ตอนที่ 58-1 งานเลี้ยงแสดงความยินดี

เมื่อผู้เป็นมารดาเดินเข้ามาจึงได้เห็นหลี่จางเล่อกำลังนอนป่วยอยู่บนเก้าอี้ชุดรับแขก โดยมีผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าเอาไว้

ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและตะโกนด้วยความโกรธว่า:

“ลุกขึ้น!”

หลี่จางเล่อเกิดความรู้สึกตกใจจึงรีบลุกขึ้นนั่งในทันที จากนั้นมารดาจึงยกมือขึ้นและฟาดลงบนใบหน้าของนางอย่างแรง

ทำให้รอยนิ้วมือแดงเถือกปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันบอบบางของบุตรสาว

ในตอนนั้นดวงตาของหลี่จางเล่อเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวและตกใจปะปนกัน และได้ยินเสียงของมารดาดังก้องมาเข้าหูว่า

“แม้ว่าเจ้าจะแพ้ ก็ต้องเป็นผู้แพ้ที่มีศักดิ์ศรี! อย่าทำตัวเช่นนี้!”

น้ำเสียงของฮูหยินใหญ่มีความเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

การถูกตบเมื่อครู่ทำให้หลี่จางเล่อเกิดความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า และน้ำตาก็ไหลร่วงหล่นลงมาทันที:

“ท่านแม่! นังเด็กนั่นมันจงใจใส่ร้ายข้า! ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าเป็นผู้ถูกกระทำ แล้วท่านแม่ยังจะมาซ้ำเติมข้าอีกหรือ!!”

“นี่เจ้ายังคิดมิได้อีกเช่นนั้นหรือ?!”

ผู้เป็นมารดาจึงตะโกนต่อไปอีกว่า

“คุกเข่า!”

หลี่จางเล่อแสดงสีหน้าประหลาดใจ ขณะที่คุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว

“ตั้งแต่ยังเด็ก ข้าเลี้ยงดูเจ้าอย่างทะนุถนอมและตามใจทุกอย่างโดย มิเคยขัดใจเลยแม้แต่น้อย ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่างเว้นแต่ดาวกับเดือนเท่านั้น

หวังเพียงว่า เจ้าจะมีโอกาสได้เกี่ยวดองกับผู้ที่สืบเชื้อสายบัลลังก์มังกร

ความคาดหวังของข้าที่มีต่อเจ้านั้นสูงกว่าพี่ชายของเจ้ามาก!”

ยิ่งฮูหยินใหญ่กล่าวมากขึ้น นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก:

“ผู้ใดจะคิดว่า เจ้าจะโง่เขาถึงขั้นที่กระโดดลงไปในหลุมพรางที่ผู้อื่นขุดเอาไว้!

ถึงกระนั้นข้าก็มิถือโทษโกรธเคือง หากเจ้าล้ม แล้วรีบลุกขึ้นมาเพื่อยืนหยัดต่อสู้อีกครั้ง

แต่นี่เจ้ายังคงนอนจมกองทุกข์ โดยที่มิรู้ว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร…

ความพยายามทั้งหมดที่ข้าทุ่มเททำมันลงไป ถูกทำลายโดยเจ้า!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จางเล่อเจอจึงเกิดความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่มิกล้ามองไปยังมารดา ขณะที่ตนเองกำลังมีน้ำตาคลอเบ้า

ฮูหยินใหญ่กล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า:

“จางเล่อ ก่อนหน้านี้ข้าเคยกล่าวกับเจ้าอย่างชัดเจนแล้วว่า ข้าได้จัดเตรียมวิธีที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว

เจ้าก็มิฟัง ดังนั้นจึงตกหลุมพรางของนังเด็กนั่น!”

หลี่จางเล่อกล่าวอย่างสับสนว่า:

“พี่ชายใหญ่เป็นผู้ที่เริ่มต้นเรื่องนี้…”

แน่นอนว่า ในตอนแรกนั้นเป็นความคิดของคุณชายใหญ่ แต่จากนั้นนางได้รับสมอ้างจากคำกล่าวของเขาด้วยตนเอง

“พี่ชายของเจ้าเป็นผู้ที่มีความคิดมักง่าย เราส่งเขาไปเรียนที่อื่น และมิรู้ด้วยซ้ำว่า เขาร่ำเรียนอันใดมาบ้าง!

แม้กระทั่งเรื่องที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสาวใช้ของนังเด็กบ้านั่น!

จนทำให้เราต้องรับสาวใช้ของนังเด็กนั่นมาเลี้ยงดูในบ้าน โดยความประมาทของพวกเจ้าทั้งสองคน!”

ในตอนที่เกิดเรื่องนั้น คำกล่าวเหล่านี้มิเคยหลุดออกมาจากปากของผู้เป็นมารดามาก่อน

เพราะฮูหยินใหญ่ยังคงมีความหวังในตัวของบุตรสาว และกำลังมีความสุขกับการรอรับพระราชทานรางวัลจากฝ่าบาท…

ซึ่งหลี่จางเล่อรู้ดีถึงข้อเท็จจริงนี้

จากนั้นผู้เป็นมารดาได้กล่าวต่อไปอีกว่า

“เจ้าก็รู้แล้วนี่ว่า ตอนนี้นังเด็กคนนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงสุภาพสตรีแห่งอันผิง ซึ่งแน่นอนว่า เป็นสถานะที่สูงส่งกว่าเจ้ามาก

และตอนนี้ท่านย่าใหญ่กำลังคัดเลือกสาวใช้และแม่นมเพิ่ม เพื่อมอบให้นาง

หลี่จางเล่อโกรธจนลืมตัวและตะคอกออกมาว่า:

“นังตัวแสบ!”

“เนื่องจากก้าวผิดไปแล้วหนึ่งก้าวจึงมิสามารถก้าวพลาดได้อีก

ผู้ใดจะไปรู้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงและขุนนางชั้นสูงจะมางานเลี้ยงคืนนี้กี่คน

ทั้งหมดนี้เพื่อเฉลิมฉลองให้หลี่เว่ยหยาง ที่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสุภาพสตรีที่มีบรรดาศักดิ์

หากเจ้ามิไปร่วมงาน นางคงจะรู้สึกดีใจมิใช่น้อย”

เสียงของฮูหยินใหญ่ดูช่างไร้ความรู้สึก

“ท่านแม่!”

นางขยับร่างมาคุกเข่าลงตรงด้านหน้าของผู้เป็นมารดา

“ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว!”

ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมายังหลี่จางเล่อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง และเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของบุตรสาว:

“ข้ารู้ว่า เจ้ารู้สึกอับอาย…มิว่าจะอยู่ในบ้านหรือข้างนอก

แต่เจ้าต้องพยายามเก็บกดความรู้สึกนี้เอาไว้!

ข้าเชื่อว่า ไม่ว่าหลี่เว่ยหยางจะฉลาดสักเพียงใด ตราบใดที่เจ้ายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะมิมีผู้ใดให้ความสนใจกับนาง!”

แม้ว่าน้ำตาของจางเล่อจะยังมิแห้งดี แต่ท่าทางของนางนั้นเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นแล้วในตอนนี้

ทันใดนั้น นางก็สามารถเข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังคำกล่าวของมารดา

ชาวบ้านหรือผู้คนทั่วไปที่สาปแช่งและถ่มน้ำลายใส่นาง จะมีความสำคัญอันใด? มิใช่สิ่งที่สมควรเก็บเอามาใส่ใจให้เป็นทุกข์!

ตราบใดที่นางยังคงมีรูปลักษณ์ที่งดงามและได้รับการสนับสนุนจากบิดาของตนเอง ก็คงจะมีสักวันที่นางจะได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนา!

หลี่เว่ยหยางถูกลิขิตมาแล้วให้เป็นเพียงแค่แผ่นหินให้นางได้เดินก้าวข้ามไปเท่านั้น!

วันนี้นางจึงจำเป็นต้องขอยืมงานเลี้ยงของหลี่เว่ยหยาง เพื่อทวงเอาศักดิ์ศรีทั้งหมดของตนเองกลับคืนมา!

เมื่อเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ที่เต็มไปด้วยแขกผู้มาร่วมแสดงความยินดีมากมาย

ด้านหนึ่งเป็นแขกผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์อันดีและใกล้ชิดกลับบ้านตระกูลหลี่แห่งนี้

ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและลูกศิษย์ของท่านอำมาตย์หลี่