ตอนที่ 57- รายจ่ายมากมาย
ดวงตาที่เบิกกว้างของหลี่จางเล่อจ้องมองมายังน้องสาวด้วยความเคียดแค้น:
“ข้าจะมิปล่อยให้เจ้าลอยนวล!”
หลี่เว่ยยางยังคงนิ่งเงียบและพยายามสงบสติอารมณ์:
“พี่ใหญ่คงจะมีอารมณ์ที่ปรวนแปรเล็กน้อย เนื่องจากอาการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าพอจะเข้าใจได้
ต่อไปท่านควรถนอมสุขภาพด้วยและอย่าให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องเป็นห่วง”
จากนั้นหลี่เหว่ยหยางจึงเดินออกไปกับไป๋จือทันที
รายชื่อของรางวัลที่จักรพรรดิมอบให้นั้นอยู่ในมือของฮูหยินใหญ่นั้นมีความยาวมาก ซึ่งถูกกำเอาไว้แน่น
จากนั้นได้ยินเสียงของอำมาตย์หลี่กล่าวว่า
“ทั้งหมดนี้คือรางวัลที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้กับเว่ยหยาง”
“ท่านพี่ เหตุใดจึงมากมายถึงเพียงนี้?”
ฮูหยินใหญ่กล่าวพร้อมกับแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจกับรายการของรางวัลที่ยืดยาว
และหลี่เสี่ยวหรันรู้ดีว่า เพราะเหตุใดฮูหยินใหญ่จึงกล่าวเช่นนั้น
เนื่องจากทองคำและเครื่องประดับเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติส่วนตัวของนาง
“ท่านพี่ ฝ่าบาททรงพระราชทานทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ให้กับตระกูลหลี่เช่นนั้นหรือ?”
ฮูหยินใหญ่จ้องมองไปยังรายการทรัพย์สมบัติในมือ โดยมีความหวังที่จะฮุบทั้งหมดเอาไว้เป็นของตนเอง
“ฮูหยิน, ฝ่าบาทได้กล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า รางวัลเหล่านี้เป็นของเว่ยหยาง
หากเรามิมอบให้นาง ข่าวที่แพร่สะพัดออกไปภายนอกจะส่งผลเสียต่อเรา”
หลี่เสี่ยวหรันกล่าวช้า ๆ ต่ออีกว่า:
“ตอนนี้นางมีความสำคัญต่อตระกูลหลี่ของเรามาก”
จากนั้นฮูหยินใหญ่ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และกล่าวว่า
“ท่านพี่ ปีนี้รายจ่ายของบ้านตระกูลหลี่เรามีมากมายเหลือเกิน
ไหนจะมีค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่สองและสามอีก
และตอนปลายปียังจะมีค่าใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ และส่งท้ายปีเก่าอีกด้วย
เพื่อให้ทุกคนได้อยู่อย่างมีความสุขบางครั้งข้ายังต้องนำเงินส่วนตัวออกมาใช้สอย
ท่านเป็นขุนนางที่มีความซื่อสัตย์มาโดยตลอด และมิเคยเรียกรับสินบนจากบรรดาเจ้าหน้าที่เลย
หากเรามีเงินทองจำนวนนี้สถานการณ์ทางการเงินของเราก็จะสามารถผ่อนคลายได้
ยิ่งไปกว่านั้น อีกมินานหมินเฟิงจะต้องแต่งงาน และยังมีน้องสาวอีกสามคนรองจากจางเล่อ ซึ่งยังมีค่าใช้จ่ายรอเราอีกมากในภายภาคหน้า…”
ตอนนี้ในใจส่วนลึกของฮูหยินใหญ่นั้นมีความต้องการที่จะครอบครองทองคำและเครื่องประดับทั้งหมดเหล่านี้ และเกิดความเสียดายที่จะต้องมอบสิ่งของทั้งหมดนี้ให้กับหลี่เว่ยหยางไป
หลี่เสี่ยวหรันรู้สึกหนักใจมากที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่เช่นนี้ ซึ่งมันมิใช่เรื่องง่าย
เขาเลือกที่จะเพิกเฉย และปล่อยให้ภรรยาเอกจัดการเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายของบ้านตระกูลหลี่ทั้งหมดมานานแล้ว
นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ถึงการต่อต้านจากพฤติกรรมของเด็กสาวผู้นี้
สิ่งที่นางทำนั้นละเมิดอำนาจของเขาในฐานะหัวหน้าครอบครัว ทำให้เขาเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจและเว่ยหยางควรได้รับบทเรียนสักครั้ง
ดังนั้นจึงพยักหน้าและเห็นด้วย:
“ดี! เช่นนั้นข้าจะไปหารือกับท่านแม่…”
โดยทั่วไปท่านผู้อาวุโสหลี่จะปฏิบัติตามความคิดเห็นของหลีเสี่ยวหรันทุกอย่าง
ดังนั้นเมื่อฮูหยินใหญ่ได้ยินคำตอบนี้ นางจึงอดที่จะยิ้มด้วยความพึงพอใจมิได้
ตำหนักเหอเซียงหยวน
ขณะที่ท้องฟ้ายังคงมีความแจ่มใสในช่วงบ่าย แต่เริ่มมีเม็ดหิมะตกลงมาอีกครั้งในตอนเย็น ทำให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะเมื่อมันตกลงมากระทบกับกระเบื้องมุงหลังคา
เสียงนั้นค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกวิตกกังวลอยู่ภายในใจ
บริเวณหลังคาของทุกตำหนักถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบาง ๆ ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาโดยมิขาดสาย
หลี่เสี่ยวหรันมองสภาพอากาศ ขณะที่ขมวดคิ้วและย่างเท้าเข้าไปในตำหนักของท่านแม่ตนเอง
สิ่งที่เขาเห็นคือ ผู้อาวุโสหลี่สวมเสื้อคลุมผ้าซาตินสีเขียวลายดอกบัวกำลังนั่งพิงหมอนที่มีผ้าปักสีแดง และท่องพระคัมภีร์อยู่บนเก้าอี้ชุดรับแขก
หลังจากได้ยินคำกล่าวของเขาแล้ว ท่านผู้อาวุโสหลี่จึงกำสายประคำในมือแน่น ขณะที่กล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า:
“เจ้ากำลังกล่าวว่า ควรนำรางวัลที่ฝ่าบาททรงประทานไปรวมกับเงินกองกลางเช่นนั้นหรือ?
มีเขียนไว้อย่างชัดเจนในราชโองการของจักรพรรดิว่าสิ่งเหล่านี้มอบให้กับเว่ยหยาง
ตอนนี้ราชโองการนั้นยังประดิษฐานอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษ เจ้าต้องการให้ข้าอ่านให้ฟังอีกรอบเช่นนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าข้ารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่นาง… ฮูหยิน…”
ทันใดนั้นหลี่เสี่ยวหรันมิคาดคิดว่าสีหน้าของผู้อาวุโสหลี่จะเปลี่ยนไปเป็นสีแดงด้วยความโกรธเคืองแล้วในขณะนี้
“ข้ามิเคยเป็นกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องการงานของเจ้าเลย
แต่กิจการภายในบ้านนั้นเจ้าตามใจภรรยาเอกของเจ้ามากจนเกินไป
ถึงอย่างไรเว่ยหยางก็ยังเป็นบุตรสาวของเจ้าอยู่ ถึงแม้นางจะเกิดจากหยินเหนียงก็ตาม
แต่ในความคิดของข้าแล้ว นางมิได้มีสิ่งใดที่ด้อยไปกว่าบุตรสาวคนโตของเจ้าเลย เจ้าควรปล่อยวางความคิดนี้เสีย”