หลานเสี่ยวถางรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งเรือนร่าง และรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองนั้นเหมือนกับรถไฟเหาะ เดี๋ยวก็บินขึ้นแล้วก็บินลง ไหนจะได้ขึ้น ๆ ลง ๆตามสือมูเฉินอีก
ดังนั้นเดิมทีไม่ว่าเขาจะแต่งงานกับเธอเพื่ออะไร ยังไงเขาก็รักเธออยู่ดี แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว?
“เวลาที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน คุณต้องจริงจัง” สือมูเฉินก้มศีรษะและกัดคอหลานเสี่ยวถางเบา ๆ เขารู้สึกถึงร่างกายของเธอบิดแรงขึ้น เขาเอื้อมมือออกไปถอดเสื้อผ้าของเธอจนเปลือยเปล่า แล้วค่อยๆดันตัวเขาเข้าไปจนพวกเขาแทบจะเป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว
ความสุขนั้นทำให้เธอขจัดความกระสับกระส่ายที่เหลือในหัวใจของเธอออกจนหมด หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปโอบกอดหลังสือมูเฉิน
เขาก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา และผิวกายที่เสียดสีบดเบียดกันทำให้ร่างกายของพวกเขาต่างรู้สึกแสบร้อน
ในท้ายที่สุด หลานเสี่ยวถางก็ลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว เพียงแค่รู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเธอเดือดพล่านตามการเคลื่อนไหวของสือมูเฉินตลอดเวลา จนกระทั่งมีแสงสีขาวส่องประกายในใจของเธอ และร่างกายของเธอก็หดตัวโดยไม่ตั้งใจ
เธอได้ยินเพียงเสียงลมหายใจหอบของเขา และน้ำเสียงนั้นก็ช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน: “เสี่ยวถาง หลังจากจัดงานแต่งงานแล้ว คุณจะมีลูกเลยไหม?”
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมองสือมูเฉิน เพียงพบว่าเมื่อเขาอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวนั้นยิ่งทำให้คนหลงใหล
เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า ลูกของพวกเขานั้นจะเหมือนใครมากกว่า?
เธอฟังสือมูเฉินพูดว่า: “ทางที่ดีขอลูกชายนะ แล้วค่อยเอาลูกเอา มีทั้งลูกชายและลูกสาว คนหนึ่งเหมือนผม และอีกคนหนึ่งเหมือนคุณ”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้น ในขณะที่เธอกำลังมีความสุขอยู่นั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามอย่างกังวลว่า: “แล้วถ้าทั้งคู่เป็นเด็กผู้ชายหรือทั้งคู่เป็นเด็กผู้หญิงล่ะคะ?”
“ถ้าทั้งสองคนเป็นเด็กผู้ชาย และพวกเขาสามารถปกป้องแม่ของพวกเขาด้วยกันได้” สือมูเฉินกล่าว และออกมาจากร่างของหลานเสี่ยวถาง และในขณะที่เขาช่วยเธอเช็ดร่างกายเธออยู่นั้นเขาก็พูดไปด้วยว่า: “แม่ของพวกเขานั้นชอบแอบร้องไห้คนเดียวกลางดึก ต้องมีคนปลอบอยู่ตลอดเวลา?”
หลานเสี่ยวถางกัดริมฝีปากของเธออย่างเขินอาย
สือมูเฉินพูดอีกครั้ง: “ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงสองคนแล้วล่ะก็ ก็จะเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวนของคุณ ในอนาคตถ้าผมออกไปทำธุรกิจ พวกเธอสามารถคุยเล่นกับคุณและไปช้อปปิ้งกับคุณได้ อีกทั้งพวกเธอยังสามารถช่วยคุณเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับในห้างสรรพสินค้าได้อีกด้วย”
เมื่อหลานเสี่ยวถางนึกถึงฉากนี้ มุมปากของเธอยกขึ้น: “ถ้าเป็นผู้หญิง ฉันจะแต่งตัวให้เป็นเจ้าหญิงน้อยที่สวยงามอย่างแน่นอน”
สือมูเฉินยิ้มและพูดว่า :”อย่ากังวล ลูกของเราจะต้องสวยอย่างแน่นอน!”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “แต่มูเฉิน คุณชอบเด็กผู้ชายมากกว่าหรือเด็กผู้หญิงมากกว่าคะ?”
“บางทีอาจจะเป็นเด็กผู้หญิงก็ได้นะ!” ในขณะที่สือมูเฉินพูดอยู่นั้น “ก็เหมือนเธอแบบนี้แหละ นิดหน่อย ๆก็งอนแล้วก็ร้องไห้เหมือนเด็ก ทำให้หัวใจผมละลายแล้ว แม้ว่าเธอจะซนและไม่เชื่อฟังแค่ไหน คาดว่าผมจะไม่กล้าแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางฟังคำพูดของเขาแล้วมีความสุขมาก และรู้สึกซึ้งใจอย่างมาก: “มูเฉิน คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงใช่ไหมคะ? คุณแม่ของคุณจะชอบแค่เด็กผู้ชายเท่านั้นหรือเปล่าคะ?”
สือมูเฉินส่ายหัว: “จะเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงก็ดีทั้งนั้น ตราบใดที่เป็นลูกของเราแล้ว ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ สำหรับคุณแม่ของผมถ้าเป็นหลานชายและหลานสาวแท้ ๆของเธอแล้ว คุณแม่ต้องชอบอย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่งพี่ชายของผมก็มีสือเพ่ยหลินให้ท่านแล้ว ดังนั้นไม่เป็นไรนะคุณไม่ต้องรู้สึกกดดัน”
ในที่สุดหลานเสี่ยวถางก็รู้สึกโล่งใจ เธอมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของสือมูเฉินและพูดด้วยความยินดี: “โอเค หลังจากพิธีงานแต่งงานจบลง พวกเราก็เตรียมมีลูกกัน!”
เนื่องจากหลานเสี่ยวถางได้รับโครงการใหม่จาก Latitude ดังนั้นเวลาที่เหลืออีกสองวันนี้เธอได้แต่รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างเดียว
ในช่วงบ่ายของวันที่ 4 หลานเสี่ยวถางไปร่วมพิธีเปิดของบริษัทซอฟต์แวร์ในห้างสรรพสินค้าหนิงเฉิง
หลังจากที่เธอมาถึงหน้าประตูเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและลงทะเบียนเสร็จ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกกับเธอว่าห้องประชุมอยู่ในห้องประชุมหลักซอฟต์แวร์ 703 บนชั้น 7 ของอาคาร
เธอมาถึงแต่เช้า และเมื่อเธอขึ้นไปในห้องประชุมนั้นยังไม่มีใครมาสักคน
นี่คือศูนย์การประชุมทางธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในหนิงเฉิง และมักจะเห็นคนที่แต่งตัวดีพูดภาษาอังกฤษและเจรจาธุรกิจกับต่างชาติอีกด้วย
หลานเสี่ยวถางนั่งอยู่ในพื้นที่พักผ่อนสักครู่ จากนั้นเธอจึงเดินไปที่ห้อง 703 เพียงแต่ว่าเมื่อผ่านห้องรับแขกไปจู่ ๆเธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย
หยานชิงเจ๋อเดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยชุดสูทสีฟ้า และในมือของเขาถือเอกสารกองหนาไว้อยู่
หลานเสี่ยวถางไม่เคยเห็นว่าใครจะใส่ชุดที่มีสีสันแล้วดูดีขนาดนี้ และทำให้รู้สึกว่าหาที่ตำหนิไม่ได้เลยสักนิดเดียว
แม้ว่าจะเป็นคนรู้จัก แต่เขามาที่นี่เพื่อประชุมเท่านั้น ดังนั้น หลานเสี่ยวถางจึงไม่ได้เข้าไปทักทายหยานชิงเจ๋อ แต่กลับเดินตรงไปที่ห้อง 703 ทันที
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเธอมองเข้าไปจากประตูในห้องประชุมนั้น เธอเห็นสือมูเฉินอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย
ในห้องประชุมนั้นมีเพียงหยานชิงเจ๋อและสือมูเฉินเท่านั้น พวกเขาเปิดคอมพิวเตอร์และเหมือนกำลังหารืออะไรกันอยู่
มุมริมฝีปากของหลานเสี่ยวถางยกขึ้นเล็กน้อย เธอจะตั้งที่จะเดินเข้าไปทักทายพวกเขา
และเมื่อนิ้วของเธอแตะที่ประตูห้องประชุมนั้น เธอได้ยินหยานชิงเจ๋อพูดอีกครั้ง: “พี่เฉิน ทางสาขาต่างประเทศผมคิดว่าสองสามวันนี้พี่น่าจะไปดูหน่อยนะครับ มีปัญหาที่ต้องให้พี่จัดการด้วยตนเอง”
สือมูเฉินพยักหน้า: “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นแกนัดเวลากับทางนั้นหน่อยแล้วกัน พี่จะบินไปคืนนี้เลย”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า: “ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อส่งอีเมล จากนั้นเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์อีกครั้งและพูดว่า “พี่เฉิน ทางฝั่งเสี่ยวถาง พี่จะไม่บอกตัวตนของพี่ให้เธอรู้จริง ๆเหรอครับ?”
สือมูเฉินตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตอบสนองกลับทันทีมุมปากของเขาขดขึ้น: “ตอนนี้อย่าพึ่งบอกดีกว่า เวลานี้พี่รู้สึกว่า ถ้าเธอไม่รู้มันน่าสนใจมากกว่า”
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้ แต่ดวงตาของเขายังคงยิ้มอย่างมีความสุข
เมื่อหยานชิงเจ๋อเห็นเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “ตอนนี้ที่พี่แสดงละครอยู่มันได้กลายเป็นเรื่องจริงแล้วเหรอครับ?หรือว่าพี่วางแผนว่าจะถอดตัวเมื่อไหร่ก็ได้?”
สือมูเฉินผงะไปครู่หนึ่งและส่ายหัว: “ฉันไม่เคยคิดที่จะถอนตัว”
หยานชิงเจ๋อถอนหายใจ: “เดิมทีพี่ไปติดหนี้อะไรพ่อเธอ? มันคุ้มค่าเหรอที่จะตอบแทนด้วยการแต่งงานแบบนี้?”
เมื่อสือมูเฉินถูกถามคำถามนี้ เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งและถอนหายใจออกมา:”ไม่สามารถชดเชยได้”
นอกห้องประชุม หลานเสี่ยวถางเห็นสีหน้าหน้าดำคล่ำเครียดของสือมูเฉินแล้ว เธอรู้สึกว่าในใจของก็เธอก็ขมขื่นทันที
เธอเดินจากไปอย่างช้า ๆ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว
คำถามของหยานชิงเจ๋อดังก้องอยู่ในหูของเธอ: “เป็นหนี้บุญคุณอะไร มันคุ้มค่าที่จะตอบแทนด้วยการแต่งงานเหรอ?”
ดังนั้น แม้ว่าวันนั้นสือมูเฉินจะบอกว่าเขารักเธอ เขาอาจจะต้องการแค่ปลอบใจเธอเท่านั้น
เขาไม่ได้วางแผนที่จะแยกทางจากเธอ เพราะสิ่งที่เขาเป็นหนี้ไม่สามารถชดเชยได้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะใช้ชีวิตสมรสทั้งชีวิตของเขาเพื่อชดเชยอย่างนั้นเหรอ?
ในขณะนี้ การเจรจาในห้องประชุมยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อหยานชิงเจ๋อเห็นสีหน้าท่าทางของสือมูเฉินที่เคร่งขรึม เขาก็อดไม่ได้ที่จะปลอบโยน: “ในเมื่ออดีตไม่สามารถชดเชยได้ก็ช่างมันเถอะ ไม่ต้องคิดอีกต่อไปแล้ว แต่พี่รู้สึกกับเสี่ยวถาง……”
“เธอดีมาก และพี่ก็รักเธอ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการชดเชยหรือไม่ พี่ก็จริงจังกับเธอ” สือมูเฉินกล่าวว่า: “เมื่อก่อนพี่แค่รู้สึกสงสารเธอมาก เมื่อเห็นเธอสิ้นหวังไม่มีหนทาง ดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับการชดเชยให้คุณพ่อของเธอแล้วพาเธอกลับบ้าน แต่งงานกับเธอ แต่หลังจาก นั้น……”
หยานชิงเจ๋อส่งอีเมล และมองไปที่สือมูเฉิน: “ตอนนี้เปลี่ยนความตั้งใจเดิมแล้วใช่ไหมครับ?”
สือมูเฉินยิ้มและพูดว่า: “ใช่สิ เมื่อก่อนพี่ก็ไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ว่าพี่จะจริงจังกับชีวิตการแต่งงานจริง ๆแบบนี้ เพราะในอดีตความคิดของพี่นั้น การแต่งงานส่วนใหญ่เป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์และมีพันธะ พี่มีความรับผิดชอบ แต่พี่ไม่เคยให้ความสนใจเรื่องความรัก”
หยานชิงเจ๋อยิ้มและพูดว่า:”พี่เป็นคนใจเย็นเกินไป ดังนั้นหากต้องการทำให้พี่หัวใจหวั่นไหวแล้วล่ะก็ คงต้องเป็นเช่นนี้แต่งงานก่อนแล้วค่อย ๆตกหลุมรัก”
สือมูเฉินขดริมฝีปาก: “ดังนั้น ยังไม่ควรบอกตัวตนนั้นของพี่ให้เธอรู้ เพราะพี่คิดว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับเธอในอีกทางหนึ่งก็น่าสนใจเช่นกัน”
“พี่เฉิน เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ผมไม่เคยรู้เลยว่า วันหนึ่งพี่ก็มีความรักที่โรแมนติกเช่นนี้ด้วย!” หยานชิงเจ๋อยิ้มและพูดว่า: “ดูเหมือนว่าพี่จะแกล้งหลอกเธอมาแล้วหลายครั้ง? พี่คิดว่าถ้าวันหนึ่งเธอรู้ว่าพี่แกล้งหลอกเธอแบบนี้ เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”
ดูเหมือนว่าสือมูเฉินจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจริง ๆ จากนั้นพูดว่า: “อย่างมากก็แค่โดนเธอต่อยหมัดสองหมัด แต่ว่าแรงเธอน้อยมาก คาดว่าหมัดของเธอคงไม่มีแรงสักเท่าไหร่”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของสือมูเฉินก็ดังขึ้น เขากดรับสายและหลังจากคุยกับคนในโทรศัพท์เสร็จแล้ว เขาก็วางสายและพูดกับหยานชิงเจ๋อว่า: “ทาง DR ยืนยันออกมาแล้วว่าพรุ่งนี้สามารถเริ่มดำเนินการได้เลย”
“เยี่ยมมากเลย ทุกอย่างอยู่ในแผนการหมดแล้ว” ในขณะที่หยานชิงเจ๋อพูดอยู่นั้น และเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าประตูห้องประชุม และมีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูพร้อมพูดว่า: “คุณผู้ชายทั้งสองคะ ลูกค้าที่นัดไว้มาถึงแล้วค่ะ”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า: “โอเค เชิญพวกเขาไปที่ห้องประชุม 709 เราจะตามไปเดี๋ยวนี้”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวเดินออกไป
ในขณะนี้ หลานเสี่ยวถางกำลังยืนอยู่นอกห้องประชุม 703 ราวกับว่าใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
จนกระทั่งข้างหลังเธอมีเสียงอ่อนโยนจากชายคนหนึ่งดังขึ้นมา: “เสี่ยวถาง ทำไมคุณมาถึงที่ประตูแล้วไม่เข้าไปล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางตอบสนองและหันมอง เป็นหันจื่ออี้ ด้านข้างหันจื่ออี้ยังมีผู้ช่วยของเขา
เธอบังคับตัวเองพยายามเปลี่ยนอารมณ์และยิ้มให้หันจื่ออี้: “ท่านประธานหัน สวัสดีค่ะ! ฉันกำลังจะเข้าไปแล้ว”
อย่างไรก็ตามการประชุมเปิดโครงการในวันนี้ หลานเสี่ยวถางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและฟังไม่เข้าหูสักคำ
แต่คำพูดของคนอื่นยังคงก้องอยู่ในใจของเธอ ไม่ว่าจะเป็นหลานเล่อซิน ซูสือจิ่น หรือว่าหยานชิงเจ๋อ
แต่คำพูดของพวกเขาเหล่านั้นมันก็ไม่มีอะไรน่าเศร้าเท่ากับที่มูเฉินพูดให้เธอได้ยินกับหูของเธอเอง
ที่แท้ เขาดีต่อเธอเพื่อต้องการชดเชยเท่านั้นเองเหรอ อีกทั้งเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ทำไม่สามารถชดเชยได้อย่างนั้นเหรอ ดังนั้นเขาจึงต้องชดเชยโดยการแต่งงานทั้งชีวิตของเขา!
เธอกำลังคิดว่ารอเมื่อเธอเจอคุณพ่อของตัวเองแล้ว เธอจะบอกคุณพ่อของตัวเองว่าไม่ต้องสืบสาวเอาเรื่องอะไรเขาอีกแล้ว ถ้าเช่นนั้น เธอจะบอกเขาว่า เขาไม่จำเป็นต้องชดเชยหนี้บุญคุณอะไรอีกแล้ว เธอจะคืนอิสระให้กับเขา
แต่ถ้าเมื่อเธอคืนอิสระให้กับเขาจริง ๆ เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?
หัวใจของหลานเสี่ยวถางสับสนวุ่นวายไปหมด เธอไม่รู้ว่าในอนาคตเธอควรจะทำอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นการที่สือมูเฉินดีต่อนั้นมันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น แล้วมีเรื่องไหนกันที่เขาจริงจังและจริงใจกับเธอจริงๆ
จนกระทั่งการประชุมโครงการสิ้นสุดลง วิศวกรที่อยู่ข้าง ๆ เธอกระทุ้งข้อศอกเพื่อของเธอ: “คนสวย ท่านประธานหันกำลังเรียกหาคุณอยู่!”
หลานเสี่ยวถางได้สติกลับคืนมา และเงยหน้าขึ้นมองหันจื่ออี้
เขาพูดกับเธอว่า: “คุณหลานครับ คุณรอสักครู่นะครับ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า ใบหน้าของเธอซีดเซียว: “ฉันขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันใจลอยไปหน่อย”
ไม่นานในห้องประชุมก็เหลือแต่หลานเสี่ยวถางและหันจื่ออี้
เขายืนอยู่ตรงหน้าที่นั่งของเธอ และมองลงมาที่เธอ: “เสี่ยวถาง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางรู้ว่าการแสดงของเธอเมื่อกี้นี้ไม่สามารถปิดหันจื่ออี้ได้ ดังนั้นเธอจึงฝืนยิ้มให้เขา: “มีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ฉันสามารถจัดการคนเดียวเองได้ค่ะ”