์ ก่อนจะพวยพุ่งขึ้นไปปกคลุมทั่วท้องนภา

ศิษย์ทั้งหลายถูกเจตจำนงหอกนี้ปกคลุม ทำให้เสียงของหลิงอวิ๋นดังก้องในหูของพวกเขา

“คนนอกที่ก้าวเข้ามาในยอดเขาหอกของข้า จะต้องตาย!”

แทบทุกคนสั่นสะท้าน แม้กระทั่งอาจารย์บางส่วนยังมองดูด้วยสายตาจริงจัง

นางคือหนึ่งในอาจารย์ผู้อายุน้อยที่สุด และมีการบ่มเพาะต่ำที่สุด

ตอนนี้หลิงอวิ๋นออกจากการเก็บตัวแล้ว รากฐานการบ่มเพาะของนางไม่แปรเปลี่ยน ยังคงเป็นครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ แต่กลับเข้าถึงวิถีหอกอันทรงพลัง

อาจารย์เหล่านี้เมื่อครั้งอายุเท่าหลิงอวิ๋น ไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าจะยังฝึกฝนอยู่ในขั้นใดกัน?

ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นวิถีแห่งสวรรค์ อาจารย์ หรือศิษย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เสียงของนางมันเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการนัก!

หลิงอวิ๋นผู้นี้คือสัตว์ประหลาดเปี่ยมพรสวรรค์ที่ทำให้ผู้คนต้องริษยา!

หากว่านางมีโอกาสอีกสักครั้ง ได้ใช้ร่างของตัวเองตรงเข้าสู่วิถีแห่งสวรรค์ เช่นนั้นในโลกหล้าจะปรากฏปรมาจารย์หอกผู้อยู่บนจุดสูงสุดขึ้นอย่างแน่นอน!

นางอาจถึงขั้นทะลวงข้อห้ามทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง จนก้าวเข้าสู่สวรรค์!

เฉิงไท่ถอนสายตาจากยอดเขาหอก เขาลอบถอนหายใจพลางยกมือขึ้น วงแสงสีขาวปรากฏขึ้นในท้องนภา มันกำราบเจตจำนงหอกทั้งหมดที่หลิงอวิ๋นสำแดงออกมา

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เจตจำนงหอกที่กดข่มทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ถูกจำกัดไว้ในบริเวณยอดเขาหอกเท่านั้น

“หลิงอวิ๋น มาที่ยอดเขาข้าเดี๋ยวนี้”

หลังจากเฉิงไท่เอ่ยประโยคดังกล่าว เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

ลู่หยวนที่มองดวงตาอันสงบนิ่งของบรรพชนหอกในเวลานี้ ด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย ในใจนั้นพลันปรากฏเสียงระบบดังขึ้น

[ระบบแจ้งเตือน ผู้ถือครองวิถีหอกหลิงอวิ๋นเปลี่ยนแปลงเส้นทางการฝึกฝน นางเปลี่ยนจากวิถีไร้ใจเข้าสู่วิถีหอกอำมหิต! นับจากวันนี้ไป รากฐานการบ่มเพาะวิถีหอกของหลิงอวิ๋นจะผูกมัดกับท่าน!]

[หมายความว่าหากรากฐานการบ่มเพาะวิถีหอกของนางพัฒนา ค่าชะตาวายร้ายของท่านก็จะเพิ่มขึ้น หากรากฐานการบ่มเพาะวิถีหอกของหลิงอวิ๋นถดถอยหรือตกตาย ค่าชะตาวายร้ายของท่านก็จะลดลง!]

[ขอแสดงความยินดีที่ท่านเปลี่ยนเส้นทางการบ่มเพาะของหลิงอวิ๋นได้ ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 5,000 แต้ม!]

[ค่าชะตาวายร้ายของท่านในปัจุบันคือ 38,000 แต้ม!]

มุมปากของลู่หยวนยกขึ้น ดูท่าว่าตอนที่หลิงอวิ๋นทะลวง กลุ่มพลังมารที่ปลูกถ่ายเอาไว้จะได้รับผลด้วย!

ตอนนี้รากเหง้าความรู้สึกของนางหมดสิ้นไปแล้ว ทำให้นางเข้าสู่วิถีหอกอำมหิตได้สำเร็จ!

ส่วนลู่หยวนกลายเป็นขีดจำกัดสุดท้ายของจิตใจหลิงอวิ๋น!

หมายความว่าหลิงอวิ๋นกลายเป็นผู้ติดตามของเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง!

เพียงแต่ว่า นางในตอนนี้ยังอยู่ในครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ที่เทียบกับคนอื่นแล้วยังนับว่าอ่อนแอ!

“อาจารย์ หลังจากเก็บตัวมานาน เหตุใดการบ่มเพาะไม่พัฒนาบ้างเล่า?”

ลู่หยวนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

หลิงอวิ๋นกลับมามีสติ แววตาไม่ผันผวนแต่อย่างใด “ไม่มีอะไร ข้าแค่ผนึกรากฐานการบ่มเพาะเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีเวลาทะลวงน่ะ”

“อีกสามวันก็จะถึงการแข่งขันภายในแล้ว เจ้าพร้อมหรือยัง?”

ลู่หยวนพยักหน้า แววตาของเขาเฉยชา “อาจารย์ไม่ต้องห่วง การแข่งขันภายในครั้งนี้ ข้าจะต้องขึ้นไปอยู่แนวหน้าได้อย่างแน่นอน!”

หากเป็นหลิงอวิ๋นคนก่อนได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนี้ นางอาจจะคิ้วขมวดแล้วตำหนิเขาว่าอย่าได้ใจให้มันมากนัก

แต่หลิงอวิ๋นในตอนนี้กลับรับฟังแล้วพยักหน้า ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าจะแพ้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็บอกมาได้ ข้าจะไปหามาให้เอง”

คำพูดของบรรพชนหอกราบเรียบ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่นางกล่าวเมื่อครู่แทบไม่ต่างจากการยกคัมภีร์โบราณให้ลู่หยวน

หากคนอื่นมาได้ยินเข้า ในใจคงบังเกิดมรสุมขึ้นมา!

หลังจากได้รับชัยชนะจากการแข่งขันภายในแล้ว ไม่เพียงแต่จะได้เข้าโถงลับของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเรียนรู้คัมภีร์โบราณเท่านั้น แต่ยังได้เข้าไปในราชวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมอีกด้วย!

หรือว่าที่หลิงอวิ๋นให้สัญญาจะหมายความว่า… หากบุตรศักดิ์สิทธิ์อยากได้คัมภีร์โบราณของตำหนักจักรพรรดิแดนมัชฌิม นางก็พร้อมจะจับหอกแล้วไปเอามาให้อย่างนั้นหรือ?!