ตอนที่ 192 ฉันผิดตรงไหน

นอกจากการถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว แน่นอนว่าหลินเยวียนเองก็ติดตามกระแสของเรื่องสั้นของตนเองเหมือนกัน

ปรากฏว่าเป็นอย่างที่หลินเยวียนคาดการณ์ไว้ เรื่องสร้อยคอสมแล้วที่เป็นผลงานของโมปัสซองต์ และการเป็นที่ยอมรับของงานชิ้นนี้ก็ได้คะแนนเต็มไปเลย

นั่นทำให้หลินเยวียนดีใจมาก

ส่วนเรื่องที่ผลงานของตนหรือเฝิงหวาดีกว่ากัน การถกเถียงกันในทำนองนี้หลินเยวียนก็เห็นแล้ว แต่ในความเป็นจริงคนที่กำลังแข่งกับเฝิงหวานั้นไม่ใช่ตน แต่เป็นโมปัสซองต์ เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงไม่ได้รู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมสักเท่าไหร่

เมื่อเทียบกันแล้ว

—— ส่วนในกิจกรรมปากกาฝันวาดบุปผาครั้งที่สองของปู้ลั่ววรรณกรรม คะแนนที่ผู้อ่านโหวตให้เรื่องสร้อยคอนั้นทิ้งห่างอันดับสองไปแล้ว นั่งครองบัลลังก์แชมป์อย่างมั่นคง เรื่องนี้ทำให้หลินเยวียนรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่

เขาคล้ายกับเห็นเงินรางวัลหนึ่งล้านหยวนกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่!

ชั่วขณะนั้นหลินเยวียนก็รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาทันที

เพราะเพียงแค่มองจากคำวิจารณ์ของแต่ละฝ่าย ถ้าผลงานเรื่องเปลี่ยนหน้าชิ้นนี้ไม่ได้เปิดตัวผ่านบล็อกโนเวล แต่เข้าร่วมกิจกรรมปากกาฝันวาดบุปผาละก็ ตำแหน่งผู้ชนะเลิศของหลินเยวียนคงจะมีสั่นคลอนกันบ้าง

เขาจงใจเข้าไปอ่านเรื่องเปลี่ยนหน้า

ในมิติเวลาอันไร้ขอบเขต มักมีคนที่จิตใจเชื่อมโยงถึงกัน ราวกับประสานห้วงจักรวาลและกาแล็กซี

ผลงานของเฝิงหวา ดันไปคล้ายกับผลงานคลาสสิกของของเชคอฟ เรื่อง ‘กิ้งก่า’ ที่หลินเยวียนเคยอ่านในโลกเดิมเข้าพอดี!

ที่นี่คือบลูสตาร์

นี่คือความเป็นเลิศด้านศิลปะของบลูสตาร์!

บนโลกที่ศิลปะพัฒนาไปไกลมาก ตนหยิบนิยายระดับเรื่องสร้อยคอออกมา ก็ใช่ว่าจะชนะได้ง่ายๆ!

แต่ถึงอย่างนั้น หลินเยวียนก็พลอยสบายใจขึ้นมา เมื่อคิดว่าเพลงของตนก็ไม่ได้นั่งบัลลังก์แชมป์ไปซะทุกครั้งเหมือนกัน

นี่คือโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่น่าทึ่ง

ผลงานคลาสสิกเหล่านี้ บนโลกก็มีคนเขียนออกมาเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ใช่ว่าจะเป็นหนึ่งไร้คู่แข่ง นับประสาอะไรกับบลูสตาร์ล่ะ

แต่เพราะแบบนี้แหละ ถึงน่าสนใจไงล่ะ

ทว่าสิ่งที่หลินเยวียนไม่รู้ก็คือ ทางบล็อกโนเวลในตอนนี้วุ่นวายกันยกใหญ่

“เป็นไปได้ยังไง!”

“ฉู่ขวงเสมอกับอาจารย์เฝิงหวาเชียวเหรอ”

“ฉันคิดว่าอาจารย์เฝิงหวาจะเป็นร่างทองไร้พ่ายซะอีก…”

“ถูกปู้ลั่วทุบแล้ว? สำหรับพวกเรา การมีอาจารย์เฝิงหวามาประจำอยู่ แต่กลับถูกคู่แข่งตีเสมอได้ ก็เท่ากับโดนทุบนั่นแหละ”

“ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เหอะ…แต่ฉู่ขวงก็โหดจริงๆ!”

“พวกเราดึงตัวฉู่ขวงมาได้มั้ย”

“ยากมาก ฉู่ขวงเคยร่วมงานกับปู้ลั่วมาหลายครั้งแล้ว…”

“…”

ทางบล็อกโนเวลรู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน

ทางปู้ลั่ววรรณกรรม กลับแทบอยากจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!

ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป คำพูดของเว่ยหลงที่ว่า ‘สามอาชาไนยแล้วยังไงล่ะ’ ก็ออกจะบุ่มบ่ามไปสักหน่อยจริงๆ

สามอาชาไนยเป็นเพียงขีดจำกัด!

แต่ฉู่ขวงแตะไปถึงขีดจำกัดแล้วเท่านั้นเอง!

ประโยคของฉางฉินที่ว่า ‘อาชาไนยคนที่สี่’ ไม่ได้เป็นกฎตายตัว ว่าจะต้องให้ฉู่ขวงกลายเป็นอาชาไนยคนที่สี่ของมณฑลฉิน แต่นัยยะสำคัญของคำวิจารณ์นี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจใครหลายคน!

อย่างน้อย…

นับจากนี้เป็นต้นไป เมื่อเอ่ยถึงฉู่ขวง สิ่งที่ทุกคนนึกถึงจะไม่ใช่ดาวเด่นหน้าใหม่ในวงการนิยายสั้น แต่เป็นคนจริงราคาสมกับคุณภาพ มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด!

ความสำคัญของเรื่องนี้ไม่เพียงเท่านี้

ใน ‘หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์’ ที่เพิ่งเผยแพร่ ก็รายงานเรื่องการชิงชัยระหว่างฉู่ขวงกับเฝิงหวาในครั้งนี้ด้วย ในหนังสือพิมพ์บรรยายไว้เช่นนี้

‘อาจารย์ฉางฉินกล่าวว่า ฉู่ขวงอาจเป็นอาชาไนยคนที่สี่ของวงการเรื่องสั้นของมณฑลฉิน คำพูดเช่นนี้อาจเป็นที่ถกเถียงกันในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากฉู่ขวงเป็นหนึ่งในนักเขียนที่เข้าใกล้สามอาชาไนยมากที่สุดของมณฑลฉิน คำกล่าวนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!’

“หนึ่งในนักเขียนที่เข้าใกล้สามอาชาไนยมากที่สุดของมณฑลฉิน!”

ครั้งนี้กลับยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้ว หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์เป็นหนังสือพิมพ์อันดับหนึ่งของวงการศิลปะและวรรณกรรมหลังจากที่ฉินและฉีผนวกรวมกัน มีองค์กรของทางการเป็นเบื้องหลัง การยอมรับในรูปแบบนี้ ก็มากพอให้หักล้างข้อกังหาไปกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว!

นอกจากนั้น

จากกระแสความร้อนแรงของฉู่ขวงและเฝิงหวา หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ยังปล่อยการจัดอันดับฝีมือของนักเขียนในแวดวงเรื่องสั้นออกมาอย่างเป็นทางการ การจัดอันดับนี้รวบรวมนักเขียนเรื่องสั้นหนึ่งร้อยเรื่องสั้นจากทั้งมณฑลฉินและมณฑลฉีเอาไว้!

อันดับที่หนึ่ง คือฉางฉิน

อันดับที่สอง เป็นนักเขียนจากมณฑลฉี

อันดับที่สาม เป็นนักเขียนจากมณฑลฉีเช่นกัน

อันดับที่สี่ คือเฟยหงหนึ่งในสามอาชาไนยของฉินโจว

และเฝิงหวาซึ่งขับเคี่ยวกับฉู่ขวงมาครั้งหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในอันดับที่หก

ส่วนฉู่ขวง

เขาอยู่ในอันดับที่สิบ

ถึงแม้หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์จะบอกว่าฉู่ขวงเป็นหนึ่งในนักเขียนที่เก่งกาจที่สุดในมณฑลฉินรองจากสามอาชาไนย

แต่ ‘หนึ่งใน’ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ ‘หนึ่งเดียว’

ทั้งฉินและฉี ยังมี ‘หนึ่งใน’ คนอื่นๆ บนการจัดอันดับอีก

มีคนเคยคำนวณไว้ ว่าบนการจัดอันดับ มีนักเขียนห้าสิบสามคนซึ่งมาจากทางมณฑลฉิน ที่เหลืออีกสี่สิบเจ็ดคนมาจากมณฑลฉี

น่าจะต้องรอจนกว่าทวีปอื่นๆ ผนวกรวมกันแล้ว การจัดอันดับในครั้งนี้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง

ในเวลานี้

ความสนใจที่ฉู่ขวงดึงดูดเข้ามานั้นมีมากขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แฟนคลับในปู้ลั่วของฉู่ขวงก็ทะยานขึ้นทะลุสามสิบล้านแล้ว!

คอมเมนต์ในเวยปั๋วก็เพิ่มขึ้นมามหาศาล

เพียงแต่สองในสามของแฟนคลับฉู่ขวงล้วนมาจากแวดวงผู้อ่านนิยายแฟนตาซีเยาวชน ที่เหลืออีกหนึ่งในสามนั้นมาจากแวดวงเรื่องสั้น

อย่างไรซะ อิทธิพลแฟนตาซีและความครอบคลุมกลุ่มผู้อ่านของนิยายแฟนตาซีนั้นใหญ่กว่าเรื่องสั้นมาก

และในตอนนี้เรื่องสร้อยคอโด่งดังเป็นพลุแตก กอปรกับเรื่องของฉู่ขวงซึ่งถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ได้เข้ามาเป็นสิบอันดับแรก ในระยะนี้จึงดึงดูดให้ผู้อ่านที่ชื่นชอบเรื่องสั้นมาติดตามบัญชีปู้ลั่วของเขาอย่างล้นหลาม

สิ่งที่ควรเอ่ยถึงก็คือ…

แฟนคลับสามสิบล้านคน นับเป็นเพียงปรอยฝนเล็กๆ บนปู้ลั่ว

เพราะยอดผู้ติดตามที่มากที่สุดบนปู้ลั่วนั้นทะลุหลักพันล้านไปแล้ว หนำซ้ำหลังจากที่ฉินและฉีควบรวมกัน คาดการณ์ว่าอีกไม่นานตัวเลขนี้คงจะทบทวีขึ้นไปอีกขั้น!

หลินเยวียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

ที่เขาอุตส่าห์เข้าไปสำรวจจำนวนแฟนคลับของคนอื่น เหตุผลหลักก็เพราะขณะที่จำนวนแฟนคลับของแฟนคลับในปู้ลั่วเพิ่มสูงขึ้น จู่ๆ เขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ [เนื่องจากการผนวกรวมของฉินและฉีอย่างกะทันหัน ภารกิจการบริหารสตาร์ไลท์มิวสิกก่อนหน้านี้ของโฮสต์ถูกรีเซ็ต เหลือแค่รับลูกศิษย์สามคนอย่างเดียว หากลูกศิษย์ทั้งสามจบหลักสูตรได้อย่างราบรื่น รางวัลภารกิจจะไม่เปลี่ยนแปลง]

‘เข้าใจแล้ว’

ระบบส่งเสียงติ๊งต่องอีกครั้ง ‘อีกเรื่องหนึ่ง ยินดีด้วยที่โฮสต์ได้รับภารกิจใหม่ของระบบ ถ้าโฮสต์สามารถทำให้ยอดผู้ติดตามในบัญชีปู้ลั่วของฉู่ขวงทะลุหนึ่งร้อยล้านภายในหนึ่งปี จะได้รับกล่องสมบัติเงินหนึ่งใบ กล่องสมบัติทองแดงสามใบ!’

‘รับภารกิจ’

นี่คือเหตุผลที่หลินเยวียนไปแอบส่องจำนวนแฟนคลับของคนอื่นๆ เขาต้องเข้าใจคอนเส็ปต์ของสิ่งที่เรียกว่าแฟนคลับในปู้ลั่วทะลุร้อยล้านเสียก่อน

“น่าจะไม่ยาก?”

ผู้ติดตามเกินพันล้านยังมีมาแล้ว ตนพยายามทำให้ผู้ติดตามทะลุร้อยล้านคงไม่ยากล่ะมั้ง เพียงแต่ถ้าเป็นแบบนี้ ตนจะต้องทำให้ฉู่ขวงมีความเคลื่อนไหวให้มากพอเท่านั้นเอง

พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องปล่อยหนังสือเรื่องใหม่!

หนังสือเรื่องใหม่ต่อจากปรินซ์ออฟเทนนิสและกระบี่เทพสังหาร!

น่าสงสัยว่า ระบบให้ภารกิจนี้มาเพื่อจงใจกระตุ้นให้ตนใช้เงินจนกระเป๋าฉีกหรือเปล่า

แต่หลินเยวียนเองก็ละโมบอยากได้รางวัล และทำได้เพียงควักเงินซื้ออีกครั้ง เขาจึงเอ่ยเรียกระบบ

“สั่งทำหนังสือหนึ่งเรื่อง ขอที่ราคาไม่เกินสิบล้าน!”

ระยะนี้หลินเยวียนควักเงินจ่ายอยู่บ่อยครั้ง เรียกว่าใช้เงินมือเติบเลยก็คงได้

เดิมทีคิดว่ารอสักพักก่อนแล้วค่อยเปิดนิยายเรื่องใหม่ แต่ทันทีที่ระบบมอบหมายภารกิจให้ หลินเยวียนก็พลันรู้สึกว่าตนพักผ่อนมามากพอแล้ว

“ระบบกำลังผลิต”

“ยินดีด้วยโฮสต์ได้รับผลงานชื่อว่า ‘คนขุดสุสาน[1]’ ราคาผลิตสิบล้าน!”

‘…’

ราคาผลิตสิบล้าน ก็ไม่ได้เกินสิบล้านสักหน่อย ฉันผิดตรงไหน?

………………………………………………………

[1] คนขุดสุสาน (《鬼吹灯》) นิยายซึ่งเขียนโดยเทียนซย่าปาช่าง ภายหลังถูกนำมาทำเป็นซีรีส์