ตอนที่ 57-2 ป่วยหรือ!

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้วโดยมิรู้ตัว:

“เว่ยหยางกับจางเล่อจะเทียบกันได้อย่างไร…”

ผู้อาวุโสหลี่กล่าวเตือนบุตรชายว่า

“โธ่..เอ่ยถามมาได้..จะเปรียบเทียบได้อย่างไร?

ผู้ที่เสนอความคิดช่วยเจ้าในการแบ่งเบาภาระของฝ่าบาท มิใช่หลี่จางเล่อ แต่เป็นหลี่เว่ยหยาง…เจ้าลืมไปแล้วหรือ?!”

ในตอนนี้การแสดงออกบนใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันเริ่มสลดลง และเห็นได้ชัดว่าเขาแกล้งทำเป็นมิได้ยินเสียงของมารดาที่ผ่านเข้าหูมา

ท่านผู้อาวุโสหลี่กล่าวต่ออีกว่า:

“ข้ารู้ดีว่า จางเล่อเป็นบุตรสาวคนแรกของเจ้า นางมีความงดงามและน่าหลงใหล อีกทั้งเจียงชิยังตั้งความหวังกับนางเอาไว้มาก

อย่างไรก็ตาม ข้ามิเคยเห็นด้วย

ประการแรก ตระกูลหลี่ของเรามีตำแหน่งสูงส่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงมิจำเป็นต้องมีความคิดที่จะตะเกียกตะกายขึ้นไปเป็นเครือญาติกับฝ่าบาท

ประการที่สอง จางเล่อหยิ่งยโสเกินไป นางอาจนำความหายนะมาสู่ตระกูลของเราได้

หากสถานะขององค์รัชทายาทยังคงมีความมั่นคง พวกเจ้าก็มิสามารถทำอันใดได้

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันองค์ชายทุกคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นก็คือต้องการครอบครองบัลลังก์มังกร

ซึ่งการที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อาจมิส่งผลดีเท่าใดนัก

นอกจากนี้ หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ชื่อเสียงของหลี่จางเล่อในเมืองหลวงก็เสื่อมเสียไปหมดแล้ว

หากเจ้ายังคิดว่า ใบหน้าที่งดงามแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะไต่เต้าขึ้นไปสู่ตำแหน่งจักรพรรดินีได้

เจ้าก็ต้องเตรียมใจที่ตระกูลหลี่ของเราคงจะพบกับความหายนะในมิช้า”

ในชาติที่แล้วนั้น คำกล่าวของท่านผู้อาวุโสหลี่ก็เป็นเช่นเดียวกันนี้

เหตุผลที่ท่านย่าใหญ่มิค่อยชอบหลี่จางเล่อนั้นเป็นเพราะ แม้ว่าจะมีความงดงามแต่นางมีความหยิ่งยโสและจองหองมากจนเกินไป

“ด้วยตำแหน่งของเจ้าในตอนนี้ ทุกย่างก้าวก็เหมือนกับการเดินอยู่บนเส้นด้ายบาง ๆ …”

ท่านผู้อาวุโสหลี่ดูเหมือนจะพึมพำกับตนเอง แต่ก็ดูเหมือนจะเตือนเขาว่า

“เพราะหากเจ้าเลือกที่จะสนับสนุนพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง และเรื่องนี้ทราบถึงพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาท พระองค์ก็คงจะมิเพิกเฉยต่อเจ้าเป็นแน่”

หลี่เสี่ยวหรันรู้สึกประหลาดใจชั่วขณะ และภายในหัวใจนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว

และทบทวนความคิดในหัวสมองของตนเอง ว่าบุ่มบ่ามเกินไปหรือไม่?

จากนั้นเขาอดมิได้ที่จะพยักหน้า:

“สถานการณ์นี้สามารถปล่อยวางได้ แต่เรื่องของเว่ยหยาง…”

ผู้อาวุโสหลี่ถอนหายใจ ก่อนที่จะกล่าวว่า:

“ทุกคำกล่าวและการกระทำของนางในห้องโถงวันนี้ ถูกบันทึกไว้ในพงศาวดารแห่งประวัติศาสตร์แล้ว

แม้ว่าจะมินึกถึงเกียรติยศที่นางมอบให้เจ้า แต่ก็ยังต้องนึกถึงปลายปากกาของนักประวัติศาสตร์บ้าง

บ้านตระกูลหลี่ของเราขาดแคลนเงินทองหรือ?

เหตุใดเราต้องทำอันใดให้เสื่อมเกียรติถึงเพียงนี้”

หากฮูหยินใหญ่ได้รับทราบเรื่องนี้ นางคงรับมิได้อย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว หลี่เสี่ยวหรันจึงรู้สึกได้อาการปวดประสาทที่กระโจนเข้ามาที่ขมับของตนเองทันที

แต่เขามิกล้าที่จะฝ่าฝืนความปรารถนาของมารดา จึงพยักหน้าและกล่าวว่า:

“แล้วเราจะปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านแม่”

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมา สมบัติล้ำค่าทั้งหมดในห้องเก็บของได้ถูกส่งมาอยู่ในมือของหลี่เว่ยหยาง

ผู้อาวุโสหลี่ดึงร่างของนางมาด้านข้างตนเอง และสั่งนางว่า:

“นี่คือสิ่งที่ฝ่าบาททรงตอบแทนเจ้า ดังนั้นต้องดูแลมันเป็นอย่างดี และอย่าปล่อยให้ผู้ใดเข้ามายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด

แม้ว่าเจ้าจะทำได้ดีในเรื่องนี้ แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าก็ยังคงจะต้องระวังตัวให้มากอยู่ดี

และความอิจฉาริษยาอาจจะนำมาซึ่งหายนะที่ร้ายแรงได้ จงพยายามรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี

และต้องยอมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าด้วยเข้าใจหรือไม่?”

ทั้งหมดนี้คือคำแนะนำจากใจ ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยที่แท้จริงจากท่านย่า นางจึงอดมิได้ที่จะมีน้ำตาคลอออกมาจากนัยน์ตาด้วยความซาบซึ้งใจ

ท่านผู้อาวุโสหลี่ยิ้มอย่างอบอุ่นขณะที่ตบมือของนางแล้วกล่าวว่า:

“เด็กโง่ ในตอนที่เราอยู่เบื้องหน้าขอฟังบาทนั้น ข้ารู้สึกราวกับว่าเราอยู่ตรงกลางระหว่างเส้นแบ่งของความเป็นและความตาย

วันนี้เจ้าทำให้หัวใจของหญิงชราเช่นข้าเต้นโดยมิเป็นจังหวะด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

เจ้ากล้าหาญมากเกินไป เจ้ากล้าที่จะกล่าวเช่นนั้นต่อหน้าฝ่าบาท

อย่างไรก็ตาม ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ หลังจากที่ท่านแม่ของเจ้าได้รับการขนานนามว่าเป็นสุภาพสตรีที่ดีอันดับสาม ต่อไปชีวิตของพวกเจ้าจะดีขึ้น”

“ขอบคุณท่านย่า ที่มิตำหนิเว่ยหยาง”

หลี่เว่ยหยางยื่นมือออกมา

กอดรัดรอบแขนของท่านย่าใหญ่ขณะที่น้ำตานั้นร่วงหล่นลงบนพื้นด้วยความซาบซึ้งใจ

เมื่อเห็นดังนั้นแม่นมหนูหลัวจึงรีบเดินนำผ้าเช็ดหน้ามาให้ขณะที่ยิ้มและกล่าวว่า:

“คุณหนูสามอย่าร้องไห้เลย ตอนนี้ท่านเป็นคุณหนูที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงแล้ว!”

หลี่เว่ยหยางประหลาดใจครู่หนึ่งจากนั้นจึงหัวเราะทันที

ใช่! สิ่งที่จักรพรรดิพระราชทานมา นอกเหนือจากเงินทองมากมายแล้ว ยังมี ตำแหน่งที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้อีก

ซึ่งสิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อนางมากกว่าสิ่งอื่นใดในภายภาคหน้า!

ในมิช้า ฮูหยินใหญ่ก็ได้รับคำตอบจากหลี่เสี่ยวหรันผู้เป็นสามี

ทำให้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและร้อนรนราวกับว่ามีไฟนับหมื่นกองกำลังสุมอยู่ในอก

ทันใดนั้นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่ได้รีบร้อนวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก และร้องออกมาว่า:

“ฮูหยิน, คุณหนู …คุณหนูรู้สึกไม่สบาย…”

ในตอนนี้หลี่เสี่ยวหรันนั้นกำลังวุ่นวายกับการตระเตรียมงานเลี้ยงในคืนนี้ให้กับหลี่เว่ยหยาง

เพราะจะมีบรรดาข้าราชการและขุนนางชั้นสูงมามากมาย

แต่ในเวลานี้หลี่จางเล่อกำลังป่วยหรือ?!

เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของฮูหยินใหญ่จึงเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวด้วยความขุ่นเคืองใจ และมิพอใจบุตรสาวของตนเอง!