ตอนที่ 193 ลูกปลาหลานปลา

ฉันผิดตรงไหนอะไรล่ะ…

เจ้าระบบนี่มันร้าย เขี้ยวลากดินกว่าเขาซะอีก!

ใจดีอีกหน่อยได้ไหมล่ะ

ก่อนหน้านี้เหล่าโจวบอกว่า เงินลงทุนของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศต้องไม่เกินสิบล้านหยวน หลินเยวียนส่งรายงานไปแค่เก้าล้าน เหลือเงินให้บริษัทอีกตั้งเยอะ

ส่วนระบบกลับไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้เขาเลย!

ชั่วขณะนั้นหลินเยวียนถึงตระหนักได้ว่าตนใจดีมากขนาดไหน

แต่เอาเถอะ ตัวเลขหลักเดียวก็ส่วนตัวเลขหลักเดียว เพราะหลินเยวียนเองก็ค่อนข้างพึงพอใจกับนิยายที่ระบบให้มาเหมือนกัน

หลังจากที่เริ่มอ่านแล้ว เนื้อหาในนิยายก็ปรากฏขึ้นในห้วงสำนึกอย่างแจ่มชัด

ขณะเดียวกันนั้นเอง

เมื่อรวมกับความทรงจำในโลกเดิม หลินเยวียนก็เข้าใจถ่องแท้ในคุณค่าของนิยายเรื่องนี้

นิยายเรื่องนี้ดีมาก!

นอกจากนั้นแล้ว นิยายเรื่องนี้ก็ยังสอดคล้องกับนิสัยชอบให้ตนบุกเบิกหมวดหมู่ใหม่ของระบบดีเหมือนกัน

ระบบมีนิสัยหัวแข็งดื้อดึง

ตลาดขาดแคลนอะไร ก็เสริมอันนั้นซะเลย

คำถามเดียวก็คือ เรื่องคนขุดสุสานนับว่าเป็นนิยายแนวแฟนตาซีหรือเปล่านะ

ต้องเข้าใจก่อนว่านิยายแนวแฟนตาซีส่วนมากจะค่อนไปทางนิยายสำหรับเยาวชน ด้วยเหตุนี้แนวการผจญภัยในต่างโลกจึงได้รับความนิยมมากถึงเพียงนี้

เมื่อนึกถึงตรงนี้

หลินเยวียนเข้าอินเทอร์เน็ตตรวจสอบสถานการณ์ และเป็นไปตามความคาดหมาย เขาพบว่าบลูสตาร์ไม่มีนิยายธีมขุดสุสานอะไรเทือกนั้นอยู่เลย

เพราะฉะนั้นเรื่องคนขุดสุสานจึงเป็นนิยายแนวใหม่แกะกล่อง ถ้าหากใส่ไว้ในหมวดแฟนตาซีเยาวชน ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

ขอแค่วัยรุ่นชื่นชอบก็พอแล้ว

และในโลกเดิม เรื่องคนขุดสุสานก็ดันเป็นผลงานที่วัยรุ่นหลายคนชื่นชอบมากทีเดียว

และหลินเยวียนก็เชื่อมั่นว่ากลุ่มคนที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ น่าจะไม่ได้มีเพียงคนอายุน้อย

ส่วนเรื่อง ‘บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน’ ซึ่งปล่อยตามมาและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อวัยรุ่น ถึงอย่างไรผลงานที่ตามมาทีหลังก็มีกลิ่นอายของนิยายสำหรับตีตลาดมากกว่าอยู่สักหน่อย

“แกร็ก”

ขณะที่หลินเยวียนกำลังครุ่นคิด ไกลออกไปก็มีเสียงของอี้เฉิงกงดังมา

ที่นี่คือหน้าเซ็ตถ่ายทำเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ช่วงนี้หลินเยวียมาอยู่ที่หน้าเซ็ตตลอด

ถึงอย่างไรในตอนนี้เขาก็เป็นหนึ่งในหัวหน้าของแผนกประพันธ์เพลง

ที่แท้การเป็นหัวหน้านอกจากฐานเงินเดือนจะเพิ่มขึ้นมากแล้ว แม้แต่โดดงานก็ยังไม่มีใครสนใจ

นอกจากนั้นหลินเยวียนยังเป็นนักเขียนบท ก็ยิ่งมีเหตุผลให้โดดงานเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงกับที่ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างว่าออกไปเก็บข้อมูลแล้ว

ทางอู๋หย่งเองก็ตรงไปตรงมา

ในฐานะรองหัวหน้าของหลินเยวียน เขาช่วยหลินเยวียนดูแลชั้นเก้าเป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องอะไรให้หลินเยวียนต้องกังวลเลย

ในตอนนี้

หลังจากถ่ายทำไปได้สักระยะ เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้าย คาดว่าอาจใช้เวลาอีกสักหนึ่งเดือนจึงจะปิดกล้องได้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ หลินเยวียนก็ยังคงไม่มีเวลาไปเข้างานบ่อยนัก

ถึงขั้นที่เขาไม่สามารถไปๆ มาๆ ที่กองถ่ายได้ตามใจชอบแล้ว

เพราะว่า…

วิทยาศิลปะฉินโจวเปิดเรียนแล้ว!

ในช่วงนี้ ภาคเรียนที่สองของปีสามก็ได้เริ่มต้นขึ้นตามปกติ ที่ในวันนี้หลินเยวียนปรากฏตัวที่กองถ่าย ก็เพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์

ตอนนี้

อี้เฉิงกงประกาศเลิกกองแล้ว เขาเข้ามาหาหลินเยวียน เอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม “ตัวแทนหลินคิดเห็นยังไงกับช่วงโพสต์โพรดักชันเหรอครับ หนังของเรากำลังจะถ่ายทำเสร็จแล้ว ตอนนี้ต้องคิดเรื่องโพสต์โพรดักชันกันแล้ว…”

“เพลงประกอบเดี๋ยวผมทำเองครับ”

หลินเยวียนเอ่ย “แล้วส่วนอื่นๆ คุณลองดูเลยครับว่าแบบไหนดี ทุกอย่างทำตามบทเลยครับ อย่าตัดให้จัดหวะของเรื่องเสียนะครับ”

แคปซูลความทรงจำไม่ได้ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์

อ่านตำราเกี่ยวกับภาพยนตร์มานับไม่ถ้วน ตอนนี้หลินเยวียนนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีไปแล้ว ฉะนั้นหลินเยวียนจึงเข้าใจถึงความสำคัญของการตัดต่อในกระบวนการผลิตภาพยนตร์

“เข้าใจแล้วครับ”

อี้เฉิงกงคุ้นเคยกับสไตล์ของหลินเยวียนแล้ว เขาในฐานะผู้กำกับก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลินเยวียนอย่างไร้เงื่อนไข

……

ตอนนี้ยังมีเวลา

หลังจากที่เลิกกอง หลินเยวียนมองดูสีของท้องฟ้า จึงให้กู้ตงไปส่งตนที่บริษัท กู้ตงเป็นผู้ช่วยของหลินเยวียน หลินเยวียนไปไหนเธอก็ไปด้วย ดังนั้นช่วงนี้ส่วนมากเธอจึงใช้เวลาอยู่ที่กองถ่าย

เมื่อมาถึงบริษัท

ทั้งสองขึ้นไปยังชั้นเก้า

พนักงานในแผนกต่างเอ่ยทักทายหลินเยวียน ส่วนหลินเยวียนก็พยักหน้าตอบ ก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานของตน และให้กู้ตงเรียกอู๋หย่งเข้ามา เขาไม่ได้ไร้ความรับผิดชอบเสียทีเดียว อย่างไรก็ต้องเอาใจใส่สถานการณ์ของแผนกของตนบ้าง

“ตัวแทนหลิน”

อู๋หย่งรีบรุดเข้ามา

หลินเยวียนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง อู๋หย่งถึงกับสวมชุดสูท นอกจากสีผิวที่คล้ำกว่าเดิมแล้ว ทั้งตัวกลับมีกลิ่นอายคล้ายไปทางเหล่าโจว ไม่เหมือนกับอู๋หย่งในความทรงจำของหลินเยวียน

เมื่อก่อนอู๋หย่งไม่เคยใส่สูท

อู๋หย่งกระแอมเสียงหนึ่ง คล้ายกับจะเดาความคิดของหลินเยวียนได้ “เป็นรองหัวหน้าก็ต้องดูภูมิฐานน่าเกรงขามหน่อยน่ะ…”

“งานเป็นยังไงบ้างครับ”

หลินเยวียนไม่ได้ตอแยกับเรื่องนั้น

อู๋หย่งเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เดือนเมษายนชั้นเก้าเรามีเพลงหนึ่งจะปล่อยไป เพลงนี้บริษัทชอบมากด้วยละครับ เสิ่นถิงเยวี่ยนนักร้องหญิงของบริษัทเป็นคนร้อง ผมคาดว่าเพลงนี้น่าจะเข้าท็อปห้าได้”

หลินเยวียนถาม “เพลงของใครครับ”

อู๋หย่งยกยิ้มได้ใจ “คนแต่งเพลงนี้ ก็คือเซวียเหลียง ลูกศิษย์ของตัวแทนหลินยังไงล่ะครับ สมแล้วที่เซวียเหลียงเป็นลูกศิษย์ของตัวแทนหลิน มาตรฐานของเพลงที่เขาเขียนสูงมาก คุณอยากฟังไหม”

“ได้ครับ”

หลินเยวียนตอบ

อู๋หย่งส่งเพลงนี้เข้าเครื่อง จากนั้นก็กดเล่นเพลง

นี่เป็นเพลงที่อัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะกำลังจะปล่อยอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน

บทเพลงค่อนไปทางอารมณ์ลึกซึ้ง

เพลงซึ้งนับว่าเป็นสไตล์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม

ท่วงทำนองของเพลงไม่เลวเลย อย่างน้อยส่วนตัวหลินเยวียนก็ชอบ และเมื่อฟังจบ หลินเยวียนยังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆ ระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมาว่า “ยินดีด้วย ลูกศิษย์คนแรกของโฮสต์จบหลักสูตร!”

[ชื่อ: เซวียเหลียง]

[ประพันธ์เพลง: 666]

[ความสัมพันธ์: อาจารย์/ลูกศิษย์]

[สถานะ: จบหลักสูตร]

[ประเมิน: เซวียเหลียงมีความสามารถที่จะเป็นนักประพันธ์เพลงมือทอง เขาขาดเพียงผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือเท่านั้น หวังว่าโฮสต์จะเอาใจใส่ลูกศิษย์ทุกคนของตน ผลงานของลูกศิษย์ก็สามารถเพิ่มค่าความโด่งดังให้อาจารย์ได้เช่นกัน]

ดูเหมือนว่าระบบจะทำนายอนาคตไม่ได้

ฉินและฉีผนวกรวม ทำให้ระบบต้องรีเซ็ตภารกิจอย่างจนใจ เห็นได้ชัดว่าระบบไม่สามารถทำนายอนาคตได้ และเซวียเหลียงแตะถึงมาตรฐานการจบหลักสูตร ก็หลังจากที่ตนฟังเพลงของเซวียเหลียงแล้ว ระบบถึงจะตัดสินผลออกมา

“เยี่ยมมากเลยใช่ไหมล่ะ”

อู๋หย่งกล่าวกลั้วหัวเราะ “แต่มีสองเรื่องที่ผมอยากจะบอกกับตัวแทนหลินสักหน่อย เรื่องแรกคือเซวียเหลียงไม่อยากใช้ชื่อจริงตอนปล่อยผลงาน เขาตัดสินใจตั้งนามปากกาของตัวเองที่คล้ายกับเซี่ยนอวี๋”

“ชื่ออะไรครับ”

อู๋หย่งเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกพิลึก “หลี่อวี๋[1]”

ตอนที่อู๋หย่งล่วงรู้ถึงการตัดสินใจของเซวียเหลียง เขาก็งงงันไปเช่นกัน เซวียเหลียงเคารพนับถืออาจารย์ของตนมาก ถึงได้ใช้ชื่อนี้สินะ

ถ้าตัวแทนหลินมีลูกศิษย์เพิ่มมากขึ้น ทั้งวงการเพลงของมณฑลฉินและฉีคงไม่ต้องมีลูกปลาหลานปลาออกมาว่ายอยู่เต็มไปเลยหรือไง?

หลินเยวียนชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาทันที “เข้าใจแล้วครับ เรื่องที่สองล่ะ”

อู๋หย่งตอบ “เรื่องที่สองก็คือ บริษัทช่วยคุณลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้ในปู้ลั่วภายใต้ชื่อเซี่ยนอวี๋ แปลว่าถ้าคุณมีเวลาก็ไปโพสต์ในนั้นได้ ชื่อบัญชีกับรหัสเดี๋ยวจะส่งให้ทีหลัง”

“อ้อ”

หลินเยวียนใช้บัญชีผู้ใช้ในชื่อ ‘ฉู่ขวง’ มาตลอด

นึกไม่ถึงว่าทางบริษัทจะช่วยเขาสมัครบัญชีผู้ใช้ของ ‘เซี่ยนอวี๋’ ไว้ด้วย

อู๋หย่งทอดถอนใจ “ปู้ลั่วกับบล็อกสู้กันดุเดือดมาก ทั้งสองฝั่งแข่งกันเชิญคนดังมาเข้าร่วม ยังไงแฟนคลับที่ตามมากับคนดังก็มีพลังมากใช่ไหมล่ะครับ…”

หลินเยวียนพยักหน้า

อู่หย่งเอ่ยเตือน “ในเมื่อมีปัญชีปู้ลั่วแล้ว คุณก็ต้องเรียกแฟนคลับให้มาติดตามสักหน่อย ผมขอแนะนำให้คุณดันผลงานของเซวียเหลียง ยังไงเขาก็เป็นลูกศิษย์คุณ”

“ครับ”

หลินเยวียนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ ดูท่าต่อไปเขาต้องได้สลับบัญชีบ่อยๆ แน่นอน

ถ้าใช้บัญชีของเซี่ยนอวี๋โปรโมตผลงานของฉู่ขวง ก็ได้ความแตกกันพอดี

เดี๋ยวนะ…

น่าจะไม่ต้องกลัวความแตกหรอก แค่ใช้บัญชีหนึ่งโพสต์ อีกบัญชีหนึ่งรีโพสต์ก็ได้แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าบัญชีของเซี่ยนอวี๋จะเรียกยอดติดตามของแฟนคลับได้มากแค่ไหนกัน

……………………………………………..

[1] หลี่อวี๋ หมายถึงปลาคาร์ป