บทที่ 208 เปิดฉากการแข่งขันภายใน

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 208 เปิดฉากการแข่งขันภายใน

บทที่ 208 เปิดฉากการแข่งขันภายใน

ครั้งนี้ลู่หยวนประหลาดใจเล็กน้อย เขาก้าวไปข้างหน้า ก่อนคว้ามือหยกของอาจารย์เอาไว้

ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าพลังมารที่ปลูกถ่ายได้แทรกซึมไปถึงหัวใจของหลิงอวิ๋นแล้ว

ความคิดของบรรพชนหอกในตอนนี้ ถูกรบกวนด้วยร่องรอยของพลังมาร

บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่คาดคิดว่าพลังมารจะแทรกซึมเข้าไปได้ลึกล้ำนัก ตอนนี้หลิงอวิ๋นกลายเป็นองครักษ์ผู้จงรักภักดีต่อเขาแล้ว!

การเคลื่อนไหวของกลิ่นอายวิถีหอกเปรียบเสมือนองครักษ์ข้างกาย

ชายหนุ่มยิ้มออกมาพลางปล่อยมือหญิงสาว “อาจารย์ไม่ต้องห่วง หากว่าต้องการขึ้นมา ข้าจะบอกอาจารย์แน่นอน”

“จะว่าไป ตอนที่อาจารย์เก็บตัว ข้าดันฆ่าหยางอวิ๋นไปเสียแล้ว” ลู่หยวนสารภาพด้วยท่าทีไม่แยแส

“หยางอวิ๋นหรือ?”

หลิงอวิ๋นคิ้วขมวด ก่อนชำเลืองมอง ทันใดนั้นนางก็เผยสายตาสับสนออกมา “เขาตายแล้ว เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”

คำพูดที่กล่าวออกมา ราวกับหยางอวิ๋นผู้ติดตามหลิงอวิ๋นมาช้านานเป็นเพียงคนไม่รู้จัก!

พลังมารที่อัดแน่นในกายนางช่างทรงพลังยิ่งนัก…

เมื่อเห็นดังนี้ ลู่หยวนแสยะยิ้มอยู่ในใจ “ไม่มีอะไร แค่แจ้งให้อาจารย์ทราบเท่านั้น”

สิ้นคำ ทั้งสองสนทนากันต่ออีกสักพัก ก่อนแยกกันกลับเข้าห้องของตัวเอง

ส่วนหลิงอวิ๋นมุ่งหน้าไปยอดเขาที่เฉิงไท่อยู่

สามวันผ่านไปในพริบตา การแข่งขันภายในของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้เปิดม่านขึ้น

ในช่วงเช้าตรู่ ก่อนที่ท้องนภาจะสว่างไสว หลายคนตื่นขึ้นมา ตระเตรียมอาวุธวิเศษของตัวเอง จากนั้นตรงไปยังพื้นที่ใจกลางของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

ศิลาขนาดใหญ่ที่เดิมตั้งอยู่ใจกลางสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แท้จริงกลับยื่นออกมาจากเต่ายักษ์ มันลอยล่องเหนือฟากฟ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

รายนามเหล่านั้นซึ่งถูกสลักเอาไว้กำลังส่องแสงสีทองออกมาประหนึ่งทองคำ!

เต่ายักษ์ขยับตัวเคลื่อนไหวเชื่องช้า แล้วทรุดหมอบลงเหนือพื้นแห่งหนึ่ง

แสงสว่างสีทองวูบไหวบนแผ่นหลังของมัน ไม่นานอักขระสีทองก็ลอยขึ้นฟ้า ปกคลุมขอบเขตดินแดนที่มีความยาวและความกว้างหลายร้อยจั้งในพริบตา

ขณะอักขระส่องแสง ค่ายกลสีทองกระจายออกไป ดินแดนที่เกิดจากอักขระเมื่อครู่ถูกแยกออกจากโลกภายนอก

มันคือลานประลองสำหรับการแข่งขันภายใน!

ศิษย์จำนวนมากรวมตัวรอบลานประลอง ศิษย์บางส่วนผู้เข้าร่วมการแข่งขันพยายามสงบสติตัวเอง ในใจหวั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ สายตาพวกเขายังคงมองไปที่ยอดเขาด้วยความอยากรู้ล่วงหน้าว่าคู่ต่อสู้ที่จะได้พบคือใคร หลังจบการแข่งขันครั้งนี้ อันดับในรายชื่อของพวกเขาจะต้องพัฒนาขึ้นไม่มากก็น้อย

ศิษย์ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ส่วนใหญ่จะมาที่นี่เพื่อทำความคุ้นเคยว่ายอดฝีมือระดับแนวหน้าเหล่านี้ที่มาจากคนรุ่นใหม่ในแผ่นดินหลักมีหน้าค่าตาอย่างไร!

คนเหล่านี้คือผู้นำและยักษ์ใหญ่ในอนาคตของแผ่นดินหยวนหง!

เหนือยอดเขาในตอนนี้ เหล่าอาจารย์มาถึงที่นี่ก่อนแล้ว

เฉิงไท่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสุด เขาชำเลืองมองคนบางส่วนที่อยู่ด้านล่าง กล่าวว่า “ตอนนี้การแข่งขันภายในของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเริ่มแล้ว พวกเจ้าล้วนเป็นผู้ตัดสิน อย่าโกงเพื่อประโยชน์ส่วนตน!”

“ส่วนกฎการแข่งขันภายใน คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าทวนซ้ำใช่หรือไม่!”

อาจารย์ทั้งหลายพยักหน้า “เจ้าสำนักไม่ต้องห่วง”

“แล้วก็ยังมีอีกเรื่อง จักรพรรดินีฉวนจงจะมาที่นี่ในวันนี้ ข้าต้องไปทักทายนางเสียหน่อย”

ทันทีที่เฉิงไท่กล่าวถึงตรงนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง ว่ากันว่าจักรพรรดินีฉวนจงผู้นี้ใช้ชีวิตเรียบง่าย หากไม่ใช่กิจสำคัญจริง นางจะไม่ปรากฏตัวโดยเด็ดขาด

ต่อให้จะเป็นสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ได้พบจักรพรรดินีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

ครั้งนี้มันก็แค่การแข่งขันภายในของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เหมือนอย่างทุกครั้ง ผู้ใดกันที่ดึงดูดให้จักรพรรดินีมาที่นี่ด้วยตัวเอง?!

แต่พวกเขาไม่อยากถามให้มากความ จึงทำได้เพียงพยักหน้า

หลังจากสั่งการเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ทั้งหลายต่างถอยออกมา หลิงอวิ๋นยังคงอยู่ประหนึ่งเพิ่งเข้ามายังยอดเขา นางมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับห้วงน้ำ เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าในใจคิดอะไรอยู่

นางชำเลืองมองเฉิงไท่ด้วยคิ้วขมวด ก่อนถอยกลับไปพร้อมคนอื่น

เฉิงไท่เห็นดังนี้จึงถอนหายใจ

สามวันก่อน เจ้าสำนักและบรรพชนหอกสนทนาเรื่องที่นางเข้าสู่วิถีหอกหลายครั้ง

เฉิงไท่คาดหวังว่าหลิงอวิ๋นจะไม่สามารถสะกดการบ่มเพาะของตัวเอง เพื่อทะลวงกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์โดยทันที และจึงเข้าสู่ประตูหอกแห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับหอกวิถีแห่งสวรรค์ระดับครึ่งก้าวสู่ขั้นสวรรค์!

แต่หลิงอวิ๋นไม่พอใจกับเรื่องนี้ นางบอกว่าขอไปคุยกับลู่หยวนก่อน

เฉิงไท่เกิดรู้สึกสับสน ตัวเขาเพียงมองก็ทราบได้ว่าหลิงอวิ๋นสำเร็จวิถีหอกอำมหิตแล้ว ตามหลักนั้น นางไม่ควรนำผู้อื่นมาเป็นปัจจัยเกี่ยวข้อง เพียงแค่มุ่งเน้นกับวิถีหอกก็พอแล้ว

แต่หลิงอวิ๋นกลับมีท่าทีเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านางให้ความสำคัญกับศิษย์คนนี้มากเพียงใด!

นี่คือวิถีอำมหิตไม่ใช่หรือ?!

เฉิงไท่ยกมือขึ้นกุมขมับ

ช่างเถอะ แค่ช้าไปไม่กี่วันเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก

เจ้าสำนักกำลังจะลุกขึ้นแล้วออกไป แต่ยันต์ใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นจากอากาศตรงหน้าเขา

ทันทีที่เห็น เขาก็รู้ว่ามันคือยันต์ที่มาจากตำหนักจักรพรรดิแดนมัชฌิม

ดูท่าว่าจักรพรรดินีจะเสด็จจากตำหนักจักรพรรดิมาสู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว!

เขาลุกขึ้นแล้วออกจากยอดเขาสูงสุด ร่างกายวูบไหวจนมาถึงตำแหน่งใจกลางของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

ทุกคนต่างเห็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในความว่างเปล่า จึงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว พวกเขาจึงพบเฉิงไท่กำลังยืนบนแผ่นศิลาที่ลอยอยู่

“จักรพรรดินีกำลังมา จงเตรียมต้อนรับ!”

เมื่อทุกคนได้ยินดังนี้ พวกเขาต่างยกมือขึ้นตามคำสั่ง

อาจารย์ทั้งหลายก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่าจากที่อื่นเช่นกัน พวกเขามาอยู่ด้านหลังเฉิงไท่ สายตามองไปทางประตูสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

เบื้องล่าง ศิษย์ทั้งหลายเริ่มสนทนากัน “เมื่อครู่ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหมว่าจักรพรรดินีกำลังจะมา?!”

“ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดินีคือเซียนสวรรค์! สงสัยจริงว่าศิษย์พี่ชิวชิงหลีจะเทียบได้หรือไม่?”

“เจ้าอยากตายหรือ? จักรพรรดินีผู้นี้คือเจ้าแห่งวิถีเร้นลับ! จะเอาไปเทียบกับชิวชิงหลีได้อย่างไร?!”

“จิ๊ ข้าไม่อยากได้ยินคนอย่างเจ้าพูดหรอกนะ! ศิษย์พี่ชิวชิงหลีคือผู้ครอบครองมรดกที่ส่งต่อมานับแสนปีแห่งวิถีคุณธรรม! อำนาจเบื้องหลังนางเป็นอะไรที่แม้แต่เจ้าสำนักยังต้องหวั่นเกรง! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนศิษย์พี่ชิวชิงหลีเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ได้กราบกรานผู้ใดในฐานะอาจารย์แม้สักคน ดังนั้นนางจึงเสาะหายอดเขาบรรพชนเพื่อฝึกฝนด้วยตนเอง จนกระทั่งได้เข้าไปอ่านคัมภีร์โบราณทั้งหมดของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์! สิทธิพิเศษเหล่านี้ไม่ใช่อะไรที่ใครก็สามารถได้รับได้!”

“แล้วอย่างไร? ลองคิดถึงท่านจักรพรรดินีดูสิ วิถีคุณธรรมแล้วอย่างไร? วิถีคุณธรรมทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว มันก็แค่เรื่องตลก!”

หลายคนสนทนากันอย่างมีความสุข เสวียนเทียนชวนผู้อยู่ไม่ไกลนักกำลังนั่งอยู่บนรถเข็น เขาหลับตาพักสมองอยู่ แต่เมื่อได้ยินดังนี้เขาก็ยิ้มอยู่ในใจ

วิถีคุณธรรมและวิถีเร้นลับไม่มีทางขัดแย้งกันโดยง่าย

เสวียนเทียนชวนลืมตาขึ้น ดึงผ้าเสี่ยงทายมาไว้ที่ขา ก่อนเอ่ยถามว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่อยู่ที่นี่หรือไม่?”

ศิษย์บรรพชนเสวียนบางส่วนที่อยู่ข้างกายตอบว่า “ศิษย์พี่ ข้าส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว แต่ยังไม่พบร่องรอยของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เลย!”

เสวียนเทียนชวนพยักหน้า จากนั้นมองกลุ่มเซียวเทียนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม “ส่งศิษย์ไปซุ่มอยู่รอบกลุ่มเทียน เป็นไปได้มากว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะไปพบพวกเขา”

ศิษย์ที่อยู่ข้างกายรับคำสั่ง จากนั้นจึงส่งคนออกไป

“เสวียนหลีล่ะ?”

เสวียนเทียนชวนถามอีกครั้ง

“ศิษย์พี่”

ศิษย์ของบรรพชนเสวียนเผยความเขินอายเล็กน้อย “ข้าไม่เห็นนางมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้จะปรากฏตัวหรือไม่ ข้าเพิ่งส่งคนไปตามหานาง แต่ไม่พบร่องรอยเลย”

เสวียนเทียนชวนยิ้มหยัน ไม่นานเขาก็เริ่มทำนาย หลังจากยืนยันได้แล้วจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร นางอยู่ที่นี่แล้ว”

“เหอะ อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไปล่ะ!”