ตอนที่ 58-2 ปะทะ
หลี่จางเล่อย่างกรายเข้ามาในห้องโถงใหญ่อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน ราวกับก้อนเมฆอันงดงามกำลังเคลื่อนคล้อยเข้ามา
ซึ่งภาพนี้สามารถดึงดูดสายตาของทุกคนที่มาร่วมงานในทันที
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลี่จางเล่อที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความชื่นชม
หน้าผากเต็มและโหนกนูน คางของนางมีความแหลมเรียวที่ดูกลมกลืนกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดนั้น
อีกทั้งยังมีดวงตาใสเหมือนน้ำในฤดูใบไม้ร่วง และมีความสว่างไสวเหมือนดวงดาวที่ส่องแสง แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกที่น่าเห็นใจ
เมื่อมองภาพรวมแล้วทำให้เกิดความรู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ที่ตราตรึงเช่นนี้
ท่ามกลางฝูงชนที่มาร่วมงานในวันนี้ มีองค์ชายห้า ซึ่งมีนามว่าทัวเป่าลุ่ยกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ทรงเกียรติที่สุด
ใบหน้าของเขามีความหล่อเหลา และในวันนี้เขาได้แต่งกายด้วยชุดที่มีความสง่างาม และมีความโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางฝูงชน
และขณะที่หลี่จางเล่อกำลังเดินผ่านมา บังเอิญว่านางได้สบตากับดวงตาของเขา ทำให้ได้เห็นว่าดวงตาของเขาส่องแสงเป็นประกายเมื่อยามที่จ้องมองมายังนาง
คุณหนูใหญ่เริ่มเกิดอาการร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความรู้สึกเขินอาย จากการถูกจ้องมองเช่นนั้น
ที่ผ่านมาหลี่จางเล่อมิเคยเข้าร่วมงานที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้มาก่อน
ความคิดของฮูหยินใหญ่นั้นช่างเข้าใจง่าย แต่ยังคงมีความซับซ้อนซ่อนอยู่อย่างเห็นได้ชัด
คนภายนอกรู้เพียงแค่ว่า บุตรสาวคนโตของท่านอำมาตย์หลี่นั้นมีความงดงามราวกับเทพธิดา
แต่มิทราบว่า แท้ที่จริงแล้วนางมีความงดงามมากเพียงใด
และในขณะนี้ เมื่อได้เห็นความงามนั้นแล้ว ดวงตาขององค์ชายห้าจึงมิสามารถเคลื่อนย้ายสายตาไปทางอื่นได้เลย
อีกด้านหนึ่งนั้น หลี่ฉางหลูแต่งกายด้วยชุดที่มีความงดงามสะดุดตาที่สุด และกำลังนั่งอยู่รวมกับบรรดาแขกผู้มีเกียรติฝ่ายหญิงในงานเลี้ยง
แต่เดิมความงามของนางได้รับการยกย่องและชื่นชมจากผู้มาร่วมงาน แต่ในตอนนี้ ยังจะมีผู้ใดอีกที่ให้ความสนใจในตัวนาง?
จึงทำให้ใบหน้าที่งดงามของนางค่อย ๆ บูดบึ้งและสาปแช่งหลี่จางเล่ออยู่ในใจ ขณะที่ขบฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น
ในตอนนี้ บริเวณห้องโถงทั้งหมดมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่นั่งอยู่อย่างสบายอกสบายใจ ซึ่งก็คือฮูหยินใหญ่นั่นเอง
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของนางคือผู้ที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในงานเลี้ยงวันนี้ จึงทำให้นางรู้สึกปลื้มปริ่มเป็นที่สุด
ถูกต้องแล้ว! มิมีความจำเป็นที่จะต้องมีความฉลาดเฉลียวมากมาย
ขอเพียงแค่มีความงดงาม ซึ่งหาที่เปรียบมิได้เช่นบุตรสาวของนางนี้ ก็สามารถเอาชนะหลี่เว่ยหยางได้อย่างแน่นอน
หลี่จางเล่อต้อนรับการจ้องมองที่งดงามราวกับนางฟ้าของทุกคนอย่างสงบนิ่งด้วยความประหลาดใจ
สายตาแห่งความอิจฉา ความโลภ และการจ้องมองที่หลากหลายได้พุ่งตรงเข้ามายังร่างของนาง
สาวงามผู้นี้จึงเหยียดมืออย่างมีเสน่ห์ เพื่อเหน็บผมที่ปลิวออกมาเอาไว้ที่ข้างหูของตนเอง
มีคนร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจว่า:
“บุตรสาวของตระกูลหลี่ผู้นี้มีความงดงามมากจริง ๆ ”
“ใช่แล้ว ช่างเหมือนนางในเทพนิยายที่หลุดออกมาจากภาพวาด!”
“บ้านตระกูลหลี่เก็บซ่อนสาวงามที่มีความงดงามราวกับนางฟ้าเช่นนี้ไว้ได้อย่างไร!”
ในเวลานี้ทุกคนต่างก็ลืมไปแล้วว่า นี่เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่บุตรสาวคนที่สามของบ้านตระกูลหลี่ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นสุภาพสตรีแห่งอันผิง
มิมีผู้ใดจำได้ว่า ความหายนะในครั้งนี้ถูกกำจัดไปเนื่องจากกลยุทธ์ของคุณหนูสาม
และมิมีผู้ใดคิดที่จะเอ่ยถามว่า ตอนนี้คุณหนูสามอยู่ที่ใด
ในตอนนี้หลี่เว่ยหยางยังมิได้ปรากฏตัว และงานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า แต่กลับมิมีแม้แต่เงาของนาง
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้แล้ว ฮูหยินสามจึงขมวดคิ้วขึ้น
จากนั้นหลี่หมินเต๋อเคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ ต่อหน้าผู้เป็นมารดา:
“ท่านแม่ ข้าจะออกไปตามหาพี่สาม”
ฮูหยินสามจึงพยักหน้า ซึ่งดูเหมือนว่า ต้องการมอบความไว้วางใจ แต่ก็ยังคงกลั้นคำกล่าวไว้
มิว่าหลี่เว่ยหยางจะมาหรือไม่ ตอนนี้ก็มิคงมิใช่เรื่องที่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ด้วยพี่สาวที่มีความงดงามเช่นนี้ จึงมิมีผู้ใดสนใจว่านางจะมาร่วมงานหรือไม่
ทุกอย่างถูกทำลายโดยหลี่จางเล่อ และยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่า นางตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น
หลี่หมินเต๋อพยักหน้าและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ในบริเวณสวน
ขณะนี้องค์ชายสามทัวเป่าเจิ้นกำลังเดินผ่านบริเวณประตูเข้ามาตามทางเดิน
และเขาบังเอิญเห็นไป๋จือ กำลังรีบวิ่งมาที่มุมสวนที่สงบเงียบ เมื่อมองไปบริเวณโดยรอบ จึงเห็นร่างของหลี่เว่ยหยาง
ใต้ต้นบ๊วยมีเด็กสาวผู้หนึ่งนอนตะแคงข้างบนชิงช้าอันกว้างขวาง
กระโปรงที่สยายอย่างมีเสน่ห์ เเละผมสีดำสนิทที่ทิ้งตัวลงมานั้น เมื่อมองผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องมาจากท้องฟ้า
ทำให้ดวงตาของเขาเหม่อลอยราวกับว่า กำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นทัวเป่าเจิ้นได้ยิ้มกว้างขึ้นอย่างร่าเริงและตั้งใจจะเดินเข้าไปหานาง
แต่สาวใช้ผู้นั้นได้เดินตรงมาที่เขาและกล่าวว่า:
“องค์ชายสามเพคะ งานเลี้ยงทางด้านโน้นกำลังจะเริ่มในมิช้า”
“เราทราบแล้ว!”
องค์ชายสามกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“นี่มิใช่ครั้งแรกที่เรามาที่นี่ เราจะไปเองในมิช้า!”
สาวใช้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นองค์ชายสามโบกมือไล่ให้นางไป
“เจ้าไปได้แล้ว”
สาวใช้มิกล้าที่จะขัดขืน จึงเดินถอยจากไปโดยมิได้เอ่ยอันใดออกมา
หลี่เว่ยหยางกำลังจ้องมองแสงจันทร์ และดูเหมือนจะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลังจึงหันศีรษะไปมอง
ทัวเป่าเจิ้นจึงหยุดเดินทันที และเขาเห็นได้อย่างชัดเจนในขณะที่ดวงตาของหลี่เว่ยหยางมองเห็นเขาเช่นกัน
การผสมผสานของรอยยิ้มที่เย้ยหยันและความเย็นยะเยือกเหมือนธารน้ำแข็ง ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในห้วงของภวังค์