ตอนที่ 191 อาชาไนยคนที่สี่
ฉู่ขวง เทพตลอดกาล?
หลงเฟยชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่ในใจจะเปรียบเทียบคุณภาพนิยายของฉู่ขวงและเฝิงหวา ทันใดนั้นก็ลังเลอยู่สักพัก เขารู้สึกว่านิยายสองเรื่องต่างก็ยอดเยี่ยมทั้งคู่ ยอดเยี่ยมซะจนแยกไม่ออกเลยว่าใครเหนือกว่าใคร
เสมอกัน?
หลงเฟยตกใจในทันที
และทางฝั่งบล็อกโนเวล เรื่องเปลี่ยนหน้าของเฝิงหวาเรียกคอมเมนต์จากผู้อ่านได้ทันทีที่ปล่อยไป ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับของเฝิงหวาหรือนักอ่านผู้มีใจรักเรื่องสั้น ก็ล้วนชื่นชมกันไม่ขาดปาก
‘สมแล้วที่เป็นเฝิงหวา!’
‘สมแล้วที่เป็นสามอาชาไนย!’
‘เปลี่ยนหน้าเดิมทีเป็นศิลปะการเขียนบทละครเวที ทุกคนต่างรู้กันว่านักแสดงบนเวทีสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และจุดที่ยอดเยี่ยมของอาจารย์เฝิงหวาก็คือเขาใช้ศิลปะการเปลี่ยนสีหน้ามาเสียดสีคนที่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าแต่กลับหวาดกลัวผู้ที่แข็งแรงกว่าในชีวิตจริง’
‘ตอนจบสุดยอด’
‘สุดท้ายแล้วสุนัขก็กัดหน่วยลาดตระเวนจนเจ็บตัว ผมรู้สึกขำอยู่หรอกนะ แต่ก็รู้สึกปวดใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าหลังจากที่หน่วยลาดตระเวนคนนี้โดนกัดแล้ว จะเลือกลงโทษเจ้าของหมาหรือกัดฟันทนยอมรับชะตากรรม’
‘…’
ประจวบเหมาะพอดี
ผู้อ่านอีกฝั่งก็อ่านเรื่องสร้อยคอจบไปและถูกเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุนิยมและเกียรติยศจอมปลอมครอบงำเอาไว้แล้ว ถึงอย่างไรโมปัสซองต์ก็เป็นปรมาจารย์เรื่องสั้นที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก ผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาจะไม่ดีไปได้อย่างไรกัน
‘ที่แท้เขาก็คือฉู่ขวง’
‘มณฑลฉินมีคนเก่งเต็มไปหมดจริงๆ นักเขียนเรื่องสั้นที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานถึงกับเขียนออกมาด้วยสำนวนภาษาที่สละสลวยดูช่ำชองแบบนี้ ตอนนี้ฉันจำฉู่ขวงได้แล้ว นี่เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นที่น่าทึ่งที่สุดที่ฉันเคยอ่านมาเลย’
‘ราคาของเกียรติยศจอมปลอม’
‘สามีภรรยาสกุลหวังชดใช้ไปครึ่งชีวิต เพียงเพราะสร้อยคอปลอมเส้นเดียว เวลาสิบปีทำให้ชีวิตของพวกเขากลับตาลปัตร ไม่รู้ว่าความทรงจำอันแจ่มจรัสในคืนนั้นของคุณนายหวัง จะกลายเป็นเพียงอดีตอันงดงาม หรือว่าเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจปัดเป่า’
‘ราคาสูงลิบพอตัวเลยนะ’
‘ฉันกลับคิดว่านิยายเรื่องนี้สุดยอดตรงที่คุณไม่สามารถตัดสินสิ่งที่ได้และเสียได้อย่างละเอียด แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียไปมาก แต่อันที่จริงทั้งสองคนก็ได้รับมามากมายเช่นกัน อย่างน้อยคุณนายหวังกับคุณหวังไม่ได้เลือกที่จะหลบหนี และการเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบอย่างกล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชาย อุปนิสัยแบบนี้มีคุณค่ามากที่สุด และนี่ก็เป็นมโนสำนึกอันเรียบง่ายของคนเรา’
‘ถูกต้อง’
‘ความฟุ้งเฟ้อกับความซื่อสัตย์ปรากฏในคนคนเดียวกัน ความฟุ้งเฟ้อไม่ถูกต้องก็จริง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธใครสักคนได้ การแสวงหาคุณค่าทางวัตถุเป็นทัศนคติในชีวิต ไม่สามารถบอกว่าคนคนหนึ่งไม่ดีไปซะทั้งหมดเพียงเพราะเรื่องนี้’
‘…’
ทางปู้ลั่ววรรณกรรม เรื่องสร้อยคอโดดเด่น ทำให้ผู้อ่านนับไม่ถ้วนพากันตกตะลึง รวมไปถึงบรรดานักเขียนเรื่องสั้นซึ่งปล่อยผลงานในช่วงเวลาเดียวกับฉู่ขวงก็นิ่งค้างพูดไม่ออกหลังจากที่ได้อ่านเรื่องนี้เช่นกัน
ทางบล็อกโนเวล
เรื่องเปลี่ยนหน้าของอาจารย์เฝิงหวา ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เมื่อเทียบกับเรื่องสั้นเรื่องอื่นๆ ในบล็อกโนเวลแล้ว แลดูเหมือนจะกลายเป็นตัวประกอบซะมากกว่า ยอดเข้าชมช่วงต้นเดือนมีนาคมในเซกชันนิยายของทั้งสองแพลตฟอร์มถึงกับหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว!
ถึงขั้นที่…
ทันทีที่นิยายสองเรื่องนี้เปิดตัวออกมาพร้อมกัน ก็นำพามาซึ่งการถกเถียงกันว่าผลงานชิ้นไหนยอดเยี่ยมกว่ากัน นี่เป็นเรื่องที่ไร้ข้อกังขาในสายตาใครหลายคน แต่ในขณะนี้ การถกเถียงก็ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ผู้อ่านแบ่งออกเป็นสองทีม
มีคนที่ชื่นชอบผลงานของเฝิงหวา ‘ในชีวิตเรามักจะพบเจอกับคนประเภทนี้ พวกเขาเป็นไม้หลักปักขี้เลน ความสามารถในการปรับตัวของการพูดและกระทำนั้นสูงมาก พวกเราไม่สามารถตำหนิว่าวิธีการเข้าสังคมแบบนี้ไม่เหมาะสม แต่ก็มีบางครั้งที่จะเห็นว่าคนบางคนก็ไหลลื่นเกินไป สีหน้าที่เปลี่ยนไปกับคำเรียกสุนัขที่เปลี่ยนไปหลายครั้ง ล้วนเป็นการเสียดสีคนกลุ่มนี้อย่างรุนแรง’
ในทางเดียวกัน
มีคนที่ชื่นชอบผลงานของฉู่ขวง ‘ความซับซ้อนของคนเราไม่ได้มีแค่ด้านเดียว เรื่องราวถ่ายทอดออกมาได้อย่างประณีต ใช้เรื่องราวของสร้อยคอซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตของสองสามีภรรยาคู่หนึ่งมาเสียดสีเกียรติยศจอมปลอมและวัตถุนิยม ขณะเดียวกันพล็อตเรื่องก็เริ่มขัดแย้ง โดยทำให้สามีภรรยาสกุลหวังพยายามอย่างหนักเพื่อใช้หนี้ตามมโนสำนึกของพวกเขา ต่อให้ราคาที่ต้องจ่ายอาจหมายถึงอนาคตของพวกเขา บางทีสิบปีให้หลังใช้หนี้จนหมด สองสามีภรรยาสกุลหวังก็พอจะได้บทเรียนมาบ้าง’
ไม่ใช่แค่ผู้อ่าน
แม้แต่นักเขียนเรื่องสั้นในวงการ หลายคนก็ยังถกเถียงกันว่าใหญ่เหนือกว่าใครอ่อนกว่า จนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าเสมอกัน และนั่นทำให้คนมากมายรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นมา เพราะคำถามไม่ได้อยู่ที่ระหว่างฉู่ขวงกับเฝิงหวาผลงานของใครดีกว่ากัน จุดที่ทำให้ผู้คนตกใจจริงๆ ก็คือทุกคนถึงกับยกฉู่ขวงขึ้นมาเปรียบเทียบกับนักเขียนเรื่องสั้นระดับเฝิงหวา
ฉู่ขวงเป็นดาวเด่นหน้าใหม่
เฝิงหวาเป็นหนึ่งในสามอาชาไนย
คนแรกไม่ว่าจะจากประสบการณ์หรือคุณวุฒิหรือว่าชื่อเสียง ก็สู้เฝิงหวาไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผลงานที่เขาเขียนออกมา กลับถูกนำมาเปรียบเทียบกับผลงานของเฝิงหวา ไม่มีเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อไปมากกว่านี้แล้ว!
และขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในความตื่นเต้น
หนึ่งในสามอาชาไนยในวงการเรื่องสั้นของมณฑลฉิน ซึ่งปัจจุบันนี้วางปากกาไปแล้ว แต่กลับยังเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการอย่างอาจารย์ฉางฉิน จู่ๆ ก็โพสต์แสดงความคิดเห็นของตนในแพลตฟอร์มปู้ลั่ว ‘ส่วนตัวผมคิดว่าทั้งสองฝ่ายเสมอกัน โครงเรื่องไม่เหมือนกัน แต่สละสลวยชวนตื่นเต้นเหมือนกัน ความยอดเยี่ยมของทั้งเฝิงหวาและฉู่ขวงเราต่างปฏิเสธไม่ได้ บางทีวงการเรื่องสั้นของมณฑลฉินอาจมีอาชาไนยคนที่สี่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วก็ได้’
ฉางฉินก็ตกใจเช่นเดียวกัน!
แต่สิ่งที่ทุกคนสนใจยิ่งกว่านั้น กลับเป็นความคิดเห็นของฉางฉิน
ฉู่ขวงมีคุณสมบัติที่จะเป็นอาชาไนยคนที่สี่ในวงการเรื่องสั้น?
ความหมายของเรื่องนี้ได้เกินไปกว่าการขับเคี่ยวกันระหว่างฉู่ขวงกับเฝิงหวาแล้ว หรือจะกล่าวได้อีกอย่างว่า ฉู่ขวงชนะแล้ว!
สิ่งที่เขาชนะ ก็คือการยอมรับ รวมไปถึงหัวใจของผู้คน!
เฝิงหวาแสดงฝีมือได้ดี เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในสายตาของหลายๆ คน แต่ฉู่ขวงในฐานะหน้าใหม่ไฟแรงของวงการ กลับก้าวขึ้นมายืนเสมอกับอริยบุคคลระดับนี้ได้ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก!
เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับผู้อาวุโสเอาซะเลย
แต่ไม่ว่าวงการใดก็เป็นเช่นนี้
เพราะคุณเก่ง ดังนั้นคุณทำผลงานได้ดี คนก็ย่อมมองเป็นเรื่องปกติที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น
ฉู่ขวงเคยเผชิญหน้ากับความคลางแคลงใจ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือคุณสมบัติก็ล้วนสู้ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อเขาทำผลงานได้เหนือจินตนาการของทุกคน ไม่ตกเป็นรองยามเผชิญหน้ากับเฝิงหวา ในแง่หนึ่งเขาก็นับว่าได้รับชัยชนะแล้ว!
เพียงแต่…
จะให้ไม่มีคนไม่เห็นด้วยกับทัศนะเรื่อง ‘อาชาไนยคนที่สี่’ ก็เห็นจะยาก เพราะผลงานของฉู่ขวงมีน้อยชิ้นเหลือเกิน
หากว่ากันตามคุณภาพของผลงานแล้ว เขามีศักยภาพอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่หลังจากนี้เขายังจะเขียนผลงานที่คุณภาพสูงแบบนี้ได้อีกมากแค่ไหน กุญแจสำคัญก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะกลายเป็นอาชาไนยคนที่สี่ของมณฑลฉินได้หรือไม่!
เฝิงหวาไม่ได้มีแค่เรื่องเปลี่ยนหน้า
ในประวัติผลงานของเขา เรื่องสั้นสนุกๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่รู้จบ
ไม่เหมือนกับฉู่ขวง นับรวมกันอย่างไร ผลงานก็มีอยู่ไม่กี่เรื่อง แต่เรื่องที่ผู้คนกล่าวถึงมากที่สุดอันที่จริงก็มีแค่เรื่องของขวัญแห่งเมไจ
ผลงานอีกสองเรื่องของฉู่ขวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความตายของเสมียนรัฐ หรือเรื่องโฉมงามประดิษฐ์ ล้วนได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่เลวก็จริง แต่ก็ยังด้อยกว่าอยู่บ้าง
แน่นอน ในตอนนี้มีเรื่องสร้อยคอเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่อง
มองจากคุณภาพแล้ว เรื่องสร้อยคอคุณภาพยอดเยี่ยมมาก
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าความคลาสสิกของเรื่องนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเรื่องของขวัญแห่งเมไจเลย!
สรุปแล้ว คำว่าอาชาไนยคนที่สี่ ก็ยังคงมีเครื่องหมายคำถามแขวนอยู่ด้านหลัง
แต่จุดที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ในวงการเรื่องสั้นปัจจุบันนี้ ฉู่ขวงเป็นคนที่เข้าใกล้กับสามอาชาไนยของมณฑลฉินมากที่สุดแล้ว!
………………………………………………………